วันอาทิตย์ที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

คำกล่าวโทษของซาตาน

พระเจ้าตอบคำกล่าวโทษของซาตาน
รม. 8:31 แล้วเราจะพูดอะไรอีกในเรื่องนี้ ถ้าพระเจ้าทรงอยู่ข้างเรา ใครจะสู้เราได้ พระองค์มิได้ทรงหวงแหนพระบุตรของพระองค์
รม. 8:33 ใครเล่าจะฟ้องร้องผู้ที่ทรงเลือกสรรไว้แล้วได้ พระเจ้าประทานความชอบธรรม
รม. 8:34 ใครเล่าจะตัดสินลงโทษ พระคริสตเยซูสิ้นพระชนม์ ทั้งยังทรงกลับคืนพระชนมชีพ ประทับอยู่เบื้องขวาของพระเจ้า ทรงวอนขอแทนเราอีกด้วย
เมื่อพระเจ้าความบาปของมนุษย์โลกแล้วภายใต้แสงสว่าวของดวงอาทิตย์นี้ พระเจ้าได้พระราชทานอภัยความบาปแก่มนุษย์โลกทั้งหมดของพี่น้องที่เชื่อในพระเยซูคริสต์ด้วยการใช้พระโลหิตของพระคริสต์ไถ่พี่น้องให้เป็นไทวันนี้พี่น้องทั้งหลายที่เชื่อในพระเยซูคริสต์ท่านทั้งหลายเป็นไทอย่างแท้จริงพ้นจากความบาปอย่างสิ้นเชิง
ด้วยเหตุนี้เองซาตานจะเอาอะไรมาฟ้องร้องกล่าวโทษต่อพี่น้องได้อีกเล่าจริงใหม
พี่น้องที่รักซาตานอาจจะฟ้องร้องพี่น้องต่อพระเจ้า แต่อย่าลืมว่าถ้าพระเจ้าได้อยู่ฝ่ายพี่น้องแล้วไม่ว่าซาตานหรือใครผู้ใดจะฟ้องร้องต่อความบาปของพี่นี้องได้อีกเล่า
ในวันนี้พระเจ้าได้ชี้ให้ซาตานเห็นว่าด้วยพระโลหิตของพระเยซูคริสต์พระบุตรสุดที่รักองค์เดียวของพระเจ้า และนี่ก็เป็นคำตอบต่อซาตานที่กล่าวโทษความผิดบาปของพี่น้องให้ตกไปได้อย่างหมดสิ้น เพราะคำกล่าวโทษของซาตานพระเจ้าได้ตอบทุกข้อกล่าวหาที่ซาตานได้กล่วหาต่อพี่น้อง
สรรเสริญพระเจ้าวันนี้พี่น้องที่รักทั้งหลายด้วยพระโลหิตแห่งพระบุตรของพระเจ้าองค์เดียวคือพระเยซูคริสต์ พี่น้องทั้งหลายได้หลุดพ้นจากคำกล่าวโทษความผิดบาปที่ซาตานได้กล่าวหาพี่น้องต่อพระเจ้าไว้อย่างหมดสิ้นทุกวันนี้พี่น้องจึงมีอิสระภาพจากความบาปจนหมดสิ้นแล้ว เอเมน.

ดำเนินชีวิตแบบพระคริสต์ 16

ดำเนินชีวิตแบบพระคริสต์ 16
พี่น้องที่รักในพระคริสต์อย่าเชื่อทุกคำที่คนอื่นพูด
และอย่าไว้วางใจในความรู้สึกของตัวพี่น้องเอง
พี่น้องทั้งหลายจงระมัดระวังในและจงหนักแน่นในเรื่องที่พี่น้องได้ยินได้ฟังมาแม้ว่ามันจะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับพระเจ้าก็ตาม
พี่น้องทั้งหลายเป็นเรื่องที่ที่น่ายิ่งนักที่ในบางครั้งรู้สึกมีความอ่อนแอมากเกินไป
จึงเป็นการง่ายที่จะหลงเชื่อในสิ่งที่ได้ยินได้ฟังมาและก็มีความรวดเร็วอย่างยิ่งนักที่จะเผยแพร่ต่อไป แทนที่จะพิจารณาและไตร่ตรองด้วยเหตุผลผ่านพระวิญญาณบริสุทธิ์เสียก่อน
สำหรับพี่น้องที่เชื่อฟังเป็นอย่างดีในการทรงนำจากพระวิญญาณศักดิ์สิทธิ์นั้น จะไม่เร่งรีบและรีบร้อนที่จะเชื่อในเรื่องที่ได้ยินมาได้ฟังมาในทันที เพราะรู้ว่าความอ่อนแอของเนื้อหนังนั้นมีความโน้มเอียงไปสู่การทำในสิ่งที่ชั่วร้ายยิ่งนักมักจะมีคำพูดที่กลับไปกลับมา
ไม่ได้เป็นคำพูดที่หลั่งไหลออกมาจากพระวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้าอย่างแท้จริง.
ขอบคุณพระเจ้าการแสวงหาหลักความจริงนั้นต้องมาจากการทรงนำแห่งพระวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ ไม่ใช่มาจากปากของมนุษย์หลักปรัชญาหรือสำนวนโวหารของมนุษย์นั้นล่อลวงพี่น้องให้หลงทางไปจากหนทางของพระเจ้า เอเมน.

วันเสาร์ที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

พระโลหิตของพระเยซูคริสต์เป็นสิ่งที่พระเจ้าพอพระทัย

สิ่งแรกที่พระเจ้าพอพระทัยคือพระโลหิตของพระคริสต์
พี่น้องบางคนตกอยู่ภายใต้ความอ่อนแอของตนเอง และบ่อยครั้งมักจะคิดว่าตัวเองมีความผิดบาปอยู่เสมอยังไม่ได้รับการอภัย
ด้วยเหตุนี้ขอให้พี่น้องระลึกไว้ว่า พระโลหิตของพระเยซูคริสต์พระบุตรองค์เดียวของพระเจ้าได้ชำระความบาปของพี่น้องทั้งหลายให้ปราศจากความบาปทุกชนิดแล้วจนหมดสิ้น
ในวันนี้ความบาปทั้งมวลไม่ว่าจะด้วยความตั้งใจความบาปหรือไม่ได้ตั้งใจกระทำก็ตาม ทั้งหมดได้รับการอภัยบาปทุกชนิดจนหมดสิ้นแล้ว ด้วยพระโลหิตของพระเยซูคริสต์
พี่น้องที่รักพระโลหิตนี้เองจึงเป็นสิ่งที่พระเจ้าพอพระทัยเป็นสิ่งแรกนั่นเอง เอเมน.

ดำเนินชีวิตแบบพระคริสต์ 15

ดำเนินชีวิตแบบพระคริสต์ 15
พี่น้องที่รักเกียรติยศที่โลกนี้มอบให้ท่านนั้นผ่านไปอย่างรวดเร็วยิ่งนักมิใช่หรือ
การดำเนินชีวิตนั้นสอดคลองกับความรู้ที่ได้มาบ้างหรือไม่
พี่น้องทั้งหลายสิ่งที่ได้อ่าน สิ่งที่ได้เรียนรู้ สิ่งที่ได้แสวงหา นั้นเป็นประโยชน์ต่อกรดำเนิชีวิตฝ่ายวิญญาณบ้างหรือไไม่
พี่น้องที่รักบนโลกใบนี้มีคนจำนวนมากตายไปพร้อมกับความรู้ที่ไร้ประโยชน์และไร้แก่นสารไม่มีสาระ
พี่น้องที่รักในพระคริสต์มีน้อยคนนักที่จะเลือกเป็นผู้ที่จะรับใช้ปรนนิบัติองค์พระผู้เป็นเจ้า
เพราะพี่น้องรักชอบที่จะเป็นคนใหญ่คนโตมากกว่าเป็นคนที่อ่อนน้อมถ่อมตน
ด้วยเหตุนนี้ชีวิตจึงได้สูญเปล่าไปในสิ่งที่เพ้อันอันจอมปลอมนั้นเอง
พี่น้องที่รักคนที่ยิ่งใหญ่จริงๆๆนั้นคือคนที่เปี่ยมล้นไปด้วยจิตที่เมตตา 
เพราะว่าตัวเขาเองได้สำนึกในความเป็นคนที่เล็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น
พี่น้องที่รักเกียรติยศชื่อเสียงนั้นไม่ได้มีความอะไรเลยต่อพี่น้องไม่ใช่หรือ
พีน้องที่ชาญฉลาดมองว่าสิ่งของบนโลกใบนี้ว่าเป็นสิ่งที่ไร้ค่า เพราะชัยชนะที่แท้จริงและมีค่ามากนั่นก็คือองค์พระเยซูคริสต์เจ้านั่นเอง
พี่น้องที่รู้ในหลักความจริง คือพี่น้องที่แสวงหาดำเนินชีิวตตามน้ำพระทัยขององค์พระผู้เป็นเจ้า และึกฝนในการปฎิเสธตนเองตลอดเวลา

ดำเนินชีวิตแบบพระคริสต์ 14

ดำเนินชีวิตแบบพระคริสต์ 14
การใช่ความพยายามของตัวเองในการถอนรากถอนกิเลสราคะตัณหาของเนื้อหนังเพื่อปลูกฝังคุณธรรมให้กับตัวเองนั้น
เหมือนเป็นความพยายามที่จะหาคำตอบให้กับสิ่งที่ไร้สาระของเนื้อหนังแล้ว
ด้วยเหตุนี้ในการกระทำสิ่งที่ชั่วร้ายหรือแบบอย่างที่ไม่ดีของตัวเอง และชีวิตครอบครั้วที่แสนจะหยุ่งเหยิงและความแตกแยกก็จะไม่เกิดขึ้นอีกเลย
แน่นอนที่สุดในวันพิพากษาของพระเจ้า พี่น้องจะไม่ถูกจากพระเจ้าว่ามีหนังสืออะไรบ้างที่พี่น้องได้อ่่าน แต่จะถูกพระเจ้าถามพี่น้องว่าได้ทำอะไรบ้างให้กับตัวเองในการดำเนินชีวิตที่เป็นพยานให้แก่องค์พระผู้เป็นเจ้าในโลกนี้
พี่น้องจะไม่ถูกถามจากพระเจ้าว่า พี่น้องพูดพี่น้องสอนเรื่องของพระเจ้าได้ดีแค่ไหน แต่จะถูกพระเจ้าถามพี่น้องว่าพี่น้องได้ดำเนินชีวิตฝ่ายวิญญาณเป็นพยานแด่พระเจ้าหรือเปล่านั่นเอง
พี่น้องที่รักในพระคริสต์จงบอกหน่อยซิว่า บรรดาผู้รอบรู้ ครูอาจารย์ที่สอนในเรื่องราวของพระเจ้าบัดนี้ตัวเขาได้อยู่ที่แห่งหนไหน
พี่น้องได้รู้จักท่านเหล่านี้ดีไม่ใช่หรือ เขาเคยอยู่กับพี่น้องไม่ใช่หรือ เขาเหล่านั้นเป็นผู้ที่มีความรู้ไม่ใช่หรือ
แล้ววันนี้พวกเขาเหล่านั้นได้ไปอยู่ที่ไหนแล้วล่ะ เวลานี้ได้มีคนอื่นมาแทนพวกเขาเหล่านั้นแล้วไม่ใช่หรือ และคนที่มาแทนเขาเหล่านั้นไม่มีใครคิดถึงเขาเหล่านั้นเลยไม่ใช่หรือ
ในขณะที่พวกเขาเหล่านั้นมีชีวิตอยู่ในโลกนี้พววกเขาเป็นคนสำคัญไม่ใช่หรือ
แต่ในวันนี้ไม่มีใครได้พูดถึงเขาเหล่านั้นอีกเลยไม่ใช่หรือ
พี่น้องที่รักในพระคริสต์จงอย่ายึดติดสิ่งใดไม่ว่าคนสิ่งของสถานที่สิ่งที่รักและหวงของสะสมต่างๆๆในโลกนี้ วิชาความรู้ทางโลกที่แปรเปลี่ยนไปตามกาลเวลา
สิ่งที่พี่น้องควรแสวงหานั่นคือความจริงที่เที่ยงแท้แห่งชีวิตนิรันดร์ไม่ใช่หรือ เอเมน.

วันศุกร์ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

รับสุขในพระคริสต์

การรับสุขในพระคริสต์
พี่น้องที่รักในพระเยซูคริสต์ 
ในวันนี้พี่น้องสามารถอธิษฐาน สามารถครองอำนาจ สามารถเป็นกษัตริย์
และเมื่อพระเยซูคริสต์เสด็จกลับมาพี่น้องก็จะได้ร่วมรับสุขอยู่กับพระเยซูคริสต์
ได้รับแผ่นดินของพระเจ้าเป็นมรดกของพี่น้อง
พี่น้องที่รักในวันนี้ท่านทั้งหลายต้องเป็นปุโรหิตของพระเจ้าในการติดต่อกับพระเจ้าอย่างไม่หยุดหย่อนตลอดเวลา และพี่น้องจะได้รับพระราชทานเป็นกษัตริย์ปกครองนานาประเทศร่วมกับพระเจ้า เอเมน

การไถ่ถูกทำให้สำเร็จนิรันดร์

การไถ่ถูกทำให้สำเร็จนิรันดร์
ฮบ. 9:12 คือเสด็จเข้าไปในสถานศักดิ์สิทธิ์ครั้งเดียวเป็นพอ และพระองค์ไม่ได้ทรงนำเลือดแพะและเลือดลูกวัวเข้าไป แต่ทรงนำพระโลหิตของพระองค์เองเข้าไป จึงได้มาซึ่งการไถ่บาปชั่วนิรันดร์
ฮบ. 9:14 มากยิ่งกว่านั้นสักเท่าใด พระโลหิตของพระคริสต์ ผู้ทรงถวายพระองค์เองที่ปราศจากตำหนิแด่พระเจ้าโดยพระวิญญาณนิรันดร์ ก็จะทรงชำระมโนธรรมของเราจากการประพฤติที่เปล่าประโยชน์ เพื่อเราจะปรนนิบัติพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่
1ยน. 1:7 แต่ถ้าเราเดินอยู่ในความสว่าง เหมือนอย่างที่พระองค์สถิตในความสว่าง เราก็มีสามัคคีธรรมซึ่งกันและกัน และพระโลหิตของพระเยซูคริสต์พระบุตรของพระองค์ ก็ชำระเราให้ปราศจากบาปทั้งสิ้น
กจ. 20:28 จงเฝ้าระวังทั้งตัวพวกท่านเองและฝูงแกะซึ่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงตั้งพวกท่านไว้ให้เป็นผู้ดูแล และให้เลี้ยงดูคริสตจักรของพระเจ้า ที่พระองค์ทรงได้มาด้วยพระโลหิตของพระบุตรของพระองค์
การไถ่ที่ให้ชีวิตนิรันดร์ถูกกระทำให้สำเร็จด้วยพระโลหิตของพระเยซูคริสต์พระบุตรของพระเจ้า
พระโลหิตของพระเยซูคริสต์เจ้าได้ทรงไถ่มนุษย์บาปทั้งหลายในวันนี้ให้ได้รับความรอดนิรันดร์
วันนี้พี่น้องที่รักทั้งหลายพระโลหิตของพระเยซูคริสต์นี่เองที่ทำให้พี่น้องได้ปราศจากความบาปทั้งสิ้นอย่างสิ้นเชิง
ประสิทธิภาพแห่งการไถ่ที่นิรันดรนี้คำประกันด้วยสภาพของพระเจ้าในฐานะของมนุษย์ที่เป็นเพียงพระบุตรองค์เดียวของพระเจ้าด้วยเหตุนี้การไถ่ของพระเยซูคริสต์จึงเป็นการไถ่ที่นิรันดร์เพราะการไถ่นี้ได้ถูกทำให้สำเร็จด้วยพระเยซูคริสต์พระบุตรองค์เดียวของพระเจ้าที่มาบังเกิดเป็นมนุษย์อาดัมคนสุดท้าย
ด้วยเหตุนี้เองเปาโลได้เรียกว่าพระโลหิตจากพระบุตรของพระเจ้านั่นเอง
ขอบพระคุณพระเจ้าวันนี้พี่น้องทั้งหลายได้รับการไถ่ที่นิรันดร์บาปทั้งสิ้นได้รับการอภัยแล้วชัวกาลนานตราบจนนิจนิรันดร์กาล เอเมน

ดำเนินชีวิตแบบพระคริสต์ 13

ดำเนินชีวิตแบบพระคริสต์ 13
ความดีทุกอย่างในชีวิตนี้ จะมีความไม่ดีเข้ามาปะปนอยู่ด้วยเสมอ
ความสามารถในการพิจารณาวิเคราะมักจะมีความมืดบางอย่างเข้ามาบดบังไว้เสมอ
การรู้จักตัวเองเพียงน้อยนิดคือหนทางนำไปสู่องค์พระผู้เป็นเจ้า ไม่ใช่การนำไปสู่การแสวงหาอย่างลึกซึ่งในการเรียนรู้ของมนุษย์
การเรียนไม่ใช่สิ่งที่ไม่ดี หรือเป็นเรื่องที่ควรถูกตำหนิ
แต่ในมโนธรรมที่ดีและชีวิตฝ่ายวิญญาณย่อมดีกว่าทุกสิ่งทุกอย่าง
คนทั้งหลายในโลกทุกวันนี้แสวงหาแต่ความรู้มากกว่าจะแสวงหาการดำเนินชีวิตฝ่ายวิญญาณ
ด้วยเหตุนี้มนุษย์ทั้งหลายในโลกนี้จึงได้หลงเดินทางผิดไปจากทางของพระเจ้าและไม่ได้พบประโยชน์อะไรเลยในชีวิตที่ว่างเปล่าของเขา

วันพุธที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

มนุษย์มีอะไรที่เหมือนกับพระเจ้า

มนุษย์มีอะไรที่เหมือนกับพระเจ้าบ้าง
ปฐก. 5:1 ต่อไปนี้เป็นหนังสือลำดับพงศ์พันธุ์ของอาดัม เมื่อพระเจ้าทรงสร้างมนุษย์นั้น พระองค์ทรงสร้างตามอย่างของพระองค์
พระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ให้มีลักษณะคล้ายหรือเหมือนกับพระเจ้า
สิ่งที่ทำให้มนุษย์แตกต่างจากสัตว์นั่นคือการที่มนุษย์มีวิญญาณสาามารถติดต่อสื่อสารกับพระเจ้าได้ มีวิญญาณที่สามารถใช้ในการนมัสการพระเจ้าได้
แต่สัตว์ไม่มีวิญญาณในการติดต่อและนมัสการพระเจ้า

ทำไมห้ามคริสเตียนกินเลือดสัตว์

ทำไมในพระคัมภีร์พระเจ้าห้ามกินเลือดสัตว์มีเหตุผลอะไร
ลนต. 17:12 เพราะฉะนั้นเราจึงได้พูดกับคนอิสราเอลว่า ห้ามคนใดในพวกเจ้ารับประทานเลือด หรือคนต่างด้าวผู้อาศัยท่ามกลางเจ้าก็ห้ามรับประทานเลือด
การที่พระเจ้าห้ามกินเลือดสัตว์นั้นมีเหตุผลสำคัญสองประการคือ
1.ชีวิตของสัตว์ทุกตัวอยู่ในเลือด
2.เลือดมีไว้สำหรับลบมลทินและบาปของคนอิสราเอล

ดำเนินชีวิตแบบพระคริสต์ 12

ดำเนินชีวิตแบบพระคริสต์ 12
จิตใจที่มีสันติสุขเรียบง่ายมากเท่าใด จะเข้าใจในสิ่งต่างๆได้มากขึ้นและลึกซึ้งมากขึ้น
พี่น้องทั้งหลายต้องไม่เหน็ดเหนื่อยในการแสวงหา เพราะพี่น้องได้รับแสงสว่างแห่งความเข้าใจจากพระเจ้าแล้ว
วิญญาณที่บริสุทธิ์ จริงใจและมั่นคงจะไม่มีความวิตกกังวลแม้ว่าจะมีงานมากมายที่จะต้องทำก็ตาม เพราะว่าพี่น้องทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อถวายแด่พระเจ้าไม่ใช่เพื่อสนองความต้องการของตัวพี่น้องเอง
อุปสรรคและความรำคาญใจนั้น เกิดขึ้นจากวิญญาณที่ไร้ระเบียบวินัยของพี่น้องเอง
คนชอบธรรมจะเริ่มทำงานจากในวิญญาณก่อนที่จะออกไปทำงานภายนอก
จึงไม่ถูกชักจูงไปในการทำตามความต้องการที่ชั่วร้าย แต่จำทุกสิ่งทุกอย่างด้วยเหตุและผลที่ถูกต้องเท่านั้น
การต่อสู้เพื่อเอาชนะตัวเอง เป็นการต่อสู้ที่หนักที่สุดไม่ใช่หรือ
พี่น้องต้องใช้ความพยายามที่จะเป็นนายของตัวเองให้ได้
ดังนั้นการต่อสู้ในแต่ละวันนั้นจะทำให้พี่น้องเข้มแข็งและก้าวไปสู้การเติบโตในวิญญาณมากยิ่งขึ้น เอเมน

การชำระบาปเป็นอย่างไร

การชำระล้างบาปของพระคริสต์เป็นอย่างไร
ในที่นี้ไม่ใช่ว่าตัวของพี่น้องเองจะไม่ได้สำรวจในตัวเองอย่างละเอียดถี่ถ้วน
หรือว่าพระเจ้าไม่ได้รู้จักตัวของพี่น้องทั้งหลายอย่างเพียงพอ
และไม่ใช่การที่พี่น้องทั้งหลายพยายามที่จะซ่อนเร้นในเรื่องบางสิ่งบางอย่างไว้
หรือว่าพระเจ้านั้นได้มองข้ามบางสิ่งบางอย่างไปไม่ใช่อย่างแน่นอนเพราะพระองค์ทรงสถิตอยู่ภายใต้ความสว่าง และตัวของพี่น้องเองก็อยู่ภายใต้ความสว่างนีี้ด้วยเช่นกัน
นี่ก็คือการที่มีพระโลหิตอันประเสริฐของพระคริสต์เท่านั้นที่จะสามารถชำระล้างบาปทุกชนิดให้แก่พี่น้องทั้งหลายได้นั่นเอง
พระโลหิตของพระเยซูคริสต์เพียพอสำหรับการชำระล้างบาปทุกชนิดให้กับพี่น้องทั้งหลายได้ เอเมน.

พระโลหิตชำระบาปทุกชนิดจนหมดสิ้น

พระโลหิตของพระคริสต์ทรงชำระบาปทุกชนิดจนหมดสิ้น
ขอบพระคุณพระเจ้าที่พระบุตรองค์เดียวของพระองค์คือพระเยซูคริสต์
ทรงใช้พระโลหิตของพระคริสต์นี้หลั่งไหลออกมาเพื่อพี่น้องทั้งหลายในวันนี้ได้พ้นจากบาปทุกชนิดจนหมดสิ้นอย่างสิ้นเชิง เอเมน
ในที่นี้พี่น้องที่รักไม่ใช่เพียงบาปทั้งหมดดังที่พี่น้องเข้าใจกัน
แต่คือบาปทุกชนิดบาปทุกๆสิ่ง
นี่เป็นความมหัศจรรย์และพระคุณอันมากล้นของพระคริสต์เพื่อพี่น้องทั้งหลาย
พระเจ้าเป็นแสงสว่างเมื่อพี่น้องทั้งหลายได้เดินอยู่ภายใต้แสงสว่างนี้กับพระคริสต์
ทุกๆสิ่งก็จะมาปรากฎอย่างเห็นได้ชัดเจนภายใต้แสงสว่างนี้
พระเจ้าทรงมองเห็นทุกสิ่งทุกอย่าง ด้วยเหตุนี้เองพระโลหิตของพระคริสต์จึงได้ชำระล้างพี่น้องทั้งหลายให้พ้นจากความบาปทุกชนิดนั่นเอง

666 มีความหมายอะไร

เลข 666 ในพระคัมภีร์พันธสัญญาใหม่ มีความหมายอะไร
วว. 13:18 ในเรื่องนี้ต้องใช้สติปัญญาให้ดี ถ้าใครมีความเข้าใจ ก็จงคิดคำนวณเลขของสัตว์ร้ายตัวนั้น เพราะว่าเป็นเลขของคนผู้หนึ่ง เลขของมันคือหกร้อยหกสิบหก
ตัวเลข 666 นั้นเป็นเลขประจำตัวของสัตว์ร้าย 
มีคนหลายคนได้พยายามหาความหมายของตัวเลข 666 นี้โดยใช้หลักการของแกมาเทรีในหนังสือทัลมุดของชาวยิว
คือได้กำหนดตัวเลขเป็นพยัญชนะของชาวฮีบรู ซึ่งสามารถอ่านได้เป็นคำว่า เนโรซีซาร์ หรือจักรพรรดิเนโร นั่นเอง
แต่ในที่นี้เลข 666 อาจจะมีความหมายถึงความไม่สมบูรณ์ ซึ่งเล็งถึงซาตานที่พยายามจะเป็นผู้ที่มีความครบถ้วนสมบูรณ์เหมือนอย่างกับองค์พระผู้เป็นเจ้า
เพราะพระเจ้านั้นมีการใช้สัญญาลักตัวเลข 777 นั่นเอง
แต่กระนั้นถึงอย่างไรก็ตามพี่น้องที่รักตัวเลขต่างๆๆที่ได้กล่าวถึงมาข้างต้นนี้ 666 จะมีความหมายเฉพาะในพระคริสตธรรมคัมภีร์ตามบริบทเท่านั้น
พี่น้องจึงไม่ควรที่จะนำตัวเลขเหล่านี้ไปใช้เพื่อการพยากรณ์เป็นเรื่องราวที่ไม่เคยปรากฎในพระคัมภีร์เลย
กท. 1:7 ซึ่งที่จริงไม่ใช่ข่าวประเสริฐ แต่มีบางคนทำให้พวกท่านยุ่งยาก และปรารถนาบิดเบือนข่าวประเสริฐของพระคริสต์

ดำเนินชีวิตแบบพระคริสต์ 11

ดำเนินชีวิตแบบพระคริสต์ 11
พี่น้องที่รักในพระคริสต์จะเกี่ยวข้องประการใดหรือที่จะพูดถึงเรื่องเผ่าพันธ์และต้นกำเนิดแห่งมนุษย์ชาติด้วยเล่า
พี่น้องคนใดที่พี่พระวิญญาณบริสุทธิ์แห่งความจริงได้สั่งสอนเขา
พี่น้องคนนั้นก็เป็นอิสระจากข้อสงสัยทั้งปวงมิใช่หรือ
พระคำของพระเจ้าเพียงตรัสคำเดียวเท่านั้นทุกสิ่งก็เกิดขึ้นมาและสิ่งที่พระองค์ทรงสร้างนั้นได้แสดงว่ามีพระเจ้าเป็นผู้สร้างมิใช่หรือ
พระองค์คือปฐมเหตุ พระคำของพระองค์ตรัสกับพี่น้องตั้งแต่เริ่มแรกแล้วไม่ใช่หรือ
ดังนั้นจะไม่มีมนุษย์บาปคนใดเข้าใจหรือตัดสินเรื่องใดได้อย่างถูกต้องหากปราศจากชีิวิตของพระองค์ที่อยู่ภายใน
พี่น้องที่เห็นว่าทุกสิ่งเป็นของพระเจ้า ก็จะมอบถวายทุกสิ่งนั้นคืนแก่พระเจ้า
พี่น้องที่เห็นทุกสิ่งอยู่ภายในพระองค์ วิญญาณของพี่น้องจะมั่นคงและดำรงอยู่ในสันติสุขร่วมกับองค์พระผู้เป็นเจ้า
ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์คือความจริง โปรดให้ลูกเป็นหนึ่งเดียวกับพระองค์ในความรักนิรันกาล เอเมน
บ่อยครั้งพี่น้องมีความรู้สึกเบื่อหน่ายที่จะอ่านเรื่องราวไร้สาระทางโลก และมีความรู้สึกรำคาญที่จะต้องฟังเรื่องราวไร้สาระต่างๆของโลกนี้ เพราะว่าพี่น้องมีพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้าอยู่ภายในพี่น้องนั้นเองจึงมีความบริบูรณ์ที่ครบถ้วยทุกอย่างที่อยากได้และตามที่ใจปราถนาอยู่แล้ว
ขอให้บรรดาพี่น้องผู้มีพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้าสถิตอยู่ภายในท่านทั้งหลายจงอยู่ในสันติสุข
ขอให้สิ่งที่พระเจ้าเป็นผู้สร้างทั้งมวลอยู่ในความสงบต่อหน้าพระเจ้าองค์เที่ยงแท้
ขอให้พระเจ้าผู้เดียวเท่านั้นที่ตรัสกับพี่น้องทั้งหลายในวันนี้ เอเมน

วันอังคารที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

ภาาวนาแห่งหัวใจ

คำแนะนำอย่างย่อสำหรับการภาวนาแห่งหัวใจ
นั่งหรือยืนในที่มืดสลัวและเงียบสงบ
สำรวมตน
โดยอาศัยจินตนาการของท่าน จงเข้าไปสู่ในหัวใจและอยู่ที่นั่นด้วยใจจดจ่อ
นำจิตของท่านจากศรีษะไปสู่หัวใจและภาวนาว่า พระเยซูเจ้าข้าเมตตาลูกเทอญ อย่างสงบโดยริมฝีปากหรือโดยจิตตามแต่จะสะดวก ภาวนาไปช้าๆด้วยความเคารพ
จงเฝ้าระวังความจดจ่อของจิตให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และอย่าปล่อยให้ความคิดใดเข้ามารบกวน
จงอดทนและอยู่ในสันติ
ควบคุมการกิน การดื่ม และการหลับนอนให้พอสมควร
เรียนรู้ที่จะรักความสงบ
อ่านพระคริสตธรรมคัมภีร์และหนังสือฝ่ายวิญญาณในเรื่องการภาวนา
จงหลีกเลี่ยงความวอกแวกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

ผู้ต่อต้านพระคริสต์

ผู้ต่อต้านพระคริสต์
วว. 13:5 พระเจ้าทรงอนุญาตให้สัตว์ร้ายนั้นใช้ปากพูดจาใหญ่โตและหมิ่นประมาทพระเจ้า และทรงอนุญาตให้มันใช้สิทธิอำนาจทำการสี่สิบสองเดือน
วว. 13:6 มันเปิดปากของมันพูดหมิ่นประมาทพระเจ้า พูดหมิ่นประมาทต่อพระนามของพระองค์ ต่อสถานที่สถิตของพระองค์ และต่อพวกที่อยู่ในสวรรค์
วว. 13:7 และทรงอนุญาตให้มันทำสงครามกับบรรดาธรรมิกชนและชนะพวกเขา และประทานให้มันมีสิทธิอำนาจเหนือทุกเผ่า ทุกชนชาติ ทุกภาษา และทุกประชาชาติ
วว. 13:8 และคนทั้งหลายที่อยู่บนแผ่นดินโลกจะบูชาสัตว์ร้ายนั้น คือคนที่ไม่มีชื่อจดไว้ในหนังสือแห่งชีวิตของพระเมษโปดกผู้ถูกปลงพระชนม์ตั้งแต่แรกสร้างโลก
2ธส. 2:3 อย่าให้ใครล่อลวงท่านโดยทางหนึ่งทางใดเลย เพราะว่าวันนั้นจะไม่มาถึงจนกว่าจะมีการกบฏเสียก่อน และคนนอกกฎหมายนั้นจะปรากฏตัว คือลูกแห่งความพินาศ
2ธส. 2:4 ผู้กีดกั้นขัดขวางและยกตัวขึ้นต่อสู้ทุกสิ่งที่ได้ชื่อว่าเป็นพระ หรือสิ่งที่เขาไหว้นมัสการนั้น แล้วมันก็จะนั่งในพระวิหารของพระเจ้า ประกาศตัวว่าเป็นพระเจ้า
ผู้ต่อต้านพระเยซูคริสต์ที่จะมาถึงในอนาคตนั้น จะเป็นผู้ที่ตกอยู่ในความคิดเห็นของตัวเองอย่างสิ้นเชิงและเป็นผู้ที่มีจิตใจที่เป็นเอกเทศอย่างเด็ดเดี่ยวอีกด้วย
ผู้ต่อต้านพระคริสต์เป็นผู้ที่ซาตานได้เข้าครอบครองตัวเขาทั้งหมดและเป็นผู้ทีโดนซาตานเปลี่ยนแปลงกลายของเขาให้เป็นคนบาปที่ยิ่งใหญ่ ถูกขนานนามเรียกกันว่าลูกแห่งความพินาศ เพราะว่าเขาได้ยกตัวของเขาขึ้นมาตั้งตัวเองเป็นพระเจ้าเสียเอง
ตัวผู้ต่อต้านพระคริสต์นี้เป็นผู้ที่ยิ่งใหญ่คนหนึ่งในความรู้เรื่องพระคริสต์ธรรมคัมภีร์
แต่ตัวเขาเองไม่รู้เร่องราวการดำเนินชีวิตฝ่ายวิญญาณในพระคริสต์เลย
เขาไม่มีการดำเนินชีวิตตามกฎแห่งชีวิตที่มาจากพระวิญญาณบริสุทธิ์
และตัวเขาเองไม่มีความสนใจในการแสวหาหลักความจริงในพระคำของพระคริสต์อีกด้วย
ดังนั้นชะตากรรมของผู้ต่อต้านพระคริสต์ในที่สุดจะมีหนทางเช่นเดียวกับมารซาตานนั่นก็คือตกลงไปในบึ้งไฟนรกนิรันดร์กาล

ความเชื่อหรือวิทยาศาตร์

ความเชื่อเป็นหลักแห่งวิทยาศาสตร์ที่พระเจ้าทรงส้รางไว้
การที่จะเชื่อว่าพระเจ้าเป็นผู้สร้างฟ้าและแผ่นดินสร้างโลกนี้นั้นเป็นความเชื่อหรือเป็นความจริงกันแน่
การที่จะบอกว่าพระเจ้าสร้างโลกนี้นั้นจะบอกว่าเป็นเพียงความเชื่อเท่านั้นหรือเป็นเรื่องจริงที่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์มารับรอง
ตรงนี้ขึ้นอยู่กับว่าจะสรุปปัญหาการที่พระเจ้าสร้างโลกนี้ด้วยท่าทีอะไร
เช่นหากศึกษาโลกนี้ด้วยการค้นคว้าทางทฤษฎีวิวัฒนาการ นั้นจะเห็นว่าโลกมีความเป็นมาเรื่อยๆๆจากจุดเล็กๆๆจุดหนึ่งกลายเป็นสิ่งที่พัฒนาด้วยตัวของมันเองได้ในที่สุดนี่มันจริงหรือ
ดังนั้นทฤษฎีวิวัฒนาการจึงมีจุดอ่อนอย่างมากมายทีเดียว
เช่นทฤษฎีนี้ขึ้นอยู่ในโอกาสแห่งความเป็นไปได้ ยกตัวอย่างหลักฐานของซากสิ่งมีชีวิตที่กลายเป็นหินฟอสซิล
เมื่อมีการนำมาพิสูจน์อย่างจริงจังตามหลักการทางวิทยาศาตร์แล้วจะพบว่ามีความขัดแย้งกับความรู้สึกของมนุษย์อย่างมาก
มีนักวิชาการที่มีชื่อเสียงทางวิทยาศาตร์มากมายต่างลงความเห็นว่าทฤษฎีวิวัฒนาการนั้นเป็นแค่เพียงความเชื่อหรือจินตนาการมากกว่า โดยขาดซึ่งหลักการทางวิทยาศาตร์อย่างสิ้นเชิง
ดังนั้นหากมีคนหนึ่งได้ตั้งธงเอาไว้แต่แรกแล้วว่าภายใต้ฟ้านี้โลกนี้จักรวาลนี้ไม่มีพระเจ้าอย่างแน่นอนนี่ก็คือการที่เขาได้ตัดสินใจแต่แรกแล้วว่าเชื่อว่าไม่มีพระเจ้า
โดยมีความคิดว่ามนุษย์นั้นมีการวิวัฒนาการมาจากสัตว์ชั้นต่ำและชีวิตเกิดมาจากสิ่งไม่มีชีวิต
แต่หลังจากได้ผ่านการศึกษามาเป็นเวลายาวนานกว่าร้อยปีขึ้นไปแล้วแม้จะไม่ค้นพบหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่แน่นอนจากการค้นพบซากของสิ่งมีชีวิตที่กลายเป็นหินฟอสซิลแล้ว ก็ยังมีความเชื่อกันอยู่ว่าสัตว์เลื้อยคลานกลายมาเป็นนกได้ แม้ว่าการสรุปเช่นนี้นั้นไม่สามารถอธิบายหลักการทางวิทยาศาสตร์ได้ก็ตามว่าสิ่งมีชีวิตเกิดขึ้นได้อย่างไรและไม่ได้ให้คำตอบต่อทฤษฎีวิวัฒนาการการได้เลย
ในการเปลี่ยนแปลงนั้นมีโอกาสที่เป็นไปได้นั้นตามหลักการวิวัฒนาการเป็นไปไม่ได้เลย
ถึงอย่างไรก็ตามเมื่อมีความเห็นผิดแต่แรกเริ่มแล้วก็ยังคงรักษาความเชื่อในทฤษฎีวิวัฒนาการต่อไป นี่คือสิ่งที่ซาตานได้ปิดตาใจของมนุษย์โลกนี้ไม่ให้เห็นหนทางแ่งความสว่างในการเดินเข้าสู้อาณาจักรของพระคริสต์นั่นเอง

วันจันทร์ที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

ดำเนินชีวิตแบบพระคริสต์ 10

ดำเนินชีวิตแบบพระคริสต์ 10
คำสอนแห่งหลักความจริง
ขอบคุณพระเจ้าที่ได้รับพระคำแห่งหลักความจริง
พระวิญญาณบริสุทธิ์ได้สอนให้เรียนรู้ถึงพระคำแห่งความจริงนี้
ไม่ใช่มาจากจินตนาการหรือคำพูดไร้สาระของเนื้อหนังที่ไม่เที่ยงแท้
ความคิดเห็นและความรู้สึกส่วนตัวจะทำให้เข้าใจผิดในการได้รู้ในหลักความจริงขององค์พระผู้เป็นเจ้า
พี่น้องที่รักในพระคริสต์จะมีประโยชน์อะไรที่จะมาเถียงกันในเรื่องสิ่งที่มองไม่เห็นนั้นเล่าเพราะเป็นเรื่องของความเชื่อของพี่น้องกับพระเจ้าเท่านั้นมิใช่หรือ
พี่น้องไม่มีวันจะถูกพระเจ้าพิพากษาลงโทษเป็นแน่เพราะความเชื่อของพี่น้องไม่ใช่หรือนับเป็นเรื่องที่โง่เขลาจริงๆ แทนการเอาใจใส่ในเรื่องแห่งหลักความจริงนั้นที่อยู่ในพระคำของพระองค์ที่เป็นประโยชน์และเที่ยงแท้ในการดำเนินชีวิตฝ่ายวิญญาณนั้น
แต่พี่น้องทั้งหลายกับละเลยต่อเรื่องแห่งหลักความจริงในพระคำที่เที่ยงแท้ขององค์พระผู้เป็นเจ้า
ทุกวันพี่น้องทั้งหลายยังมัวใส่ใจแต่เรื่องราวไร้สาระทางโลกที่ไม่เที่ยงแท้ในการจำเริญชีวิตฝ่ายวิญญาณ ไปใส่ใจเรื่องของเนื้อหนังที่ตาอยากเห็นอยากรู้นำมาซึ่งการจกจ่ำแห่งหนทางของพระคริสต์เจ้า
พี่น้องที่รักจงเปิดตาใจของท่าน เพื่อมองเห็นความเที่ยงแท้แห่งชีวิตนิรันดร์ในอาณาจักของพระเยซูคริสต์เจ้าเถิด เอเมน

ดำเนินชีวิตแบบพระคริสต์ 9

ดำเนินชีวิตแบบพระคริสต์ 9
ความรู้ที่ดีที่สุดและมีประโยชน์อย่างสูงสุด
คือการเป็นคนที่รู้จักตัวเองเป็นอย่างดีที่สุด
และยอมรับในความต่ำต้อยของตัวเอง
ไม่ยกย่องตัวเองแต่คิดถึงผู้อื่นด้วยจิตที่เมตตาและมองผู้อื่นในแง่ดีเสมอ
นี่คือการดำเนินชีวิตฝ่ายวิญญาณที่ดีที่สุดของตัวท่าน
ถึงแม้จะมองเห็นความผิดพลาดของผู้อื่นอย่างชัดเจนก็ตาม
ก็อย่าคิดว่าตัวเองดีกว่านักเขาเลย
เพราะตัวเองย่อมไม่รู้หลอกว่าจะสามารถรักษาความดีไว้ได้นานสักแค่ไหน
คนทุกคนย่อมมีความอ่อนแอและความเปราะบาง
แต่ให้ระลึกไว้เสมอว่า ไม่มีใครอ่อนแอเท่ากับตัวของเรานั่นเอง เอเมน.

วันอาทิตย์ที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

ดำเนินชีวิตแบบพระคริสต์ 8

ดำเนินชีวิตแบบพระคริสต์ 8
ยิ่งต้องการอยากมีความรู้มากสักเท่าไหร่ 
ก็ยิ่งจะถูกตัดสินอย่างละเอียดถี่ถ้วนมากขึ้น
เว้นเสียแต่จะดำเนินชีวิตฝ่ายวิญญาณอย่างแท้จริง
จงอย่าอวดดีเพราะความชำนาญการหรือความรู้
แต่จงพึงกลัวเกรงความรู้ที่ได้มานั้น
ถ้าคิดว่ามีความรู้มากแล้ว
และมีความเข้าใจในเรื่องต่างๆเป็นอย่างดีแล้ว
จงรู้เสียด้วยว่ายังมีเรื่องราวอีกมากมายที่ยังไม่เคยรู้
อย่าได้อวดดีแต่ควรสารภาพถึงความไม่รู้ของตัวอง
เหตุผลใดจึงมีความปราถนาที่จะยกตนเหนือผู้อื่นเล่า
ในพระคริสตธรรมคัมภีร์
ได้บอกเล่าถึงคนที่มีความรู้มีความสามรถมากมายกว่าพี่น้องไม่ใช่หรือ
ถ้าอยากมีความรู้และเรียนรู้สิ่งต่างๆที่เป็นประโยชน์
จงชอบเป็นคนที่ไม่มีใครรู้จัก และถูกนับว่าเป็นคนที่ไม่มีอะไรเลย.

วันเสาร์ที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

ความเชื่อเป็นสิ่งที่มองไม่เห็นนั้นนิรันดร์

ตวามเชื่อสิ่งที่มองไม่เห็นนั้นนิรันดร์
2คร. 4:18 เราไม่ได้เอาใจใส่ในสิ่งที่มองเห็น แต่เอาใจใส่ในสิ่งที่มองไม่เห็น เพราะว่าสิ่งที่มองเห็นนั้นไม่ยั่งยืน แต่สิ่งที่มองไม่เห็นนั้นถาวรนิรันดร์
2คร. 5:6 เพราะฉะนั้นเรามั่นใจอยู่เสมอและรู้แล้วว่า ขณะที่อาศัยอยู่ในร่างกายนี้ เราอยู่ห่างจากองค์พระผู้เป็นเจ้า
2คร. 5:7 เพราะว่าเราดำเนินโดยความเชื่อ ไม่ใช่โดยสิ่งที่มองเห็น
2คร. 5:8 และเรามั่นใจและพอใจที่จะไปจากร่างกายนี้และอาศัยอยู่กับองค์พระผู้เป็นเจ้ามากกว่า
2คร. 5:9 ฉะนั้นเราตั้งเป้าว่าจะอาศัยอยู่ในกายนี้ก็ดีหรือจะจากไปก็ดี เราก็จะเป็นคนที่พระเจ้าพอพระทัย
พี่น้องที่รักวันนี้ท่านทั้งหลายไม่เพียงแต่มีความเชื่อและความหวังใจในสิ่งที่มองไม่เห็นด้วยตา ตรงนี้พี่น้องต้องมองเห็นความจริงที่ลึกลงไปอีก และจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องมีภาคปฎิบัติในการดำเนินชีวิตที่แท้จริงอีกด้วย
เรื่องของความเชื่อที่พี่น้องมั่นใจนี้แหล่ะเป็นความรอดนิรันดร์เป็นความหวังใจที่ถูกต้องมีภาคปฎิบัติที่ครบถ้วนแห่งชีวิตในพระคริสต์อย่างถูกต้อง 
สรรเสริญพระเจ้าการดำเนินชีวิตโดยความเชื่อนั้นแหล่ะคือสิ่งที่พระเจ้าพอพระทัย เอเมน

ดำเนินชีวิตแบบพระคริสต์ 7

ดำเนินชีวิตแบบพระคริสต์ 7
จงปล่อยวางความต้องการที่อยากจะมีความรู้เกินความจำเป็น
เพราะความรู้ของโลกนี้ไม่เที่ยงแท้เต็มไปด้วยความสับสนและการหลอกลวงทั้งสิ้น
คนที่มีความรู้ต้องการให้คนอื่นยกย่องว่าเขารอบรู้และฉลาดกว่าเท่านั้นเอง
เรื่องราวมากมายในโลกนี้ที่ได้เรียนรู้มีประโยชน์เพียงเล็กน้อยและไม่มีประโยชน์ต่อการดำเนินชีวิตฝ่ายวิญญาณเลย
เป็นเรื่องที่โง่เขลามากที่ให้ความสำคัญกับคนที่สนใจเรื่องราวต่างๆแต่ละเว้นเว้นการสนใจเกี่ยวกับการดำเนินชีวิต่ายวิญญาณของตนเอง
ความรู้มากมายไม่ได้ทำให้การดำเนินชีวิตฝ่ายวิญญาณจำเริญขึ้น
แต่การดำเนินชีวิตฝ่ายวิญณาณด้วยการพึ่งในพระคริสต์ทำให้ชีวิตก้าวหน้าในหนทางแห่งพระคริสต์
การดำเนินชีวิตตามพระวิญญาณบริสทธิ์ จะตั้งมั่นคงในหลักความเชื่อที่เที่ยงแท้ในพระคริสต์เจ้าอย่างแท้จริง เอมน.

ความรักพิเศษของพระคริสต์

ความรักพิเศษของพระคริสต์
ฮบ. 12:16 อย่าให้ใครเป็นคนที่ประพฤติผิดทางเพศ หรือเป็นคนไม่นับถือพระเจ้าเหมือนอย่างเอซาว ผู้ขายสิทธิของบุตรหัวปี เพราะเห็นแก่อาหารเพียงมื้อเดียว
ฮบ. 12:17 เพราะพวกท่านก็รู้อยู่แล้วว่า ต่อมาภายหลังเมื่อเอซาวอยากได้รับพรนั้นเป็นมรดก เขาก็ถูกปฏิเสธ และไม่พบหนทางแก้ไข แม้ว่าเขาได้แสวงหาพรนั้นจนน้ำตาไหล
ในพระธรรมฮีบรูได้เตือนสติพี่น้องทั้งหลายว่าอย่าได้เป็นเช่นเอซาวที่ขายสิทธิบุตรหัวปีไปเพราะเหตุแก่อาหารเพียงมื้อเดียว
การที่เอซาวได้สูญเสียซึ่งสิทธิบุตรหัวปี ทำให้เอซาวเสียใจเป็นอย่างมากที่เสียสิทธิบุตรหัวปีไปเพราะเห็นแก่กินนั่นเอง ด้วยเหตุนี้เองเอซาวจึงได้พยายามที่จะเอาสิทธิบุตรหัวปีคืนมาด้วยวิธีการต่างๆเพื่อให้ได้สิทธิบุตรหัวปีคืนมาให้ได้
พี่่น่องที่รักจำเป็นต้องระมัดระวังเป็นพิเศษที่วันนี้มีฐานะที่จะได้มาซึ่งสิทธิบุตรหัวปีโดยชอบธรรมนั้นแล้ว แต่ว่าการที่จะรักษาไว้ซึ่งสิทธิบุตรหัวปีนั้นต้องระวังว่าจะสามารถรักษาไว้ได้จนถึงที่สุดหรือไม่
การที่พี่น้องไม่ทำตัวให้เป็นมลทินหรือเห็นแก่ความโลภต่อสิ่งของในโลกนี้ย่อมคงสภาพสิทธิบุตรหัวปีไว้ได้อย่าแน่นอน
แต่เอซวเองได้สูญเสียไปซึ่งสิทธิบุตรหัวปีเพราะเขามีใจโลภรักชอบต่อส่ิงของในโลกนี้
รูเบนก็เช่นกันเขาได้สูญเสียสิทธิบุตรหัวปีไปเพราะทำตัวให้มีมลทินสูญเสียความชอบธรรมต่อพระเจ้าไปนั่นเอง
แต่หามองดูตัวโยเซฟเองกลับได้มาซึ่งผืนแผ่นดินถึงสองเท่า นั่นเพราะความบริสุทธิของโยเซฟที่มีต่อพระเจ้านั่นเอง
ตละกูลเลวีได้รับสิทธิพิเศษในตำแหน่งปุโรหิตของพระเจ้า เพราะเลวีได้แยกตัวเองออกมาอย่างเด็ดขาดมอบตัวเองถวายแด่พระเจ้าอย่างสิ้นเชิง
ในส่วนยูดานั้นก็ได้ตำแหน่งกษัตรย์ฝ่ายแผ่นดินโลกไปเพราะตัวยูดเองได้นึกถึงพี่น้องทีกตกทุกข์ลำบากนั่นเอง
ขอบคุณพระเจ้าพี่น้องที่กรักทั้งหลายวันนี้จำต้องรักษาตัวให้บริสุทธิ์เพื่อที่พี่น้องจะมีส่วนในการรับสุขในพระคริสต์ที่แท้จริง
พี่น้องต้องแยกตัวเองออกมาอย่างเด็ดขาดถวายตัวพี่น้องเองต่อพระเจ้าอย่างสิ้นเชิง
และพี่น้องต้องมีเพียงจิตที่จะระลึกถึงน้ำพระทัยของพระเจ้าและพระประสงค์ของพระเจ้านอกเหนือสิ่งอื่นใด
นอกจากนี้พี่น้องจำต้องฝึกฝนที่จะมีความรักพิเศษอย่างหนึ่งนั่นก็คือการที่มีความนึกถึงพี่น้องทั้งหลายที่ตกทุกข์ดำเนินชีวิตที่ลำบาก พี่น้องจำต้องทูลขอต่อพระเจ้าเพื่อขัดเกลาตัวพี่น้องให้มอบถวายออกมาเพื่อพี่น้องทั้งหลายที่ทุกข์ยากลำบากในวันนี้
การที่พี่น้องเป็นพี่น้องที่มีจิตที่ระลึกถึงพี่น้องที่ทุกข์ยากลำบากและยอมมอบถวายช่วยเหลืออกไปด้วยความเต็มใจไม่นึกเสียดายนั้น สิ่งนี้เองจะทำให้พี่น้องรักษาไว้ซึ่งสิทธิอันชอบธรรมแห่งบุตรหัวปีของพระเจ้าได้
สรรเสริญพระเจ้าการรับสุขในพระเยซูคริสต์ช่างเป็นสิทธิพิเศษจริงๆ
การได้มาซึ่งตำแหน่งปุโรหิตและกษัตริย์ก็จะเป็นของพี่น้องทั้งหลายในวันนี้ด้วยเช่นกัน เอเมน.

วันศุกร์ที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

ฑูตสววรค์ผู้รับใช้ของพระเจ้า

ฑูตสวรรค์ผู้รับใช้พระเจ้าในอาณาจักรสวรรค์
โยบ 38:4 “เจ้าอยู่ที่ไหน เมื่อเราวางรากฐานของแผ่นดินโลก? บอกมาเลย ถ้าเจ้ามีความเข้าใจ
โยบ 38:5 ผู้ใดได้กำหนดขนาดให้โลก? แน่นอนละ เจ้าต้องรู้ซี หรือผู้ใดขึงเชือกวัดบนนั้น?
โยบ 38:6 รากฐานของโลกจมไปอยู่บนอะไร? ผู้ใดวางศิลามุมเอกของมัน
โยบ 38:7 เมื่อเหล่าดาวรุ่งแซ่ซ้องสรรเสริญ และบรรดาบุตรพระเจ้าโห่ร้องด้วยความชื่นบาน?
สดด. 8:5 พระองค์ทรงสร้างเขาให้ต่ำกว่าพระองค์แต่หน่อยเดียว และทรงสวมศักดิ์ศรีกับความมีอำนาจให้เขา
ก่อนที่พระเจ้าจะสร้างมนุษย์ขึ้นมาในโลกนี้นั้น พระเจ้าเองก็ได้ทรงสร้างฑูตสวรรค์มาก่อนมนุษย์เสียอีก
พระเจ้าสร้างฑูตสวรรค์ขึ้นมาจำนวนมกมายมีศักดิ์ศรีกว่ามนุษย์โลกเพียงเล็กน้อย
ฑูตสวรรค์เป็นผู้รับใช้พระเจ้าในสวรรค์มาตั้งแต่ดั่งเดิมก่อที่พระเจ้าจะสร้างโลกนี้เสียอีก
และซาตานมันก็มีที่มาจากพวกฑูตสวรรค์ที่ตกต่ำที่คิดทศยศก่อการกบฎต่อพระเจ้า
ดังนั้นซาตานมันก็คือพวกอดีตฑูตสวรรค์นั่นเอง
ในพระคัมภีร์มีการกล่าวถึงฑูตสวรรค์ด้วยกันถึง 4ประเภทใหญ่ๆคือ
อัครเทวาทูตธิบดี
ยด. 1:8 ในทำนองเดียวกันพวกนักเพ้อฝันเหล่านี้ทำให้ตัวเป็นมลทิน และปฏิเสธสิทธิอำนาจขององค์พระผู้เป็นเจ้า และพูดลบหลู่เทวทูตผู้มีศักดิ์ศรี
ยด. 1:9 แม้แต่มีคาเอลหัวหน้าทูตสวรรค์ เมื่อโต้เถียงกับมารเรื่องศพของโมเสส ท่านเองก็ยังไม่บังอาจพูดลบหลู่มารเลย แต่พูดเพียงว่า “ให้องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงดุว่าเจ้าเถิด”
ฑูตสวรรค์ทั่วไป
วว. 5:11 แล้วข้าพเจ้าก็ได้เห็นและได้ยินเสียงของทูตสวรรค์มากมายนับจำนวนเป็นแสนๆ เป็นล้านๆ ที่อยู่รอบพระที่นั่ง รอบพวกสิ่งมีชีวิต และรอบบรรดาผู้อาวุโส
เครูบหรือเชรูบิน
ปฐก. 3:24 พระองค์ทรงขับไล่ชายนั้นออกไป และทรงตั้งเหล่าเครูบทางด้านทิศตะวันออกของสวนเอเดน และตั้งดาบเพลิงอันหนึ่งที่หมุนได้ไว้เฝ้าทางที่จะไปสู่ต้นไม้แห่งชีวิตนั้น
อพย. 25:18 เจ้าจงทำเครูบทองคำสองรูป โดยใช้ค้อนเป็นเครื่องมือทำและตั้งไว้ที่ปลายทั้งสองข้างของพระที่นั่งกรุณา
2พกษ. 19:15 และเฮเซคียาห์ทรงอธิษฐานเฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์ว่า “ข้าแต่พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอล ผู้ประทับเหนือเหล่าเครูบ พระองค์แต่องค์เดียวทรงเป็นพระเจ้าแห่งบรรดาราชอาณาจักรของแผ่นดินโลก พระองค์ได้ทรงสร้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก
เสราฟิม
อสย. 6:1 ในปีที่กษัตริย์อุสซียาห์สิ้นพระชนม์ ข้าพเจ้าเห็นองค์เจ้านายประทับบนพระที่นั่งอันสูงส่งและรับการเทิดทูน และชายฉลองพระองค์ของพระองค์เต็มพระวิหาร
อสย. 6:2 เหนือพระองค์มีพวกเสราฟิมยืนอยู่ แต่ละองค์มีปีก 6 ปีก ใช้ 2 ปีกปิดหน้า ใช้ 2 ปีกปิดเท้า และใช้ 2 ปีกบินไป
นอกจากนี้ในพระคัมภีร์ยังมีการพบว่า ฑุตของพระเจ้า ซึ่งไม่ใช่ใหมายถึงฑูตสวรรค์เลยแต่เป็นคำที่หมายถึงพระเจ้าโดยตรง
ปฐก. 16:7 ทูตของพระยาห์เวห์พบหญิงนั้นที่น้ำพุในถิ่นทุรกันดาร ข้างทางที่จะไปชูร์
ปฐก. 16:8 จึงถามว่า “ฮาการ์ หญิงคนใช้ของนางซาราย เจ้ามาจากไหนและเจ้าจะไปไหน?” นางทูลตอบว่า “ข้าพระองค์หนีมาให้พ้นหน้านางซาราย นายของข้าพระองค์”
ปฐก. 16:9 ทูตของพระยาห์เวห์จึงกล่าวว่า “กลับไปหานายผู้หญิงของเจ้า และยอมอยู่ใต้บังคับนางเถิด”
ปฐก. 16:10 ทูตของพระยาห์เวห์กล่าวแก่หญิงนั้นว่า “เราจะให้เชื้อสายของเจ้าทวีมากขึ้นจนนับไม่ถ้วน”
ปฐก. 16:11 ทูตของพระยาห์เวห์กล่าวแก่นางอีกว่า “นี่แน่ะ เจ้ามีครรภ์แล้ว จะคลอดบุตรชาย และจะตั้งชื่อบุตรนั้นว่าอิชมาเอล เพราะพระยาห์เวห์ทรงรับฟังความทุกข์ร้อนของเจ้า
ปฐก. 16:12 บุตรนั้นจะมีนิสัยเหมือนลาป่า มือเขาจะต่อสู้คนทั้งปวง และมือคนทั้งปวงจะต่อสู้เขา เขาจะอาศัยตรงหน้าพี่น้องทั้งปวงของเขา”
ปฐก. 16:13 นางฮาการ์จึงเรียกพระนามพระยาห์เวห์ผู้ตรัสแก่นางว่า “พระองค์ทรงเป็นพระเจ้า ผู้ทรงเห็นข้าพเจ้า” เพราะนางพูดว่า “ที่นี่ข้าพเจ้าได้เห็นพระองค์ ผู้ทรงเห็นข้าพเจ้าจริงๆ หรือ?”
ปฐก. 16:14 บ่อน้ำนั้นจึงมีชื่อว่าเบเออลาไฮรอย อยู่ระหว่างคาเดชกับเบเรด
วนฉ. 13:18 ทูตของพระยาห์เวห์บอกเขาว่า “ถามชื่อเราทำไม? ชื่อเราก็อัศจรรย์เกินความเข้าใจของเจ้า”
วนฉ. 13:19 มาโนอาห์ก็เอาลูกแพะกับธัญบูชามาถวายบนศิลาแด่พระยาห์เวห์ ผู้ทรงทำการอัศจรรย์ขณะที่มาโนอาห์และภรรยาเฝ้ามองอยู่
วนฉ. 13:20 และเมื่อเปลวไฟจากแท่นบูชาพลุ่งขึ้นไปสวรรค์ ทูตของพระยาห์เวห์ก็ขึ้นไปตามเปลวไฟแห่งแท่นบูชาขณะเมื่อมาโนอาห์และภรรยาคอยดูอยู่ และพวกเขาก็ซบหน้าลงถึงดิน
วนฉ. 13:21 ทูตของพระยาห์เวห์ไม่ปรากฏแก่มาโนอาห์หรือแก่ภรรยาของเขาอีกเลย แล้วมาโนอาห์จึงทราบว่าผู้นั้นเป็นทูตของพระยาห์เวห์
วนฉ. 13:22 และมาโนอาห์พูดกับภรรยาของตนว่า “เราคงจะตายแน่ๆ เพราะเราได้เห็นพระเจ้า”
วนฉ. 13:23 แต่ภรรยาบอกเขาว่า “ถ้าพระยาห์เวห์ทรงหมายจะฆ่าเราเสีย พระองค์คงจะไม่รับเครื่องบูชาเผาทั้งตัวและธัญบูชาจากมือของเรา หรือทรงสำแดงสิ่งเหล่านี้ทั้งหมดแก่เราหรือประกาศเรื่องเช่นนี้แก่เราในเวลานี้”
ขอบคุณพระเจ้าเรื่องของฑุตสววรค์ในตรงนี้หากพี่น้องตั้งใจแสวงหาดีๆๆจะพบว่าเวลาฑูตสวรรค์มาพบมนุษย์ไม่ว่าจะยุคโนอาห์หรือพบอับราฮาม หรือจะเป็นตอนมาพบพระนางมาเรียก็ตามจะพูดเป็นภาษามนุษย์ไม่ได้พูดภาษาฑูตสวรรค์เลยสักครั้ง
ดังนั้นการที่มีคริสเตียนบางคนบางคณะว่าเราต้องพูดภาษาแปลกๆๆคือภาษาฑูตสวรรค์นั้นเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องไม่ตรงตามหลักความจริงในพระคัมภีร์เลยทีเดียว
ขอพระเจ้าเปิดตาใจให้พี่น้องได้เห็นหลักความจริงในข้อนี้ด้วย เอเมน

วันพฤหัสบดีที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

ดำเนินชีวิตแบบพระคริสต์ 6

ดำเนินชีวิตแบบพระคริสต์ 6
ความอยากรู้เป็นเรื่องที่ปกติของมนุษย์ทุกคน
แต่ความรู้ที่ขาดความยำเกรงองค์พระผู้เป็นเจ้านั้นจะมีประโยชน์อะไร
พี่น้องที่ไม่มีความรู้ที่จะรับใช้พระเจ้านั้น
ย่อมดีกว่านักปราชญ์ที่ภูมิใจในตัวเองที่มีการศึกษาความรู้มากมาย
แต่ได้ละเลยต่อความรู้เกี่ยวกับตัวเองในการที่จะรับใช้พระเจ้า
พี่น้องที่รู้จักตัวเองย่อมรู้ถึงความต่ำต้อยของตัวเองและไม่สนใจต่อคำสรรเสริญของมนุษย์
ถ้าพี่น้องรู้ทุกอย่างในโลกนี้ แต่ไม่มีความรักต่อพี่น้อง ความรู้ทั้งหลายในโลกนี้จะช่วยอะไรพี่น้องได้เล่า
เมื่อพี่น้องอยู่ต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์จะเป็นผู้ตัดสินว่าพี่น้องว่าได้ทำตามน้ำพระทัยของพระองค์หรือไม่
ขอบคุณพระเจ้าการเป็นผู้รับใช้พระเจ้าพี่น้องละทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างตัวตนฐานะตัวเอง ให้ตัวเองว่างเปล่าเพื่อบรรจุพระวิญญาณของพระเจ้าในตัวพี่น้องทั้งหลาย เอเมน

เราเป็นอาณาจักรและปุโรหิตของพระเจ้า

พี่น้องที่รักทั้งหลายท่านเป็นอาณาจักรและปุโรหิตของพระเจ้า
วว. 1:6 และทรงตั้งเราให้เป็นอาณาจักรและเป็นพวกปุโรหิตของพระเจ้าพระบิดาของพระองค์ ขอพระเกียรติและอานุภาพจงมีแด่พระองค์สืบๆ ไปเป็นนิตย์ อาเมน
คริสเตียนทั้งหลายล้วนเป็นปุโรหิตที่ได้บังเกิดใหม่จากพระเจ้าพระบิดาแล้ว
แต่ว่าในทุกวันนี้มีคริสเตียนหลายคนได้สูญเสียไปซึ่งตำแหน่งปุโรหิต
เพราะมีพี่น้องหลายคนอธิษฐานยังไม่เป็นและได้สูญเสียไปซึ่งฐานะของการอธิษฐานนั้นแล้วด้วย
ในวันนี้พี่น้องทั้งหลายที่คิดจะรักษาฐานะการเป็นปุโรหิตนี้เอาไว้
พี่น้องจำเป็นต้องเป็นเหมือนดั่งตละกูลเลวี ลืมเรื่องบิดาและบุตรของตนเองเสียก่อน
ให้พี่น้องคิดถึงแต่เรื่องผลประโยชน์ของพระเจ้าเท่านั้น
พี่น้องที่รักทั้งหลายท่านจำเป็นต้องตั้งพระประสงค์ของพระเจ้าไว้เป็นอันดับหนึ่งในจิตของพี่น้องเท่านั้นเท่านั้น
พี่น้องต้องไม่นำเอาผลประโยชน์ของครอบครัวของพี่น้องมาไว้เป็นอันดับหนึ่งในจิตของพี่น้อง
การที่พี่น้องทั้งหลายได้นำพระประสงค์ของพระเจ้ามาวางไว้เป็นอันดับแรกในจิตของพี่น้อง เช่นนี้เองพี่น้องก็จะสามารถเข้าใกล้ชิดพระประสงค์ของพระองค์ได้ และพี่น้องก็สามารถรักษาตำแน่งปุโรหิตของพระเจ้าไว้ได้อีกด้วย
มีพี่น้องหลายคนสงสัยว่าควรอธิษฐานอย่างไรในฐานะปุโรหิตของพระเจ้า อยากบอกพี่น้องทั้งหลายไว้ว่าเราควรอธิษฐานอยู่ในพระวิญญาณบริสุทธิ์ให้ทุกสิ่งที่พี่น้องขอนั้นเป็นไปตามน้ำพระทัยของพระเจ้าไม่ใช่อธิษฐานทุ,ขอแต่เรื่องเนื้อหนังความรักชอบของตัวพี่น้องเองเช่นนี้แหล่ะจึงจะเรียกว่าอธิษฐานทูลขอในฐานะปุโรหิตของพระเจ้า
ยกตัวอย่างการอธิษฐานที่ไม่เป็นเช่นอธิษฐานเพื่อเนื้อหนังของตัวเองเช่นขอนั่นขอนี่เพื่อเนื้อหนังรถ บ้าน สิ่งของฐานะตำแหน่งหน้าที่การงานของทางโลกล้วนๆๆสิ่งนี้ไม่ใช่เป็นการทูลขอเพื่ออาณาจักรของพระเจ้าไม่ใช่เพื่อเป็นไปตามน้ำพระทัยของพระเจ้า
การอธิษฐานทูลขอในฐานะปุโรหิตของพระเจ้าต้องเพื่อพระอาณาจัรกของพระเจ้าเท่านั้นเช่นขอให้พระเจ้าทรงใช้ตัวพี่น้องในการออกไปประกาศกิตติคุณเพื่อนำพี่น้องหลงทางกับคืนสู่อาณาจักรของพระเจ้า หรืออธิษฐานให้พระเจ้าใช้ตัวพี่น้องในการปรนนิบัติรับใช้พระเจ้าบางเวลหรือเต็มเวลาสิ่งนี้ล้วนอยู่ในฐานะการอธิฐานแห่งปุโรหิตของพระเจ้าอย่าแท้จริง สรรเสริญพระเจ้า เอเมน

วันพุธที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

ดำเนินชีวิตแบบพระคริสต์ 5

ดำเนินชีวิตแบบพระคริสต์ 5
พี่น้องที่รักทั้งหลายจงพิจารณาคำนี้บ่อยๆ
ตาที่ไม่เคยพอใจในสิ่งที่ได้มองเห็นอยู่บ่อยๆ
หู้ไม่เคยพอใจในสิ่งที่ได้ยินได้ฟังบ่อยๆ
ด้วยเหตุนี้เอง พี่น้องที่รักในพระคริสต์เจ้า
จงฝึกฝนวิญญาณของพี่น้องให้ดำเนิชีวิตไปตามพระวิญญาณนั้น
พี่น้องจงรักในสิ่งที่ได้มองเห็น ดำเนินชีวิตด้วยความเชื่อในสิ่งที่มองไม่เห็นคือพระเจ้าองค์เที่ยงแท้พระเยซูคริสต์
การดำเนินชีวิตตามเนื้อหนังย่อมทำให้ชีวิตฝ่ายวิญญาณนั้นตกต่ำไปและทำลายพระวิญญาณนั้นที่อยู่ภายในพี่น้องทั้งหลายด้วย เอเมน.
โอ้พระเยซู ตาข้าหูข้าพระองค์ตัวข้าพระองค์ ล้วนเพื่อพระองค์ ฮาเลลูยา เอเมน.

จงแสวงหาสิงที่อยู่เบื้องบนพระเจ้าองค์เที่ยงแท้

จงแสวงหาสิ่งที่อยู่เบื้องบนพระเจ้าองเที่ยงแท้
คส. 3:1 เพราะฉะนั้นเมื่อพระเจ้าทรงทำให้พวกท่านเป็นขึ้นมาด้วยกันกับพระคริสต์แล้ว ก็จงแสวงหาสิ่งที่อยู่เบื้องบนในที่ซึ่งพระคริสต์สถิตอยู่ คือประทับอยู่เบื้องขวาของพระเจ้า
คส. 3:2 จงเอาใจใส่สิ่งที่อยู่เบื้องบน ไม่ใช่สิ่งที่อยู่บนแผ่นดินโลก
พี่น้องที่รักทั้งหลายเปาโลได้บอกไว้ว่าการดำเนินชีวิตในโลกนี้ให้แสวงหาแต่พระเจ้าที่อยู่เบื้องบนเท่านั้นไม่แสวงหาทรัพย์สิ่งของที่ไร้สาระของเนื้อหนัง
พี่น้องที่รักทั้งหลายนี้คือสิ่งที่ตัวพี่น้องต้องดำเนินชีวิตที่เติมเต็มไปด้วยชีวิตฝ่ายวิญญาณอย่างแท้จริงในโลกนี้ และสิ่งที่พี่น้องต้องแสวงหาคือตัวของพระเยซูคริสต์พระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่บนสวรรค์ชั้นสามเบื้องขวาพระหัตถ์ของพระเจ้า เอเมน.

เราจะเป็นเหมือนอย่างพระเยซูคริสต์

พี่น้องทั้งหลายจะเป็นเหมือนอย่างพระเยซูคริสต์
1ยน. 3:1 ลองคิดดู พระบิดาได้ประทานความรักแก่เราเพียงไรที่เราได้ชื่อว่าเป็นลูกของพระเจ้า และเราก็เป็นอย่างนั้น เหตุที่ชาวโลกไม่รู้จักเรา ก็เพราะเขาไม่รู้จักพระองค์
1ยน. 3:2 ท่านที่รักทั้งหลาย เดี๋ยวนี้เราเป็นลูกของพระเจ้า และเราจะเป็นอย่างไรต่อไปข้างหน้านั้นเรายังไม่รู้ แต่เรารู้ว่าในเวลาที่พระองค์จะเสด็จมาปรากฏนั้น เราจะเป็นเหมือนอย่างพระองค์ เพราะว่าเราจะเห็นพระองค์อย่างที่พระองค์ทรงเป็นอยู่นั้น
ยอห์นได้กล่าวไว้อย่างละเอียวไว้ในหนังสือจดหมายหนึ่งยอห์นบทที่สามข้อหนึ่งข้อสอง
พี่น้องที่รักในพระคริสต์ในหนังสือจดหมายของยอห์นบอกไว้ว่า พี่น้องได้เกี่ยวข้องกับพระเยซูคริสต์ทั้งในด้านธาตุแท้และมีความหวังอันมีสง่าราศีแห่งการเป็นบุตรของพระเจ้า และในที่สุดเราจะเป็นเหมือนดั่งพระเยซูคริสต์นั่นเอง
ในความหมายเดียวกันนี้เปาโลได้กล่าวอย่างหนักแน่นและชัดเจนไว้ในพระธรรมโคโลสีบทที่สามข้อสามและข้อสี่ว่า
คส. 3:3 เพราะว่าท่านตายแล้ว และชีวิตของพวกท่านซ่อนไว้กับพระคริสต์ในพระเจ้า
คส. 3:4 เมื่อพระคริสต์ผู้ทรงเป็นชีวิตของท่านทั้งหลายทรงปรากฏ ในเวลานั้นท่านก็จะปรากฏพร้อมกับพระองค์ในศักดิ์ศรีด้วย
เอเมนพี่น้องที่รักทั้งหลายท่านจะปรากฎพร้อมกับพระองค์ในศักศรีเดียวกันกับพระเจ้า
เปาโลได้หนุนใจพี่น้องคริสต์เตียนในโคโลสี เพื่อที่จะได้มองเห็นความสูงส่งและสง่าราศีที่พระเจ้าพระราชทานให้แก่พี่น้องทั้งหลายที่เชื่อในพระเยซูคริสต์นี่ช่างเป็นเรื่องที่มีศักศรีจริง เอเมน
พี่น้องที่รักพระคริสต์ทรงเป็นความหวังที่ประกอบด้วยชีวิตทรงเป็นชีวิตของพี่น้องทั้งหลาย
ด้วยเหตุนี้เองที่พระเยซูคริสต์ทรงมาปรากฎตามพระสัญญาของพระองค์ว่าจะเสด็จกลับมาอีกครั้ง 
วันที่พระเยซูคริสต์เสด็จกลับมาอีกครั้งพี่น้องทั้งหลายท่านจะได้ร่วมกับพระเจ้าในศักศรีเดียวกับพระองค์ด้วย
นี่คือความหวังที่ประกอบด้วยชีวิตของพี่น้องทั้งหลาย
เปาโลได้เปิดเผยความจริงนี้แก่พี่น้องสิทธิชนทั้งหลายในเมืองโคโลสีแล้ว
เช่นเดียวกันพระวิญญาณบริสุทธิ์ก็จะเปิดเผยแก่พี่น้องทั้งหลายด้วยเช่นกัน
สรรเสริญขอบคุณพระเจ้า การเป็นคริสเตียนของพี่น้องทั้งหลายจึงเต็มเปี่ยมไปด้วยความหวังอันมีสง่าราศีและมีศักศรีของพระองค์ เอเมน

ดำเนินชีวิตแบบพระคริสต์ 4

ดำเนินชีวิตแบบพระคริสต์ 4
เป็นเรื่องที่ไร้สาระ ที่จะแสวงหาและไว้วางใจในทรัพย์สมบัติที่วันหนึ่งก็จะสูญหายไป
เป็นเรื่องที่ไร้สระ ที่ปราถนามีความต้องการยกย่องสรรเสริญ และการยกตนเหนือพี่น้องคนอื่น
เป็นเรื่องที่ไร้สาระ ที่ปราถนาจะทำตามความต้องการของราคะตัณหาฝ่ายเนื้อหนังของตนเอง
เป็นเรื่องที่ไร้สาระ ที่ยอมให้การทำตามความปราถนาของเนื้อหนังนำไปสู่การกระทำในสิ่งต่างๆๆ จนในที่สุดก็ได้นำมาซึ่งความทุกข์ใจในที่สุด
เป็นเรื่องที่ไร้สาระ ที่มีความปราถนาที่จะมีชีวิตยืนยาว แต่เอาใจใส่เพียงเล็กน้อยในการดำเนินชีวิตฝ่ายวิญญาณเพือองค์พระผู้เป็นเจ้า
เป็นเรื่องที่ไร้สาระ ที่จะคิดถึงแต่ชีวิตเพียงวันนี้ในโลกนี้เท่านั้น แต่ไม่เคยคิดถึงชีวิตหลังความตายที่กำลังจะมาถึงว่าจะเป็นอย่างไร
เป็นเรื่องที่ไร้สาระ ที่จะผูกพันธ์กับสิ่งที่จะเสื่อมสลายลงไปได้อย่างรวดเร็ว แต่ไม่มุ่งหน้าไปสู่ชีวิตฝ่ายวิญญาณที่เติมเต็มไปด้วยสันติสุขนิรันดร์.

การไถ่คือความรอดนิรันดร์ในพระเยซูคริสต์

การไถ่ คือความรอดนิรันดร์
การไถ่เป็นการเปรียบเทียบถึงควมรอด คนที่ทำบาปก็เป็นทาสของความบาปและโทษของความบาปก็คือความตาย
คนที่ทำความบาปไม่มีทางไุ่ตัวเองให้พ้นโทษจากความบาปได้
พระเยซูคริสต์จึงได้ทรงสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน
เพื่อไถ่คนบาปให้รอดพ้นจากความบาป และไ้รับการอภัยโทษ
ในพระคัมภีร์ยังมีการกล่าวถึงการไถ่ในแง่อื่นๆๆอีกเช่น
การไถ่คน
ลนต. 25:47 “ถ้าคนต่างด้าวหรือแขกเมืองของเจ้ามั่งมีขึ้น และพี่น้องของเจ้าที่อยู่กับเขายากจนลง และขายตัวให้แก่คนต่างด้าวหรือแขกเมืองที่อยู่กับเจ้านั้น หรือขายตัวให้แก่ญาติคนหนึ่งคนใดของคนต่างด้าวนั้น
ลนต. 25:48 เมื่อเขาขายตัวแล้วก็ให้มีการไถ่ถอน คือพี่น้องคนหนึ่งคนใดของเขาไถ่ถอนเขาได้
ลนต. 25:49 หรือลุงหรือลูกพี่ลูกน้องจะไถ่ถอนเขาก็ได้ หรือญาติสนิทของตระกูลของเขาจะไถ่ถอนเขาก็ได้ หรือถ้าเขามั่งมีขึ้นเขาจะไถ่ถอนตัวเองก็ได้
กดว. 3:45 “จงเอาคนเลวีแทนบุตรหัวปีทั้งหมดของคนอิสราเอล และเอาสัตว์ของคนเลวีแทนสัตว์ของพวกเขา คนเลวีจะเป็นของเรา เราคือยาห์เวห์
กดว. 3:46 ส่วนค่าไถ่บุตรหัวปีของคนอิสราเอลจำนวน 273 คน ที่เกินจากจำนวนผู้ชายคนเลวีนั้น
กดว. 3:47 เจ้าจงเก็บเงินคนละห้าเชเขล ตามเชเขลของสถานนมัสการ (หนึ่งเชเขลหนักประมาณ 12 กรัม)
กดว. 3:48 แล้วจงมอบเงินค่าไถ่ของคนที่เกินจำนวนเหล่านั้นให้แก่อาโรนและลูกๆ ของเขา”
กดว. 3:49 โมเสสจึงเก็บเงินค่าไถ่จากคนเหล่านั้นที่เกินจากจำนวนที่คนเลวีไถ่ได้
กดว. 3:50 โดยเก็บจากบุตรหัวปีของคนอิสราเอลเป็นเงิน 1,365 เชเขล ตามเชเขลของสถานนมัสการ
กดว. 3:51 แล้วโมเสสก็ให้เงินค่าไถ่แก่อาโรนและบุตรของท่านตามพระดำรัสของพระยาห์เวห์ ตามที่พระองค์ทรงบัญชาโมเสสไว้
1คร. 7:21 พระเจ้าทรงเรียกท่านเมื่อยังเป็นทาสอยู่หรือ? อย่าเป็นห่วงเลย แต่ถ้าท่านสามารถเป็นไทได้ ก็จงใช้สิทธิ์นั้น
การไถ่สัตว์
อพย. 13:13 จงเอาลูกแกะไถ่ลูกลาหัวปี ถ้าไม่ไถ่ก็จงหักคอมันเสีย จงไถ่บุตรชายหัวปีทั้งหมดของท่าน
การไถ่สิ่งของ
ลนต. 23:14 ห้ามรับประทานขนมปัง หรือข้าวคั่ว หรือข้าวดิบ จนกว่าจะถึงวันเดียวกันนี้ คือจนกว่าพวกเจ้าจะนำเครื่องบูชาถวายแด่พระเจ้าของเจ้า ทั้งนี้เป็นกฎเกณฑ์ถาวรตามที่อาศัยทั่วไปของพวกเจ้าตลอดชั่วชาติพันธุ์ของเจ้า
ลนต. 23:15 “ตั้งแต่วันรุ่งขึ้นจนถึงวันสะบาโต จงนับให้ได้ครบเจ็ดสัปดาห์เต็มๆ คือนับจากวันที่พวกเจ้านำพืชผลรุ่นแรกเข้ามาทำพิธีโบกถวายเป็นต้นไป
การไุถ่ดิน
ลนต. 25:25 “ถ้าพี่น้องของเจ้ายากจนลง และต้องขายที่ดินส่วนหนึ่งของเขาไป จงให้ญาติสนิทของเขามาไถ่ถอนไร่นาที่พี่น้องของเขาขายไปนั้น
ขอบคุณพระเจ้าวันนี้พระเยซูคริสต์ได้ทรงใช้พระโลหิตไถ่พี่น้องทั้งหลายหันกับมาสู่อาณาจักรของพระเจ้าอีกครั้งหนึ่ง
เมื่อเดิมนั้นพระเจ้าทรงสร้างมนุษย์เพื่อเป็นเหมือนดังตัวแทนของพระเจ้าในการปกครองโลกนี้
แต่ด้วยการกระทำความบาปของมนุษย์อาดัมที่ไม่เชื่อฟังพระเจ้าแต่ไปเชื่อฟังงูคือมารซาตาน
จนทำให้มนุษย์ต้องออกมาจากสวนเอเดนสวนแห่งต้นไม้แห่งชีวิตนิรันดร์การ
วันนี้มนุษย์ทั้งหลายจึงเป็นทาสของมนุษย์แห่งความบาปกินแต่ต้นไม้แห่งความรู้ดีและรู้ชั่วตกต่ำลงไปกลายเป็นทาสของความบาป
มาวันนี้พระเจ้าโดยผ่านทางพระบุตรองค์เดียวของพระองค์คือพระคริสต์ทรงมาเป็นมนุษย์ใหม่ที่นำพามนุษทั้งแผ่นดินกลับมาคืนดีกับพระเจ้าใหม่
ด้วยพระคุณของพระเยซูคริสต์ทรงหลั่งพระโลหิตไถ่พี่น้องทั้งหลายพ้นจากการเป็นทาสให้เป็นไทในพระคริสต์
องค์พระเยซูคริสต์เป็นพระผู้ช่วยไถ่พี่น้องทั้งหลายกับคืนสู่อาณาจักรของพระเจ้าชั่วนิรันดร์ เอเมน.

วันอังคารที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

คริสตจักรบุตรหัวปี

คริสตจักรบุตรหัวปี
ฮบ. 12:23 และมาถึงคริสตจักรของบรรดาบุตรหัวปีผู้มีชื่อจารึกไว้ในสวรรค์แล้ว และมาถึงพระเจ้าผู้ทรงพิพากษาทุกคน และมาถึงวิญญาณของคนชอบธรรมซึ่งถึงความสมบูรณ์แล้ว
ทุกวันนี้พี่น้องทั้งหลายท่านเป็นคริสตจักรบุตรหัวปี
ส่วนของบตรหัวปีนี้มีด้วยกันสามส่วน คือ
ส่วนสองเท่าของพระคริสต์
ตำแหน่งการเป็นปุโรหิตและส่วนของกษัตริย์
พี่น้องทั้งหลายท่านอยู่ในพระคริสต์
พี่น้องสามารถรับสุขในพระคริสต์ได้ถึงสองเท่า
และพี่น้องที่รักท่านเป็นปุโรหิตทั้งหลายของพระเจ้าและเป็นกษัตริย์ทั้งหลายของพระเจ้า
คริสเตียนในทุกวันนี้มากมายได้สูญเสียไปซึ่งการได้มาของสิทธิบุตรหัวปี
คริสเตียนส่วนมากได้รับความรอดและไม่มีวันพินาศแล้วก็จริงอยู่
แต่ว่าคริสเตียนเหล่านี้ได้สูญเสียส่วนที่พิเศษของพระคริสต์ไป
หากพี่น้องทั้งหลายต้องการรับสุขในส่วนของพระคริสต์ที่พิเศษนี้
พี่น้องจำเป็นต้องยึดมั่นไว้ซึ่งสิทธิบุตรหัวปี
นั่นก็คือการที่พี่น้องทั้งหลายเป็นคริสตจักรบุตรหัวปีนั่นเอง เอเมน

สิทธิบุตรหัวปีคือพระพรของพระคริสต์

สิทธิบุตรหัวปีคือพระพรของพระคริสต์
ปฐก. 25:29 วันหนึ่งขณะที่ยาโคบต้มอาหารอยู่ เอซาวกลับมาจากท้องทุ่งหิวจัด
ปฐก. 25:30 เอซาวพูดกับยาโคบว่า “ขอให้ฉันกินของแดงนั้น ของแดงนั้นน่ะ เพราะฉันหิวจัด” (เพราะฉะนั้นเขาจึงเรียกชื่อว่าเอโดม)
ปฐก. 25:31 ยาโคบว่า “ขายสิทธิบุตรหัวปีของพี่ให้ฉันวันนี้ก่อนซี”
ปฐก. 25:32 เอซาวว่า “ดูสิ ฉันกำลังจะตายอยู่แล้ว สิทธิบุตรหัวปีจะเป็นประโยชน์อะไรแก่ฉัน?”
ปฐก. 25:33 ยาโคบว่า “สาบานให้ฉันวันนี้ก่อน” เอซาวจึงสาบานให้ และขายสิทธิบุตรหัวปีของเขาแก่ยาโคบ
ปฐก. 25:34 ยาโคบจึงให้ขนมปังและถั่วแดงต้มแก่เอซาว เขาก็กินและดื่ม แล้วลุกไป ดังนี้เอซาวก็ดูหมิ่นสิทธิบุตรหัวปีของเขา
ปฐก. 27:34 เมื่อเอซาวได้ยินถ้อยคำของบิดาก็ร้องตะโกนเสียงดังด้วยความขมขื่นยิ่งนัก และพูดกับบิดาว่า “พ่อ ขออวยพรลูกด้วยเถิด”
ปฐก. 27:35 แต่ท่านพูดว่า “น้องเจ้าเข้ามาหลอกพ่อ เอาพรของเจ้าไปเสียแล้ว”
ปฐก. 27:36 เอซาวพูดว่า “เขามีชื่อว่ายาโคบก็ถูกต้องแล้วไม่ใช่หรือ? เพราะเขาหลอกลูกสองหนเข้านี่แล้ว เขาเอาสิทธิบุตรหัวปีของลูกไป และคราวนี้เขาเอาพรของลูกไปอีกด้วย” แล้วเขาพูดว่า “พ่อไม่ได้สงวนพรไว้ให้ลูกบ้างหรือ?”
ปฐก. 27:37 อิสอัคตอบเอซาวว่า “พ่อตั้งให้เขาเป็นนายเหนือเจ้า และมอบบรรดาพี่น้องของเขาทั้งหมดให้เป็นคนใช้ของเขา ทั้งพืชและเหล้าองุ่น พ่อก็จัดให้เขา ลูกเอ๋ย พ่อจะทำอะไรให้เจ้าได้อีกเล่า?”
ปฐก. 27:38 เอซาวพูดกับบิดาว่า “พ่อ พ่อมีพรแต่เพียงพรเดียวเท่านั้นหรือ? พ่อ ขออวยพรลูก ให้พรลูกด้วยเถิดพ่อ” แล้วเอซาวก็ตะเบ็งเสียงร้องไห้
ฮบ. 12:16 อย่าให้ใครเป็นคนที่ประพฤติผิดทางเพศ หรือเป็นคนไม่นับถือพระเจ้าเหมือนอย่างเอซาว ผู้ขายสิทธิของบุตรหัวปี เพราะเห็นแก่อาหารเพียงมื้อเดียว
ฮบ. 12:17 เพราะพวกท่านก็รู้อยู่แล้วว่า ต่อมาภายหลังเมื่อเอซาวอยากได้รับพรนั้นเป็นมรดก เขาก็ถูกปฏิเสธ และไม่พบหนทางแก้ไข แม้ว่าเขาได้แสวงหาพรนั้นจนน้ำตาไหล
ปฐก. 28:4 ขอพระองค์ประทานพรของอับราฮัมแก่เจ้า และแก่เชื้อสายของเจ้าด้วย เพื่อเจ้าจะได้ดินแดนซึ่งเจ้าอาศัยอยู่นี้เป็นกรรมสิทธิ์ ซึ่งพระเจ้าประทานแก่อับราฮัม”
ปฐก. 28:14 เชื้อสายของเจ้าจะเป็นเหมือนผงคลีบนแผ่นดิน เจ้าจะแผ่กว้างออกไปทางทิศตะวันตกและทิศตะวันออก ทางทิศเหนือและทิศใต้ พงศ์พันธุ์มนุษย์ทั้งหมดจะได้รับพรเพราะเจ้าและเพราะเชื้อสายของเจ้า
ลำดับวงศ์ของพระเยซูคริสต์เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับสิทธิบุตรหัวปี
และสิ่งที่สำคัญที่สุดในสิทธิบุตรหัวปีนั้นขึ้นอยู่กับการเข้าสนิทกับพระคริสต์
และการมีส่วนร่วมในพระคริสต์
การแย่งชิงของยาโคปไม่ได้ถูกนับว่าเป็นความชอบธรรม
แต่การแสวงหาสิทธิบุตรหัวปีของยาโคบกับเป็นสิ่งที่พระเจ้าทรงพอพระทัย
เอซาวไม่ได้เห็นคุณค่าของสิทธิบุตรหัวปีเขาได้ขายสิทธิบุตรหัวปีในราคาถูกมากมาย
ด้วยเหตุนี้เองเอซาวจึงได้สูญเสียสิทธฺบุตรหัวปีไปอย่างถาวรและไม่มีวันได้สิทธิบุตรหัวปีกลับคืนมาได้อีกเลย ถึงแม้ตัวเอซาวจะเศร้าโศรกเสียใจเช่นไรก็ไม่สามรถช่วยให้สิทธิบุตรหัวปีกลับมาได้อีกดังเดิม
ในการมีส่วนในพระพรของพระคริสต์แล้วเอซาวได้สูญเสียไปอย่างถาวร
เรื่องสิทธิบุตรหัวปีนี้เป็นการเตือนสติพี่น้องทั้งหลายเป็นอย่างดี 
ให้พี่น้องทั้งหลายจงทำแบบยาโคบที่มีความตั้งใจและแสวงหาสิทธิบุตรหัวปีจนสามารถได้รับพระพรจากพระคริสต์ในสิทธิบุตรหัวปีในที่สุด
ด้วยเหตนี้เองยาโคบจึงได้รับพระพรตามคำสัญญาของพระเจ้าก็คือพระพรของพระคริสต์นั่นเอง
ขอบคุณพระเจ้าวันนี้พี่น้องต้องเรียบฉวยโอกาสแสวงหาพระพรของพระคริสต์คือสิทธิ์บุตรหัวปีตลอดเวลา ดำเนินชีวิตดำเนินตามพระวิญญาณฉวยโอกาสในพระคริสต์เสมอ เอเมน

เชโอลหรือเฮเดส คือแดนคนตายแดนผู้ตาย

แดนคนตาย แดนผู้ตาย
ในพระคัมภีร์ฉับบภาษาฮีบรูเรียกแดนคนตายหรือแดนผู้ตายว่า เชโอล
ส่วนใพระคัมภีร์ภาษากรีก เรียกว่าเฮเดส
ด้วยเหตุนี้ไม่ว่าจะเรียกว่าเชโอลหรือเฮเดส จึงมีความหมายเดียวกันคือแดนผู้ตายหรือแดนคนตายนั่นเอง
ชีวิตหลังความตายเป็นสิ่งที่พี่น้องคริสเตียนต้องการรู้ว่าตายแล้ววิญญาณไปไหนนั่นคือไปที่แดนคนตายนั่นเอง
แดนคนตายในพระคัมภีร์เดิมหมายถึงที่อยู่ทั้งคนดีและคนชั่ว 
ปฐก. 37:35 บุตรชายหญิงทั้งหมดก็พากันมาปลอบโยนบิดา แต่ท่านไม่ยอมรับการปลอบโยน กล่าวว่า “อย่าเลย เราจะไปยังแดนคนตาย ไปหาลูกเราพร้อมการคร่ำครวญ” บิดาของท่านก็ร้องไห้คิดถึงท่านดังนี้
สดด. 9:17 คนอธรรมจะหันไปสู่แดนคนตาย คือ ประชาชาติทั้งสิ้นที่ลืมพระเจ้า
แดนคนตายเป็นที่ไปแล้วไม่สามารถกลับมายังโลกนี้ได้อีก
โยบ 10:21 ก่อนที่ข้าพระองค์จะไปยังที่ซึ่งข้าพระองค์ไม่ได้กลับ ถึงแผ่นดินแห่งความมืดและเงามัจจุราช
โยบ 16:22 เพราะว่าต่อไปอีกไม่กี่ปี ข้าจะไปตามทางที่ข้าจะไม่ได้กลับ
ในแดนคนตายจะไม่มีกิจกรรมใดๆจัดขึ้นมาเลยแม้แต่การสรรญเสริญพระเจ้าก็จะไม่มีอย่างแน่นอน
สดด. 115:17 คนตายไม่สรรเสริญพระยาห์เวห์ และทุกคนที่ลงไปสู่ที่สงัดก็เช่นกัน
ปญจ. 9:10 มือของเจ้าจับงานอะไร ก็จงทำการนั้นด้วยเต็มกำลัง เพราะในแดนคนตายที่เจ้าจะไปนั้นไม่มีการงาน หรือความคิด หรือความรู้ หรือปัญญา
แดนคนตายเป็นที่ทั้งคนดีและคนชั่วจะได้รับผลตามการกระทำของตัวเอง
ดังนั้นแดนคนตายจะลงโทษตามการกระทำของแต่ละคนที่เคยทำไว้ในโลกมนุษย์นี้
สดด. 55:15 ขอให้ความตายมาหาเขาเหล่านั้น ให้เขาลงไปยังแดนคนตายทั้งเป็น เพราะบรรดาความชั่วร้ายอยู่ในที่พำนักของเขา ในท่ามกลางเขา
แดนคนตายเป็นดินแดนที่อยู่ใต้พิภพทั้งลึกทั้งมืดและเงียบสงัดที่สุด
กดว. 16:30 แต่ถ้าพระยาห์เวห์ทรงบันดาลสิ่งใหม่ให้เกิดขึ้น และแผ่นดินอ้าปากกลืนพวกเขาเข้าไปพร้อมกับข้าวของทั้งหมดของเขา และเขาทั้งหลายลงไปสู่แดนคนตายทั้งเป็น ท่านทั้งหลายก็จงทราบเถิดว่า คนเหล่านี้ได้หมิ่นประมาทพระยาห์เวห์”
กดว. 16:33 ดังนั้นเขาทั้งหลายพร้อมกับข้าวของทั้งหมดของเขาก็ลงไปสู่แดนคนตายทั้งเป็น และแผ่นดินก็ปิดเขาไว้ และเขาทั้งหลายก็พินาศไปจากท่ามกลางที่ประชุม
โยบ 11:8 มันสูงกว่าฟ้าสวรรค์ ท่านจะทำอะไรได้? ลึกกว่าแดนคนตาย ท่านจะทราบอะไรได้?
โยบ 10:21 ก่อนที่ข้าพระองค์จะไปยังที่ซึ่งข้าพระองค์ไม่ได้กลับ ถึงแผ่นดินแห่งความมืดและเงามัจจุราช
โยบ 10:22 แผ่นดินแห่งความมืดทึบดังตัวความมืดเอง เป็นแผ่นดินแห่งเงามัจจุราชและไร้ระเบียบ ที่ซึ่งความสว่างเป็นเหมือนความมืด”
สดด. 94:17 ถ้าพระยาห์เวห์มิใช่ความอุปถัมภ์ของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าคงได้อยู่ในแดนมรณาในไม่ช้า
อมส. 9:2 “แม้ว่าเขาจะขุดไปถึงแดนคนตาย มือของเราจะจับเขาขึ้นมาจากที่นั่น แม้ว่าเขาจะปีนไปถึงฟ้าสวรรค์ เราจะดึงเขาลงมาจากที่นั่น
แดนคนตายเป็นหลุมฝังศพของคนตายทั้งหลาย
ปฐก. 37:35 บุตรชายหญิงทั้งหมดก็พากันมาปลอบโยนบิดา แต่ท่านไม่ยอมรับการปลอบโยน กล่าวว่า “อย่าเลย เราจะไปยังแดนคนตาย ไปหาลูกเราพร้อมการคร่ำครวญ” บิดาของท่านก็ร้องไห้คิดถึงท่านดังนี้
แดนคนตายเป็นความตายของคนทั่วไป
ปฐก. 42:38 ยาโคบบอกว่า “พ่อไม่ยอมให้ลูกของพ่อไปกับพวกเจ้า เพราะพี่ชายเขาก็ตายแล้ว เหลือแต่เขาคนเดียว ถ้าเกิดอันตรายแก่ลูกของพ่อในเวลาเดินทางไปกับเจ้า เจ้าจะพาผมหงอกของพ่อลงสู่แดนคนตายอย่างเศร้าสลด”
สดด. 16:10 เพราะพระองค์มิได้ทรงมอบข้าพระองค์ไว้กับแดนคนตาย หรือให้ผู้จงรักภักดีของพระองค์ต้องเห็นหลุมมรณะนั้น
สดด. 18:5 สายใยของแดนคนตายพันตัวข้าพเจ้า บ่วงมัจจุราชอยู่ต่อหน้าข้าพเจ้า
แดนคนตายเป็นสถานที่วิญญาณที่อยู่ระหว่างความตายกับการเป็นขึ้นจากความตาย วิญญาณของคนตายอยู่ในสภาพเฉื่อยชาไม่มีเรี่ยวแรง
สดด. 88:4 ข้าพระองค์ถูกนับเข้ากับบรรดาผู้ที่ลงไปยังหลุมมรณา ข้าพระองค์เป็นเหมือนชายที่ไม่มีกำลัง
แดนคนตายถูกเปรียบเทียบเป็นเหมือนดั่งสัตว์ร้ายและปีศาจที่ไม่รู้จักอิ่มมันมีแต่อ้าปากกว้างกลืนกินคนมากมาย
สภษ. 1:12 ให้เรากลืนพวกเขาทั้งเป็นอย่างแดนคนตาย และกลืนเขาทั้งตัว อย่างคนเหล่านั้นที่ลงหลุมมรณา
อสย. 5:14 เพราะฉะนั้นแดนคนตายก็ขยายคอของมันออก และอ้าปากกว้างอย่างไม่จำกัด และพวกเจ้านายของเยรูซาเล็มและมวลชนของเมืองนั้นก็ลงไป พร้อมทั้งเสียงอึกทึกและความรื่นเริงที่อยู่ในนั้น
ฮบก. 2:5 ยิ่งกว่านั้น เหล้าองุ่นเป็นของอันตราย วางใจไม่ได้ คนจองหองจะไม่ได้พักสงบ คอของเขาเปิดกว้างดุจแดนคนตาย และเขาเหมือนมัจจุราชที่ไม่รู้จักอิ่ม เขากอบโกยประชาชาติทั้งสิ้นมาเพื่อตัวเอง และรวบรวมทุกชนชาติมาเป็นคนของตน”
สำหรับเรื่องแดนคนตายในพระคัมภีร์ใหม่จะเห็นได้อย่างชัดเจนเรื่องเศณษฐีผู้มั่งคั่งกับขอทานอย่างลาซารัส เป็นเรื่องที่พี่น้องทั้งหลายได้อ่านได้ยินได้ฟังมานานกรณณีเศรษฐีมาขอให้ลาซารัสช่วยเอานิ้วมาสัมผัสเพื่อดับกระหายตรงนี้แดนคนตายเฮเดสหากอ่านดีๆๆจะมีการแบ่งกันระหว่างผู้ชอบธรรมที่ตายไปแล้วกับผู้ไม่ชอบธรรมที่ตายไปแล้วว่าอยู่กันคนละที่
ตัวเศรษฐีเองต้องอยู่ในที่ มีเปลวไฟ มีความทุกข์ระทม และมีเหวใหญ่คอยขวางกั้น
ส่วนตัวลาซารัสอยู่ในที่ดีกว่าในแดนคนตาย
ลก. 16:19 “มีเศรษฐีคนหนึ่งนุ่งห่มผ้าสีม่วงและผ้าป่านเนื้อดี อยู่อย่างรื่นเริงฟุ่มเฟือยทุกๆ วัน
ลก. 16:20 และมีคนยากจนคนหนึ่งชื่อลาซารัส เป็นแผลทั้งตัว นอนอยู่ที่ประตูรั้วบ้านของเศรษฐี
ลก. 16:21 เขาอยากจะกินเศษอาหารที่ตกจากโต๊ะของเศรษฐีคนนั้น แม้สุนัขก็มาเลียแผลของเขา
ลก. 16:22 ต่อมาคนยากจนนั้นตาย และพวกทูตสวรรค์นำเขาไปอยู่กับอับราฮัม ส่วนเศรษฐีคนนั้นก็ตายด้วย และถูกฝังไว้
ลก. 16:23 และเมื่อเขาเป็นทุกข์ทรมานอยู่ในแดนคนตาย เขาแหงนหน้าดู เห็นอับราฮัมอยู่แต่ไกล และลาซารัสก็อยู่กับท่าน
ลก. 16:24 เศรษฐีจึงร้องว่า ‘อับราฮัมบิดาเจ้าข้า ขอเมตตาข้าพเจ้าเถิด ขอใช้ลาซารัสเอาปลายนิ้วจุ่มน้ำมาแตะลิ้นของข้าพเจ้าให้เย็น เพราะข้าพเจ้าต้องทุกข์ระทมอยู่ในเปลวไฟนี้’
ลก. 16:25 แต่อับราฮัมตอบว่า ‘ลูกเอ๋ย เจ้าจงระลึกว่าเมื่อเจ้ายังมีชีวิตอยู่ เจ้าได้สิ่งที่ดีสำหรับตัว และลาซารัสได้แต่สิ่งเลว เวลานี้เขาได้รับการปลอบโยนแล้ว แต่เจ้าได้รับแต่ความทุกข์ระทม
ลก. 16:26 ยิ่งไปกว่านั้น ระหว่างเรากับพวกเจ้าก็มีเหวใหญ่ตั้งขวางอยู่ เพื่อว่าถ้าใครอยากจะข้ามจากที่นี่ไปถึงพวกเจ้าก็ทำไม่ได้ หรือถ้าจะข้ามจากที่นั่นมาถึงเราก็ทำไม่ได้’
ลก. 16:27 เศรษฐีคนนั้นจึงกล่าวว่า ‘ถ้าอย่างนั้น บิดาเจ้าข้า ขอท่านใช้ลาซารัสไปที่บ้านบิดาของข้าพเจ้า
ลก. 16:28 เพราะว่าข้าพเจ้ามีน้องชายห้าคน ให้ลาซารัสไปเตือนพวกเขา เพื่อไม่ให้เขาต้องมาอยู่ในที่ทุกข์ทรมานแห่งนี้’
ลก. 16:29 แต่อับราฮัมตอบว่า ‘เขามีโมเสสและพวกผู้เผยพระวจนะแล้ว ให้พวกเขาฟังคนเหล่านั้นเถิด’
ลก. 16:30 เศรษฐีคนนั้นจึงกล่าวว่า ‘ไม่ได้ อับราฮัมบิดาเจ้าข้า แต่ถ้ามีใครสักคนหนึ่งจากพวกคนตายไปหาพวกเขา เขาคงจะกลับใจใหม่’
ลก. 16:31 อับราฮัมจึงตอบเขาว่า ‘ถ้าพวกเขาไม่ฟังโมเสสและพวกผู้เผยพระวจนะ แม้จะมีใครเป็นขึ้นมาจากตาย เขาก็ยังจะไม่เชื่อ’ ”
พี่น้องที่รักทั้งหลายวันนี้ท่านเป็นคนที่เชื่อในพระเยซูคริสต์แล้วท่านเป็นผู้ที่ชอบธรรมในพระเจ้าเหมือนที่เขียนไว้ในพระคัมภีร์ไว้ว่า
มธ. 16:18 เราบอกท่านว่าท่านคือเปโตร และบนศิลานี้ เราจะสร้างคริสตจักรของเราไว้และพลังแห่งความตายจะมีชัยต่อคริสตจักรไม่ได้
คริสตจักรก็คือพี่น้องทั้งหลายในวันนี้ที่ได้มาเชื่อพระเจ้าในยุคพระคุณยุคคริสตจักรนี้สิ่งนี้เป็นสิ่งที่พระเจ้าเองได้เลือกสรรพี่น้องไว้แล้วให้เป็นคริสตจักรของพระองค์ในโลกนี้ สรรเสริญพระเจ้า เอเมน

ชัยชนะที่เหนือการกล่าวโทษของมารซาตาน

ชัยชนะที่เหนือการกล่าวโทษของซาตาน
วว. 12:10 และข้าพเจ้าได้ยินเสียงดังในสวรรค์กล่าวว่า “บัดนี้ความรอดและฤทธิ์เดช และอาณาจักรของพระเจ้าของเรา และสิทธิอำนาจของพระคริสต์ของพระองค์มาถึงแล้ว เพราะว่าผู้กล่าวหาพี่น้องของเรา ถูกโยนลงไปแล้ว คือผู้ที่กล่าวหาพวกเขาเฉพาะพระพักตร์พระเจ้าของเราทั้งกลางวันและกลางคืนนั้น
ฮบ. 9:12 คือเสด็จเข้าไปในสถานศักดิ์สิทธิ์ครั้งเดียวเป็นพอ และพระองค์ไม่ได้ทรงนำเลือดแพะและเลือดลูกวัวเข้าไป แต่ทรงนำพระโลหิตของพระองค์เองเข้าไป จึงได้มาซึ่งการไถ่บาปชั่วนิรันดร์
รม. 3:23 เพราะว่าทุกคนทำบาป และเสื่อมจากพระสิริของพระเจ้า
พระโลหิตของพระเยซูคริสต์เจ้ามีบทบาททีสำคัญประการหนึ่งที่มีต่อซาตานนั่นคือการที่ซาตานมีบทบาทที่น่ากลัวคือการเป็นผู้ที่กล่าวโทษพี่น้องทั้งหลายนั่นเอง
พระเยซูคริสต์เจ้าผู้ที่เป็นมหาปุโรหิตใหญ่ได้ทำการขวางกลั้นการกล่าวโทษของซาตานนี้จากพระโลหิตของพระองค์เอง
ด้วยเหตุนี้เองพระโลหิตของพระเยซูคริสต์เจ้า ได้ทำหน้าที่ต่อต้านการกล่าวโทษของซาตาน ด้วยการที่พระโลหิตของพระเยซูคริสต์พระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่ได้ทำหน้นำพระเจ้าเข้ามาสถิตอยู่ภายในวิญญาณของมนุษย์ทั้งหลายเป็นหนึ่งเดียวกับมนุษย์ เพื่อต่อศุ็กับมารซาตาน
ความผิดพลาดในการกระทำต่างๆๆของมนุษย์นั้นได้ทำให้มารซาตานสามารถเข้ามาครอบครองควบคุมตัวของมนุษย์ทั้งหลายในโลกนี้ได้ นี่เองจึงเป็นสาเหตุให้พระเจ้าจำเป็นต้องละทิ้งมนุษย์ไปนั่นเอง
ด้วยเหตุนี้เองมนุษย์ทั้งหลายในวันนี้จึงต้องอยู่นอกสวนต้อนไม้แห่งชีวิตอย่างถาวรพ้นจากพระรัศมีของพระเจ้าอย่างสิ้นเชิง
สภาพการณ์ของมนุษย์โลกทั้งหลายในวันนี้คือภายในวิญญาณของมนุษย์ทั้งหลายได้ห่างเหินไปจากพระเจ้า
สิ่งที่มนุษย์ได้กระทำในทุกวันนี้ล้วนเป็นกิจกรรมการกระทำของมารซาตาน อันเป็นสาเหตุที่พระเจ้าไม่สามารถจะเข้ามาปกป้องตั้วของมนุษย์ได้อีกต่อไป เว้นเสียแต่สิ่งเหล่านี้ที่เป็นกิจการของมารซาตานได้ถูกกำจัดออกไปจากตัวของมนุษย์
สรรเสริญขอบคุณพระเจ้าพี่น้องที่รักทั้งหลายพระโลหิตของพระเยซูคริสต์ได้มากำจัดขวากหนามเส้นกั้นระหว่างมนุษย์กับพระเจ้าแล้วในวันนี้
พระโลหิตของพระเยซูคริสต์ได้ไถ่พี่น้องทั้งหลายกับมาหาพระเจ้า ด้วยพระคุณของพระเจ้าวันนี้พระเจ้าได้สถิตอยู่ภายในวิญญาณของพี่น้องทั้งหลายแล้ว
เอเมนฮาเลลูยาพี่น้องที่รักทั้งหลายด้วยพระโลหิตของพระคริสต์นั่นเองที่ทำให้พี่น้องกลับมาคืนดีกับพระเจ้าเป็นที่โปรดปราณของพระเจ้าอีกครั้งหนึ่ง
ขอบพระคุณพระเจ้าที่ทรงหลั่งพระโลหิตอันประเสริฐไถ่ข้าพระองค์และพี่น้องทั้งหลาย วันนี้เดียวนี้ข้าพเจ้าและพี่น้องทั้งหลายจึงเป็นไทอย่างถาวรนิรันกาล
ข้าพเจ้าพี่น้องทั้งหลายในวันนี้จึงมีความกล้าที่จะต่อสู้กับการกล่าวโทษของซาตานได้อย่างเข้มแข็ง เอเมน

ดำเนินชีวิตแบบพระคริสต์ 3

ดำเนินชีวิตแบบพระคริสต์ 3
มีประโยชน์อะไรที่จะโต้เถียงกันเรื่องพระเจ้าตรีเอกภาพ แต่ขาดซึ่งความสุภาพ
เพราะเป็นสิ่งที่พระเจ้าไม่พอพระทัย
คำพูดลึกซึ้ง ไม่ได้ทำให้มนุษย์เป็นคนศักดิ์สิทธิ์หรือเป็นผู้ชอบธรรม
ชีวิตที่ประกอบด้วยคุณธรรมเป็นที่โปรดปราณขององค์พระผู้เป็นเจ้า
การปราถนาที่จะรู้สึกเป็นทุกข์ถึงความบาป มากกว่าอยากรู้ความหมายของคำว่า เป็นทุกข์ถึงบาป
การรู้พระคำของพระคัมภีร์ทั้งเล่ม จำพระคำของพระเจ้าได้ทั้งหมด
จะมีประโยชน์อะไรถ้าไม่มีความรักและความเมตตาของพระเจ้า
สิ่งไร้สาระล้วนเป็นความว่างเปล่า ทุกสิ่งของโลกนี้ล้วนว่างเปล่า
นอกจากการรัักพระเจ้าและรับใช้พระเจ้าเท่านั้น
ปล่อยโลกทั้งโลกไว้เบื้องหลัง 
แสวงหาอาณาจักรของพระเจ้า นี่คือสิ่งล้ำค่าที่สุดแและไม่ว่างเปล่า

วันจันทร์ที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

ดำเนินชีวิตแบบพระคริสต์2

ดำเนินชีวิตแบบพระคริสต์2
คำสอนของพระเยซูคริสต์ มีคุณค่ากว่าคำสอนทั้งหมดของบรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในโลกนี้
พี่น้องที่มีพระวิญญาณของพระเจ้า จะพบอาหารแห่งชีิวตซ่อนอยู่ในพระคำของพระเจ้า
มีคนมากมายที่ได้ฟังพระคำของพระเจ้าแต่ก็ยังไม่ได้เชื่อในพระคำของพระเจ้า เพราะเขาเหล่านั้นไม่ถ่อมใจกลับใจใหม่ในพระเยซูคริสต์
พี่น้องที่ต้องการจะรู้และเข้าใจในพระคำของพระเยซูคริสต์
พี่น้องจงแสวงหาที่จะดำเนินชีวิตทั้งหมดตามพระคำของพระเยซูคริสต์
และพระวิณณาณของพระคริสต์อย่างแท้จริง

พระเมตตาของพระเจ้

พระเมตตาจากพระเจ้า
ในอดีตกาลมนุษย์ขึ้นอยู่กับพระเจ้าอย่างไร
ปัจจุบันมนุษย์ก็ขึ้นอยู่กับแระเจ้าเอย่างนั้น
สรรเสริญขอบพระคุณพระเจ้า เพราะว่าความเมตตาของพระเจ้าได้มาถึงพี่น้องทั้งหลายในวันนี้
พี่น้องไม่สามารถปฎิเสธความเมตตาของพระเจ้าได้
พี่น้องปฎิเสธการทำงานของพระเจ้าได้
แต่พี่น้องไม่สามรถปฎิเสธความเมตตาของพระเจ้าได้
พระเจ้าทรงเมตตาผู้ใด พระองค์ก็เมตผู้นั้น
นี่ช่างเป็นความเมตตาเสียจริงๆที่ทำให้พี่น้องได้ถูกเลือกสรรเข้าร่วมสนิทพระเจ้า
และมีสว่นในพระเจ้าผู้พระราชทานพระพรเป็นนิรันดร์กาล เอเมน.

วันอาทิตย์ที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

เทศกาลถวายผลแรก
ลนต. 23:9 พระยาห์เวห์ตรัสกับโมเสสว่า
ลนต. 23:10 “จงกล่าวแก่คนอิสราเอลว่า เมื่อพวกเจ้ามาถึงแผ่นดินซึ่งเราให้เจ้า และเกี่ยวพืชผลของแผ่นดินนั้น พวกเจ้าจงเอาพืชผลส่วนหนึ่งที่เก็บเกี่ยวในรุ่นแรกนำไปให้ปุโรหิต
ลนต. 23:11 และปุโรหิตจะนำพืชผลส่วนนั้น ทำพิธีโบกถวายแด่พระยาห์เวห์ เพื่อพวกเจ้าจะเป็นที่โปรดปราน ในวันรุ่งขึ้นหลังวันสะบาโตปุโรหิตจะทำพิธีโบกถวาย
ลนต. 23:12 ในวันที่เจ้าทำพิธีโบกถวายพืชผล จงถวายลูกแกะผู้อายุหนึ่งปีที่ไม่มีตำหนิเป็นเครื่องบูชาเผาทั้งตัวถวายแด่พระยาห์เวห์
ลนต. 23:13 และเครื่องธัญบูชาที่คู่กันนั้นคือแป้งอย่างดีสองกิโลกรัมเคล้าน้ำมัน เป็นเครื่องบูชาเผาด้วยไฟถวายแด่พระยาห์เวห์เป็นกลิ่นพอพระทัย และเครื่องดื่มบูชาที่คู่กันคือเหล้าองุ่นหนึ่งลิตร
ลนต. 23:14 ห้ามรับประทานขนมปัง หรือข้าวคั่ว หรือข้าวดิบ จนกว่าจะถึงวันเดียวกันนี้ คือจนกว่าพวกเจ้าจะนำเครื่องบูชาถวายแด่พระเจ้าของเจ้า ทั้งนี้เป็นกฎเกณฑ์ถาวรตามที่อาศัยทั่วไปของพวกเจ้าตลอดชั่วชาติพันธุ์ของเจ้า
เทศกาลถวายผลแรกนี้จัดขึ้นหลังวันสะบาโตหนึ่งวัน จะมีการรวบรวมข้าวบาร์เลย์ฟ่อนแรกมาถวายแด่พระเจ้าที่ได้จากการเก็บเกี่ยวเป็นผลแรกสุด
ข้อสังเกตุนี่คือเรื่องที่เกิดในยุคพระบัญญัต แต่พี่น้องที่เกิดในยุคนี้อยูู่ในยุคคริสตจักรยุคพระคุณ 
ดังนั้นผลแรกจึงไม่เกี่ยวของกับพี่น้องในยุคนนี้เท่าไหร่นัก 
แต่การได้อ่านพระคัมภีร์ข้อนี้แล้วจะเห็นได้ว่าสิ่งที่มอบถวายให้แก่พระเจ้าต้องเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสิ่งแรกของที่พี่น้องได้มา
ดังนั้นในยุคนี้ก็หมายถึงการมอบถวายตัวพี่น้องนั้นเป็นสิ่งที่ดีที่สุดให้แก่พระเจ้า
แต่บางครั้งก็มีหลายแห่งเอาไปเป็นเหตุใช้พูดเพื่อขอถวายทรัพย์จากพี่น้องอันนี้ไม่น่าจะเกี่ยวกับเรื่องผลแรกเลย
เรื่องการมอบถวายทรัพย์ที่ถูกต้องนั้นได้นำเสนอไปแล้วขอให้พี่น้องย้อนกับไปอ่าน เอเมน

วันศุกร์ที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

เทศกาลขนมปังไร้เชื้อ

เทสกาลกินขนมปังไร้เชื้อ
อพย. 23:15 จงถือเทศกาลกินขนมปังไร้เชื้อ เจ้าจงกินขนมปังไร้เชื้อเจ็ดวันตามที่เราสั่งเจ้าไว้แล้ว ตามเวลาที่กำหนดไว้ในเดือนอาบีบ เพราะในเดือนนั้นเจ้าออกจากอียิปต์ ห้ามผู้ใดมาเข้าเฝ้าเรามือเปล่า
เทศกาลกินขนมปังไร้เชื้อจะเริ่มตั้งแต่วันที่15ถึงวันที่27ของเดือนมิถนายน ซึ่งตรงกับเดือนอาบีบ เดือนมีนาคมและเมษายนในปฎิทินสากล
การกินขนมปังไร้เชื้อจะฉลองกันเป็นเวลา7วัน
ความเป็นมา จากตอนที่ชาวยิวออกมาจากประเทศอียิปต์ พวกผู้หญิงทำขนมปังไม่มีเวลารอให้ขนมปังฟู ด้วยเหตุนี้เองขนมปังในงานเลี้ยงปัสกาและมื้ออื่นๆ และตลอดอาทิตย์นั้นจะเป็นขนมปังไร้เชื้อทั้งหมด
ขนมปังไร้เชื้อเป็นขนมปังที่ไม่ใส่ยีนต์ 
สัปดาห์ต่อจากเทศกาลปัศกาจึงเริ่มเทศกาลขนมปังไร้เชื้อ

ศานติบูชาคืออะไร

ศานติบูชาคืออะไร
กดว. 7:17 โคผู้สองตัว แกะผู้ห้าตัว แพะผู้ห้าตัว และลูกแกะผู้อายุหนึ่งปีห้าตัวเป็นศานติบูชา สิ่งเหล่านี้เป็นของถวายของนาโชนบุตรของอัมมีนาดับ
ศานติบูชาเป็นเครื่องบูชาที่นำมาถวายใน3กรณีด้วยกันคือ
1.เป็นเครื่องบูชาโมทนาพระคุณ
2.เป็นเครื่องบูชาแก้บน
3.เป็นเครื่องบูชาตามใจสมัคร

วันพฤหัสบดีที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

พระคัมภีร์ฉับบเซปทัวร์จินต์

พระคริสตธรรมคัมภีร์เดิมฉับบเซปทัวจินต์
พระคัมภีร์เดิมฉับบนี้แปลจากภาษาฮีบรูมาเป็นภาษากรีกใช้เวลาแปลตั้งแต่ศตวรรษที่3จนถึงศตวรรษที่1ก่อน คศ. มีชื่อเรียกย่อว่าLXX แปลว่าเจ็ดสิบ มาจากการใช้ผู้แปลหมวดเบญจวรรณถึงเจ็ดสิบคน
การนำพระคัมภีร์ภาษาฮีบรูมาแปลเป็นภาษากรีกเพื่อให้ชาวอิสราเอลในต่างประเทศที่ไม่รู้ในภาษาฮับรูได้อ่านได้เนื่องจากชาวอิสราเอลในยุคหลังต่อมาอ่านได้แต่ภาษากรีกเนื่องมาจากรับอารยะธรรมโรมันในยุคต่อมาที่ใช้ภาษากรีกเป็นภาษาสากลเหมือนที่ปัจจุบันบันจะเห็นกันว่ามีภาษาอังกฤษเป็นภาษาสากลนั่นเอง
ผู้ศึกษาค้นคว้าในพระคัมภีร์ใหม่มักอ้างข้อความพระคัมภีร์เดิมจากฉับบเซปทัวร์จินต์มาอ้างเสมอ ไม่ว่าจะเป็นการขยายข้อความก็ใช้พระคัมภีร์ฉับบนี้มาอ้าง
พระคัมภีร์ฉับบเซปทัวร์จินต์มีอยู่หลายบทหลายตอนที่แตกต่างไปจากพระคัมภีร์ฉับบภาษาฮีบรูอย่างชัดเจน
ข้ออ้างอิงในพระคัมภีร์ใหม่ที่อ้างมาจากฉับบเซปทัวร์จินต์ จะใช้LXXอยู่ในเชิงอรรถเพื่อแสดงให้เห็นว่ามาจากฉับบเซปทัวร์จินต์นี่เอง
ตัวอย่างเช่นใน
ฮบ. 1:6 และอีกครั้งหนึ่ง เมื่อพระองค์ทรงนำพระบุตรหัวปีนั้นเข้ามาในโลก ก็ตรัสว่า “ให้ทูตสวรรค์ทั้งหมดของพระเจ้ากราบนมัสการพระบุตร”
.หรือใน
ยก. 4:6 แต่พระองค์ก็ประทานพระคุณมากยิ่งขึ้น เพราะฉะนั้นพระคัมภีร์จึงกล่าวว่า “พระเจ้าทรงต่อสู้คนที่หยิ่งจองหอง แต่ประทานพระคุณแก่คนที่ถ่อมใจ”

บททดสอบความเชื่อในพระคริสต์

ความเชื่อของชาวโรมบททดสอบของเราในวันนี้
ลก. 7:1 เมื่อพระองค์ตรัสคำเหล่านั้นให้ประชาชนฟังเสร็จแล้ว พระองค์จึงเสด็จเข้าไปในเมืองคาเปอรนาอุม
ลก. 7:2 มีทาสของนายร้อยคนหนึ่งที่นายรักมากป่วยเกือบจะตายแล้ว

ก. 7:3 เมื่อนายร้อยได้ยินเรื่องพระเยซู จึงส่งผู้ใหญ่บางคนของพวกยิวไปอ้อนวอน เชิญพระองค์เสด็จมารักษาทาสของเขา
ลก. 7:4 พวกเขาจึงไปหาพระเยซูแล้วก็อ้อนวอนพระองค์ด้วยใจกระตือรือร้นว่า “นายร้อยคนนั้นเป็นคนที่พระองค์สมควรจะทำสิ่งนี้ให้
ลก. 7:5 เพราะว่าท่านรักชนชาติของเราและสร้างธรรมศาลาให้เรา”
ลก. 7:6 พระเยซูจึงเสด็จไปกับพวกเขา เมื่อไปเกือบจะถึงบ้านอยู่แล้ว นายร้อยก็ให้เพื่อนๆ ไปหาพระองค์ทูลว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้า ขออย่าได้ลำบากเลย เพราะว่าข้าพระองค์เป็นคนที่ไม่สมควรจะรับพระองค์เข้าใต้ชายคาบ้านของข้าพระองค์
ลก. 7:7 เพราะฉะนั้นข้าพระองค์จึงเห็นว่าเป็นการไม่สมควรด้วยที่จะไปหาพระองค์ ขอเพียงแต่รับสั่ง ทาสของข้าพระองค์ก็จะหายโรค
ลก. 7:8 เพราะว่าข้าพระองค์เองก็อยู่ใต้อำนาจทหารและมีทหารที่อยู่ใต้อำนาจ ถ้าข้าพระองค์บอกคนนี้ว่า ‘ไป’ เขาก็จะไป ถ้าบอกคนนั้นว่า ‘มา’ เขาก็จะมา ถ้าบอกทาสของข้าพระองค์ว่า ‘ทำสิ่งนี้’ เขาก็จะทำ”
ลก. 7:9 เมื่อพระเยซูทรงได้ยินคำเหล่านั้นแล้วก็ประหลาดพระทัย จึงทรงเหลียวหลังตรัสกับฝูงชนที่ตามพระองค์มาว่า “เราบอกพวกท่านว่าเราไม่เคยพบความเชื่อมากเท่านี้แม้แต่ในอิสราเอล”
ลก. 7:10 เมื่อพวกที่นายร้อยส่งมานั้นกลับถึงบ้าน ก็เห็นทาสคนนั้นหายเป็นปกติแล้ว
ในลูกาได้พูดถึงความเชื่อของนายร้อยชาวโรมที่มีต่อพระเยซูคริสต์ข้อนี้บอกให้ว่าแม้แต่คนที่ยังไม่ได้รับเชื่อในพระคริสต์ก็มีความเชื่อมั่นต่อตัวพระเยซูคริสต์อย่างแท้จริง แล้วพี่น้องล่ะเป็นคนของพระคริสต์แท้ๆๆจะไม่เชื่อในพระคริสต์ยิ่งกว่าเชียวหรือ
กจ. 10:30 โครเนลิอัสจึงตอบว่า “สี่วันที่แล้วขณะข้าพเจ้ากำลังอธิษฐานอยู่ในบ้านของข้าพเจ้าราวๆ ตอนนี้คือบ่ายสามโมง มีคนหนึ่งยืนอยู่ตรงหน้าข้าพเจ้า สวมเสื้อผ้ามันวาวระยิบระยับ
กจ. 10:31 คนนั้นกล่าวว่า ‘โครเนลิอัส พระเจ้าทรงระลึกถึงคำอธิษฐาน และการทำทานของท่านแล้ว
กจ. 10:32 เพราะฉะนั้นจงใช้คนไปเมืองยัฟฟาเชิญซีโมนที่เรียกว่าเปโตรมา ท่านอาศัยอยู่ในบ้านของซีโมนช่างฟอกหนังที่ริมฝั่งทะเล’
กจ. 10:33 ข้าพเจ้าจึงใช้คนไปเชิญท่านมาทันที การที่ท่านมาก็ดีแล้ว เวลานี้เราอยู่กันพร้อมหน้าเฉพาะพระพักตร์พระเจ้าเพื่อฟังสิ่งสารพัดที่พระองค์ตรัสสั่งท่านไว้”
กจ. 10:34 แล้วเปโตรจึงกล่าวว่า “ข้าพเจ้าเห็นจริงแล้วว่าพระเจ้าไม่ทรงลำเอียง
กจ. 10:35 ทุกคนในทุกชนชาติที่เกรงกลัวพระองค์ และประพฤติตามทางชอบธรรมก็เป็นที่ชอบพระทัยพระองค์
อัครสาวกเปโตรได้เห็นว่านายร้อยชาวโรมันคนนี้มีความเชื่อและแสวงหาพระเจ้าอย่างแท้จริง
แม้ว่าในสมัยจักรวรรดิโรมันจะพบความสำเร็จในหลายๆด้านด้วยกัน แต่ก็พบเห็นข้อบกพร่องที่เห็นได้ชัดนั่นคือการที่ชาวยิวเองเกลียดชังพวกโรมัน
สิ่งนี้เป็นเส้นขวางกันเรื่องความเชื่อและการประกาศข่าวประเสริฐของชาวยิว
ในวันนี้พี่น้องที่รักยิ่งท่านเป็นคริสเตียนไทยท่านต้องยิ่งทดสอบความเชื่ออย่างมากเพราะในประเทศไทยเต็มไปด้วยความเชื่อหลากหลายมีการกราบไหว้บูชาเทพเจ้ามากมาย
ถึงกระนั้นก็ตามพี่น้องต้องไม่ให้ความเชื่อที่มีต่อพระคริสต์ต้องถูกทดสอบด้วยขีดจำกัดของคนที่ไม่เชื่อ
การประกาศกิตติคุณไม่ใช่เรื่องยากแต่ต้องอาศัยความเชื่อของพี่น้องต่อพระคริสต์เช่นกัน เอเมน.

พระโลหิตอันประเสริฐของพระคริสต์

พระโลหิตอันประเสริฐของพระเยซูคริสต์
ฮบ. 10:2 เพราะถ้าทำได้ พวกเขาคงหยุดการถวายเครื่องบูชาแล้วไม่ใช่หรือ? เพราะถ้าผู้นมัสการได้รับการชำระให้บริสุทธิ์สักครั้งหนึ่งแล้ว คงจะไม่รู้สึกว่ามีบาปอีกต่อไป
รม. 4:8 บุคคลที่องค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ได้ทรงถือโทษก็เป็นสุข”
ในบางครั้งพี่น้องอาจจะมีความรู้สึกอ่อนแอต่อความเชื่อ
การที่พี่น้องอ่อนแอต่อความเชื่อนั้นไม่ได้ทำให้พี่น้องเข้มแข็งในความเชื่อเลยทีเดียว
พี่น้องต้องไม่ปล่อยให้ความรู้สึกของเนื้อหนังเข้ามาแทรกแซงการดำเนินชีวิตอยู่ในวิญญาณซึ่งไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อตัวพี่น้องเองเลย
แต่พี่น้องต้องเข้มแข็งด้วยการดำเนินชีวิตฝ่ายวิญญาณที่แสวงหาพระเจ้าอย่างแท้จริง ด้วยการพึ่งในพระโลหิตของพระเยซูคริสต์เท่านั้น
ถึงแม้วันนี้พี่น้องยังไม่เข้าใจอย่างชัดเจนในพระโลหิตของพระเยซูคริสต์ยังไม่รู้แจ้งชัดเจนถึงคุณค่าของพระโลหิต
แต่ถึงกระนั้นก็ตามพี่น้องต้องรู้ไว้ว่าพระโลหิตนี้เป็นที่พอพระทัยพระเจ้าเป็นอย่างยิ่ง
ด้วยเหตุนี้พระโลหิตของพระเยซูคริสต์นี้เองเป็นที่พึ่งของพี่น้องเพียงสิ่งเดียวเท่านั้น
ขอให้พี่น้องได้ตระหนักว่าแม้ว่าเนื้อหนักสติปัญญาของตัวพี่น้องเองจะมีความเฉลียวฉลาดสักเพียงใด และตัวพี่น้องเองจะประสบความสำเร็จในชีวิตฝ่ายเนื้อหนังสักเท่าใดก็ไม่มีความสำคัญนัก
เมื่อพี่น้องมาสู่การดำเนินชีวิตฝ่ายวิญญาณแล้วนั้นพี่น้องต้องยึดพระโลหิตของพระเยซูคริสต์เท่านั้น ที่จะทำให้วิญญาณของพี่น้องบริสุทธิ์ต่อพระเจ้าอย่างแท้จริง
เพราะการดำเนินชีวิตอยู่ในวิญญาณนั้นจะบริสุทธิ์ไม่ได้หากปราศจากพระโลหิตอันประเสริฐของพระเยซูคริสต์
ขอบคุณพระเจ้าพระโลหิตอันประเสริฐของพระคริสต์ทำให้พี่น้องพ้นจากความบาปและมลทินทั้งปวง สรรเสริญพระเจ้า เอเมน.

มัทธีอัสอัครสาวกคนที่สิบสาม

มัทธีอัสสาวกคนที่สิบสามผู้มาแทนยูดาสอัครสาวก
กจ 1:15-17, 20-26…..
15ในระหว่างนั้น เปโตรยืนขึ้นในหมู่พี่น้อง ที่ชุมนุมกันอยู่ประมาณ 120 คน กล่าวว่า 16”พี่น้องทั้งหลาย จำเป็นที่พระคัมภีร์จะต้องเป็นจริงตามที่พระจิตเจ้าทรงใช้พระโอษฐ์ของ กษัตริย์ดาวิดตรัสล่วงหน้าถึงยูดาส ผู้นำคนมาจับกุมพระเยซูเจ้า 17ยูดาสผู้นี้เคยเป็นคนหนึ่งในคณะของเราและร่วมภารกิจกับเรา20เพราะมีเขียนไว้ในหนังสือเพลงสดุดีว่า “ขอให้ที่อยู่ของเขาถูกทิ้งร้างอย่าให้มีผู้ใดอาศัยอยู่เลย”และอีกตอนหนึ่งว่า “ขอให้ผู้อื่นรับหน้าที่แทนเขา”
21 ดังนั้น ในบรรดาคนทั้งหลายซึ่งอยู่กับเราตลอดเวลาที่พระเยซู องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงดำเนินชีวิตอยู่กับเรา 22เริ่มตั้งแต่พิธีล้างของยอห์นจนถึงวันที่พระองค์เสด็จขึ้นสู่สวรรค์นั้น จำเป็นที่คนหนึ่งจะต้องเป็นพยานร่วมกับเราถึงการกลับคืนพระชนมชีพของ พระองค์”23ผู้ที่มาชุมนุมกันเสนอชื่อชายสองคน คือโยเซฟที่เรียกว่าบาร์ซับบัสหรือยุสทัส และอีกคนหนึ่งชื่อมัทธีอัส 24เขาทั้งหลายอธิษฐานภาวนาว่า “ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทรงทราบจิตใจของมนุษย์ทุกคน ขอทรงแสดงให้ข้าพเจ้าทั้งหลายรู้ว่า พระองค์ทรงเลือกคนใดในสองคนนี้ 25ให้รับหน้าที่รับใช้เป็นอัครสาวกแทนยูดาสที่ละทิ้งหน้าที่นี้เพื่อไปตาม วิถีทางของตน” 26เขาจึงจับสลากระหว่างสองคนนี้ และจับสลากได้มัทธีอัส มัทธีอัสจึงได้เข้าร่วมคณะกับอัครสาวกสิบเอ็ดคน
อรรถาธิบายและไตร่ตรอง
มัทธีอัส บุคคลที่ถูกเลือกขึ้นมาแทนอัครสาวกหลังพระเยซูเจ้าสิ้นพระชนม์แล้ว การเลือกครั้งนี้เลือกขึ้นมาเพื่อแทนยูดาสผู้ทรยศ
o ไม่มีประวัติตอนใดๆเกี่ยวกับมัทธีอัสในพระคัมภีร์อีกเลย นอกจากตอนนี้ในหนังสือกิจการอัครสาวกวันนี้ที่เราได้อ่าน และไม่ได้มีอะไรพิเศษมากไปกว่าความจำเป็นที่จำนวนอัครสาวกจะต้องเป็นจำนวน 12 คน
o แต่ประเด็นที่สำคัญที่สุดของพระคัมภีร์วันนี้ คือ ข้อเรียกร้องของอัครสาวกในการเลือกอัครสาวก คือ คนที่จะเข้ามาเป็นอัครสาวกคือต้องเป็นคนที่หนังสือกิจการอัครสาวกเขียนไว้ ชัดเจนว่า “ในบรรดาคนทั้งหลายซึ่งอยู่กับเราตลอดเวลาที่พระเยซู องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงดำเนินชีวิตอยู่กับเรา เริ่มตั้งแต่พิธีล้างของยอห์นจนถึงวันที่พระองค์เสด็จขึ้นสู่สวรรค์นั้น จำเป็นที่คนหนึ่งจะต้องเป็นพยานร่วมกับเราถึงการกลับคืนพระชนมชีพของ พระองค์”
คนที่จะเป็นผู้ติดตามพระคริสตเจ้าที่แท้จริง เป็นศิษย์พระเยซูเจ้าที่แท้จริงนั้น ต้องเป็นคนที่มี “ประสบการณ์กับพระเยซูเจ้า” ที่สำคัญมากคือเริ่มตั้งแต่พิธีล้างของยอห์นจนถึงวันที่พระองค์เสด็จขึ้นสู่ สวรรค์” สรุปก็คือ คนที่จะเข้ามาเป็นศิษย์พระเยซูเจ้าต้อง “มีประสบการณ์พระเจ้า” มีประสบการณ์กับพระเยซูเจ้าจริงๆ
• “ประสบการณ์พระเจ้า” คือหัวใจสำคัญ... ที่ทำให้ศาสนาคริสตเป็นศาสนาที่มีพระเจ้าในประสบการณ์ของเรา โดยทางพระเยซูคริสตเจ้า
ในเอกสารพระสันตะปาปากิติคุณเบเนดิกต์ 
คำสอนเรื่อง “ประตูแห่งความเชื่อ” (Porta Fidei) เอกสารเรื่องปีแห่งความเชื่อ ได้เน้นมากในเรื่อง “ประสบการณ์พระเจ้า” สรุปว่า 
o พระศาสนจักรเน้นย้ำสอนว่า ความเชื่อคริสตชนหรือศาสนาคริสต์ไม่ใช่ความคิดหรือระบบความคิดชั้นสูง... ไม่ใช่ความคิดและวาจาที่เปี่ยมด้วยปรีชาญาณ หรือสถาบันอันสูงส่ง... 
o แต่ว่า ความเชื่อในศาสนาคริสต์ที่แท้จริง... คือ การที่แต่ละคนมีการพบปะกับพระคริสตเจ้าในฐานะที่เป็นพระบุคคล เป็น Personal Encounter with Christ การพบปะกับพระคริสตเจ้าอย่างแท้จริงในประสบการณ์ของตน
o และอาศัยการพบปะกับพระคริสตเจ้านี้จะทำให้คนๆนั้นซึ่งได้พบกับพระคริสตเจ้าแล้วจะนำเขาไปสู่การกลับใจอย่างแท้จริง...
• พี่น้องที่รัก.. คนที่จะเป็นศิษย์พระเยซูเจ้าแท้จริงได้ ดังเช่นอัครสาวก คนที่เข้ามาแทนที่ยูดาส คือ มัทธีอัส... เขาคนนั้นต้องเป็นคนที่ได้มีประสบการณ์ความเชื่อ มีประสบการณ์พระเจ้าอย่างถ่องแท้ในชีวิตของตน
• .. การเป็นคริสตชนที่แท้จริงนั้นต้องเป็นคนที่ได้รู้จักพระคริสตเจ้าอย่างลึก ซึ้ง ได้มีประสบการณ์การสัมผัสพระคริสตเจ้าอย่างลึกซึ้งในประสบการณ์ของตนเอง อย่างแท้จริง 
o การเลือกนักบุญมัทธีอัส คือ ตัวอย่างและเป็นคำตอบที่ดีอย่างยิ่งถึงคำสอนสำหรับคนที่จะมาเป็นศิษย์พระคริสตเจ้า 
คนที่จะเป็นศิษย์พระเยซูเจ้า ต้องได้รู้จักพระองค์จริงๆ มีประสบการณ์พระเจ้าจริงๆ ในประสบการณ์ของตนเอง
o ต้องเป็นคนที่มีประสบการณ์พระเจ้าอย่างลึกซึ้ง และได้รู้จักพระคริสตเจ้าอย่างลึกซึ้ง 
พี่น้องทุกคน ต้องมีประสบการณ์พระเจ้าอย่างแท้จริง
• คำถามสำคัญ ประสบการณ์พระเจ้าคืออะไร... คือ
o ประสบการณ์การพบพระเจ้าในชีวิตประจำวัน 
o ประสบการณ์ที่ได้พบความรักของพระเจ้าในชีวิตของเรา ความรัก ความช่วยเหลือ และการได้รับความเมตตาอภัยบาป 
o ความสำนึกถึงความรักและความเมตตาของพระเจ้าผ่านทางประสบการณ์การได้อยู่ใกล้ชิดกับพระเจ้า และกับพี่น้องสัตบุรุษรอบข้างเราทุกคน...
• ประสบการณ์พระจ้าที่ยิ่งใหญ่ คือ ประสบการณ์การได้กลับใจด้วยความเชื่อในพระองค์ได้และได้กลับมาในหนทางที่ถูก ต้องและเปี่ยมด้วยความสำนึกถึงความรักของพระองค์...
• การกลับใจ (Metanoia) คือ การเปิดหัวใจคิดไตร่ตรองแบบใหม่ที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม และเป็นการตัดสินใจเปลี่ยนแปลงชีวิตจากเดิมที่เคยเป็นและไม่กลับไปเป็นแบบ เดิมอีก เปาโล บนถนนไปเมืองดามัสกัส ได้พบกับพระคริสตเจ้าและได้กลับใจ เพราะเหตุนั้นท่านได้เป็นตัวอย่างของการกลับใจ จนกลายเป็นพลังแห่งการประกาศข่าวดีใหม่แท้จริง เป็นผู้ประกาศพระคริสตเจ้าแม้ต้องเสี่ยงชีวิต เปาโลเป็นอัครสาวกผู้ทรงพลังที่สุดในการประกาศข่าวดีแบบใหม่ด้วยความ ยินดีและกระตือรือร้นเสมอสดชื่นเสมอ
• การพบปะกับพระบุคคลของพระคริสตเจ้าโดยผ่านทางพระวาจา ศีลศักดิ์สิทธิ์ การอธิษฐานภาวนา และกิจการแห่งความรักและเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์ เป็นพลังผลักดันให้เรากล้าเปลี่ยนแปลงตนเอง และมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะถ่ายทอดประสบการณ์ความรักและความเชื่อนี้ แก่ผู้อื่น ก้าวออกไปเจริญชีวิตเพื่อการประกาศข่าวดีใหม่กับเพื่อนพี่น้องรอบข้างจนสุด ชายขอบสังคม
• คริสตชนจำเป็นต้องพบพระคริสตเจ้าและพระเมตตาของพระองค์อย่างต่อเนื่อง ต้องรักและรู้จักพระองค์ในพระวาจา ศีลศักดิ์สิทธิ์ และการอธิษฐานภาวนาอย่างลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น เพื่อทบทวน ปรับเปลี่ยนวิธีคิด วิธีปฏิบัติ เปลี่ยนแปลงชีวิตตนเอง เป็นการเปิดขอบฟ้าใหม่ของชีวิตความเชื่อและพันธกิจ ออกไปสู่การพบกับพี่น้องรอบข้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งบรรดาพี่น้องผู้ยากไร้และบุคคลชายขอบสังคมมากกว่าเดิม เพื่อจะได้พบพระคริสตเจ้าอย่างแท้จริงในโลกปัจจุบัน
• พี่น้องที่รักมัทธีอัสอัครสาวก ซึ่งเป็นการเพิ่มจำนวนและเติมเต็มศิษย์ของพระองค์ที่ขาดหายไป และเราได้เรียนรู้คุณสมบัติของศิษย์ที่ต้องมีประสบการณ์ความรัก ประสบการณ์กับพระเยซูเจ้า “ประสบการณ์พระเจ้า”
• ดังนั้น ขอให้เราได้พบกับพระเจ้าทางพระวาจา ศีลมหาสนิท และชีวิตภาวนา จนกระทั่งว่าเราได้รับการสัมผัสจากพระเจ้าให้เราได้ปรารถนากลับใจ เปลี่ยนแปลงตนเอง และปรารถนาจะได้รับการพัฒนาขึ้นในความเชื่อ ในความรัก และในความหวังในพระเจ้าจริงๆ เสมอ ขอพระเจ้าอวยพร และอ่านพระคัมภีร์...เอเมน

วันพุธที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

การอยู่ในพระคริสต์

การอยู่ในพระคริสต์
การอยู่ในพระคริสต์พี่น้องต้องดำเนินชีวิตโดยพระคริสต์และพึ่งในพระคริสต์เท่านั้น
พี่น้องต้องไม่อาศัยการกระทำตามความสามรถเนื้อหนังของตัวเองแต่อาศัยการกระทำมาจากพระคริสต์อย่างแท้จริง
พี่น้องต้องไม่อาศัยชีวิตเนื้อหนังธรรมชาติของตัวเอง ตัวพี่น้องต้องเป็นผู้ได้รับการเปลี่ยนแปลงมาจากพระเจ้าจนกลายเป็นเจ้าชายของพระเจ้าในที่สุด
พี่น้องทุกคนล้วนได้รับการเลือกสรรมาจากพระเจ้า ดังนั้นการอยู่ในพระคริสต์พี่น้องไม่สามรถทำอะไรได้ด้วยตัวเอง ไม่สามารถพูดอะไรได้้ด้วยตัวเอง เพระพี่น้องไม่ได้เป็นผู้เลือกแต่พระเจ้าได้ทรงเลือกสรรพี่น้องไว้แล้ว
ด้วยเหตุนี้การอยู่ในพระคริสต์เป็นพระเมตตาคุณของพระเจ้าจริงๆที่ได้เลือกสรรตัวของพี่น้องทั้งหลายให้เดินอยู่ในพระคริสต์อย่างแท้จริง เอเมน.

เลข 10 ในพระคัมภีร์

เลข 10 ในพระคริสตธรรมคัมภีร์
ในพระคริสตธรรมคัมภีร์เลขแต่ล่ะเลขมีความหมายเกี่ยวพันธ์กันกับพระเจ้า และพี่น้องคริสเตียนเป็นอย่างมาก การอ่านพระคัมภีร์ต้องละเอียดและพิจารณาอย่างรอบครอบต้องไม่ตีความตามกำลังความคิดสติปัญญาของตัวเองทั้งสิ้นแต่ต้องพึ่งพาในพระวิญญาณบริสุทธิ์ทั้งสิ้น
เลขสิบในพระคัมภีร์ใช้ในความหมายของการเป็นจำนวนสูงสุดหรือมากที่สุดนั่นเอง
ในสมัยยาโคบเองนั้นก็เคยกล่าวว่าลาบันนั้นเปลี่ยนค่าจ้างของยาโคบถึงสิบครั้งเลยเชียว
ปฐก. 31:7 บิดาของเจ้ายังบิดพลิ้วต่อฉัน และเปลี่ยนค่าจ้างของฉันเสียสิบครั้งแล้ว แต่พระเจ้าไม่ได้ทรงให้เขาทำร้ายฉัน
ต่อมาก็มาในสมัยยุคพระบัญญัติเมื่อโมเซหรือโมเสสรับพระบัญญัติสิบประการ โดยพระเจ้าพระราชทานพระบัญญัติสิบประการให้โมเสสในยุคที่นำพาชาวอิสสราเอลออกจากอียิปต์ไปสู่แผ่นดินงามคะนาอัน
อ่านในอพยพบทที่20ทั้งบท
การเดินทางนำพาคนอิสสราเอลเข้าไปในป่ากันดารก่อนเข้าสู่คะนาอันนั้นคนอิสราเอลได้ทำผิดต่อพระเจ้าหลายครั้งหลายครา กล่าวโทษพระเจ้าอย่างมากมานจนพระเจ้าพระราชทานโอกาสให้เห็นพระสิริของพระเจ้าเพื่อทดลองชาวอิสสราเอลที่ดื้อด้านถึงสิบครั้งสิบหนแล้วก็ตาม
กดว. 14:22 ทุกคนที่ได้เห็นพระสิริของเรา และเห็นการอัศจรรย์ทั้งหลายที่เราทำในอียิปต์และในถิ่นทุรกันดาร แต่ยังทดลองเราถึงสิบครั้ง ทั้งไม่ฟังเสียงของเรา
แม้กระทั้งชาวอิสสราเอลก็ได้แจ้งให้เนหะย์ถึง10ครั้งว่าจะมีศัตรูมาทำร้าย
นหม. 4:12 เมื่อพวกยิวที่อยู่ใกล้เขาทั้งหลายมา ก็ได้บอกเราตั้งสิบครั้งว่า “พวกเขาจะลุกขึ้นมาต่อสู้เราจากทุกแห่งที่พวกเขาอยู่”
ที่ได้ยกตัวอย่างมานั้นล้วนมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์เดิม
ทีนี้มาดูในพระคริสต์ธรรมคัมภีร์ใหม่ที่เห็นได้ชัดเจนก็คือเรื่องอุปมาเรื่องหญิงสาวพรหมจารี10คน ที่รอคอยเจ้าบ่าวซึ่งในที่นี้หมายถึงองค์พระเยซูคริสต์ที่จะเสด็จกลับมารับเจ้าสาวคือผู้เชื่อที่สุกงอมเป็นผู้เชื่อในพระเจ้าที่ดำเนินชีวิตติดสนิทดำเนินไปกับพระวิญญาณบริสุทธิ์
มธ. 25:1 “เวลานั้น แผ่นดินสวรรค์จะเปรียบเหมือนหญิงพรหมจารีสิบคนถือตะเกียงของตน ออกไปรับเจ้าบ่าว
มธ. 25:2 เป็นคนโง่ห้าคน และเป็นคนมีปัญญาห้าคน
มธ. 25:3 คนโง่เหล่านั้นเอาตะเกียงของตนไปแต่ไม่ได้เอาน้ำมันไปด้วย
มธ. 25:4 คนที่มีปัญญานั้นเอาน้ำมันใส่ขวดไปกับตะเกียงของตนด้วย
มธ. 25:5 เมื่อเจ้าบ่าวมาช้า ก็พากันง่วงเหงาและหลับไป
มธ. 25:6 เมื่อถึงเวลาเที่ยงคืนก็มีเสียงร้องว่า ‘เจ้าบ่าวมาแล้ว จงออกมารับท่านเถิด’
มธ. 25:7 หญิงพรหมจารีทั้งหมดนั้นก็ลุกขึ้นตกแต่งตะเกียงของตน
มธ. 25:8 บรรดาคนโง่ก็พูดกับพวกที่มีปัญญาว่า ‘ขอแบ่งน้ำมันของพวกท่านบ้าง เพราะตะเกียงของเราจวนจะดับอยู่แล้ว’
มธ. 25:9 พวกที่มีปัญญาจึงตอบว่า ‘น่ากลัวน้ำมันจะไม่พอสำหรับเราและพวกท่าน จงไปหาคนขาย แล้วซื้อสำหรับตัวเองจะดีกว่า’
มธ. 25:10 ระหว่างที่เขาทั้งหลายออกไปซื้อ เจ้าบ่าวก็มาถึง พวกที่เตรียมพร้อมอยู่แล้วก็ไปกับท่านในงานสมรส แล้วประตูก็ปิด
มธ. 25:11 ภายหลังหญิงพรหมจารีอีกห้าคนก็มาร้องว่า ‘ท่านเจ้าคะ ขอเปิดให้เราด้วย’
มธ. 25:12 แต่ท่านตอบว่า ‘เราบอกความจริงกับท่านทั้งหลายว่า เราไม่รู้จักท่าน’
มธ. 25:13 เพราะฉะนั้น จงเฝ้าระวังอยู่ เพราะพวกท่านไม่รู้กำหนดวันหรือเวลานั้น
และการทนทุกข์ของคริสตจักรในสเมอร์นาอูมที่กล่าวไว้ในพระคัมภีร์เล่มสุดท้ายของพระคัมภีร์ใหม่
วว. 2:10 อย่ากลัวการทนทุกข์ที่เจ้าจะได้รับนั้น นี่แน่ะ มารจะขังพวกเจ้าบางคนไว้ในคุกเพื่อทดลองพวกเจ้า และเจ้าทั้งหลายจะได้รับความยากลำบากถึงสิบวัน แต่เจ้าจงซื่อสัตย์จวบจนวันตาย และเราจะมอบมงกุฎแห่งชีวิตให้แก่เจ้า
พี่น้องที่รักในพระคริสต์ทั้งหมดนี้คือหลักความจริงในพระคัมภีร์ที่จะต้องไปตรีความตามบริบทที่มาจากความคิดเห็นที่มาจากสมองแห่งเนื้อหนังของตัวเอง การแสวงหาพระคำหลักความจริงพึงระลึกเสมอว่าพี่น้องคือผู้ยากจนฝ่ายวิญญาณ ขอพระวิญญาณนั้นทรงพระราชทานความเข้าใจให้แก่พี่น้องในพระคริสต์ เอเมน

หนังสือพระเยซูเจ้าแห่งนาซาเร็ธ เล่ม3

หนังสือ พระเยซูเจ้าชาวแห่งนาซาเร็ธ เล่ม3
โยเซฟ รัตซิงเกอร์ สมเด็จสัตะปาปา เบเนดิก ที่16 เขียน
ราคา 200 บาท
ปกอ่อน
โทร 08 14500800
หนังสือเล่มเล็กๆๆเรื่องปฐมวัยของพระเยซูคริสต์เป็นเสมือนห้องรับแขกที่เป็นการเสวนากับนักวิชาการอธิบายพระคัมภีร์ทั้งในอดีตและปัจจุบัน เพื่ออธิบายว่ามัทธิวและลูกาต้องการจะบอกอะไรแก่เราที่เกี่ยวกับพระเยซูคริสต์ในช่วงปฐมวัยเมื่อเริ่มต้นในพระคัมภีร์

สู่หนทางของพระเจ้า

การเข้าสู่หนทางของพระเจ้า
อฟ. 2:13 แต่บัดนี้ในพระเยซูคริสต์ ท่านทั้งหลายซึ่งเมื่อก่อนอยู่ไกล ได้เข้ามาใกล้โดยพระโลหิตของพระคริสต์
ในเอเฟซัสบอกไว้ว่าการที่พี่น้องจะเข้าใกล้พระเจ้านั้นก็ด้วยพระโลหิตของพระคริสต์นั่นเอง
ไม่เพียงเท่านี้หนทางที่จะยืนหยัดอยู่กับพระเจ้าไปได้ตลอดนั้นก็คือพระโลหิตของพระเยซูคริสต์ด้วยเช่นกัน
ฮบ. 10:19 เพราะฉะนั้น พี่น้องทั้งหลาย เมื่อเรามีใจกล้าที่จะเข้าไปในสถานศักดิ์สิทธิ์โดยพระโลหิตของพระเยซู
ฮบ. 10:22 ก็ให้เราเข้าไปใกล้ด้วยใจจริง ด้วยความไว้ใจเต็มที่ มีใจที่ได้รับการประพรมให้พ้นจากมโนธรรมที่ไม่ดี และมีกายที่ล้างชำระด้วยน้ำสะอาด
พี่น้องที่รักจะเห็นได้ว่าการเริ่มต้นเข้าใกล้ชิดสนิทกับพระเจ้านั้น การที่พี้น้องได้สร้างความสัมพันธ์ใหม่กับพระเจ้านั้น ก็มาจากการอาศัยผ่านทางพระโลหิตขององค์พระเยซูคริสต์อยู่ตลอดเวลาอย่างต่อเนื่องไม่หยุดนั่นเอง
ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่ใช่ด้วยการอาศัยหนทางแห่งความรอดหนทางอย่าใดอย่างหนึ่งในการที่พี่น้องจะมาติดตามองค์พระเยซูคริสต์เจ้า พี่น้องอ่านแล้วอ่านคงบอกว่านี่เป็นคำสอนพื้นๆๆเบื้องต้นง่ายๆๆแน่นอนใช่แล้ว
แต่คำสอนเบื้องต้นๆง่ายๆๆแบบนี้แหล่ะที่พี่น้องทั้งหลายได้มองข้ามไปละเลยไปมองข้ามไป พี่น้องมักมีความคิดว่าตัวพี่น้องมีสติปัญญาที่ก้าวหน้าเฉียวฉลาดจนละทิ้งพระคำเบื้องต้นง่ายๆของพระเจ้าไปเลยทีเดียว
การละทิ้งคำสอนเบื้องต้นๆง่ายๆๆแบบนี้และใช้สติปัญญาของตัวเองความสามารถของตัวเองนั้นเป็นสิ่งที่พี่น้องไม่ควรกระทำอย่างยิ่งเลยทีเดียว
พี่น้องต้องจำไว้ว่าพระโลหิตของพระเยซูคริสต์เป็นสิ่งแรกที่นำพาพี่น้องกลับมาหาพระเจ้า และทุกๆๆครั้งพี่น้องจะอาศัยพระโลหิตของพระคริสต์ในการอยู่ต่อหน้าพระเจ้า
ด้วยเหตุนี้ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงวาระสุดท้ายนั้น พี่น้องจะต้องยืนหยัดด้วยการอาศัยรากฐานแห่งพระโลหิตอันประเสริฐของพระเยซคริสต์นี้เท่านั้น เอเมน

พระเจาพระราชทานใจใหม่แก่เรา

พระเจ้าทรงพระราชทานใจใหม่ให้แก่พี่น้องทั้งหลาย
ฮบ. 10:22 ก็ให้เราเข้าไปใกล้ด้วยใจจริง ด้วยความไว้ใจเต็มที่ มีใจที่ได้รับการประพรมให้พ้นจากมโนธรรมที่ไม่ดี และมีกายที่ล้างชำระด้วยน้ำสะอาด
เมื่อพระเจ้าได้พอพระทัยในพระโลหิตของพระเยซูคริสต์แล้ว คุณค่าของพระโลหิตนั่นย่อมมีต่อพี่น้องทั้งหลายในการชำระใจที่รู้สึกผิดชอบชั่วดีให้ขาวสะอาดแล้ว นี่คือสิ่งที่พี่น้องจะเห็นถึงคุณสมบัติของพระโลหิต.
ตรงนี้สำคัญมาก พี่น้องต้องอ่านฮีบรูให้ละเอียด พระะโลหิตของพระเยซูคริสต์ไม่ได้ชำระใจของพี่น้อง และในหนังสือฮีบรูไม่ได้บอกไว้อย่างนั้น
การนำเอาพระโลหิตประสานเข้ากับใจนั้นเป็นเรื่องที่เข้าใจผิดอย่างมาก
เนื่องจากพี่น้องมีความเข้าใจผิดในขอบเขตการงานของพระโลหิต จึงมักจะอธิษฐานกันว่า โอ้ข้าแต่พระเจ้า ขอพระองค์ได้ทรงชำระใจของข้าพเจ้าให้สะอาดด้วยพระโลหิตของพระองค์ด้วยเถิด
ยรม. 17:9 จิตใจก็เป็นตัวล่อลวงเหนือกว่าสิ่งใดทั้งหมด มันเสื่อมทรามอย่างร้ายทีเดียว ใครจะรู้จักใจนั้นเล่า?
ด้วยเหตุนี้จึงมีความจำเป็นที่พระเจ้าจะต้องทำการชำระการกระทำอีกอย่างหนึ่ง ที่เป็นรากฐานเหนือกว่าการชำระให้ขาวสะอาด สิ่งนั้นก็คือการที่พระเจ้าทรงพระราชทานใจใหม่แก่พี่น้องทั้งหลายนั่นเอ

วันอังคารที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

พระเจ้าทรงเป็นเอกทั้งในสวรรค์และแผ่นดินโลก

พระเจ้าทรงเป็นเอกในสิ่งสารพัดทั้งมวลทั้งสวรรค์และแผ่นดินโลก
1คร. 8:6 แต่ว่าสำหรับเรานั้นมีพระเจ้าองค์เดียวคือพระบิดา ทุกสิ่งเกิดมาจากพระองค์และเราอยู่เพื่อพระองค์ และมีพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าเพียงองค์เดียว ทุกสิ่งเกิดมาโดยพระองค์และเราก็เป็นมาโดยพระองค์
พระเจ้าทรงเป็นต้นกำเนิดของสิ่งต่างๆๆในโลกนี้รวมทั้งพี่น้องทั้งหลายด้วย เอเมน
รม. 11:34 “เพราะว่า ใครเล่ารู้พระทัยขององค์พระผู้เป็นเจ้า? หรือใครเป็นที่ปรึกษาของพระองค์? 
รม. 11:35 หรือใครได้ถวายสิ่งหนึ่งสิ่งใดแก่พระองค์ ที่พระองค์จะต้องตอบแทนเขา? ”
สดด. 33:6 โดยพระวจนะของพระยาห์เวห์ ฟ้าสวรรค์ก็ถูกสร้างขึ้นมา กับบริวารทั้งปวง ก็ด้วยลมพระโอษฐ์ของพระองค์
1คร. 11:12 เพราะว่าเช่นเดียวกับที่ผู้หญิงมาจากผู้ชาย ผู้ชายก็มาโดยผู้หญิงเช่นกัน แต่ทุกสิ่งก็มาจากพระเจ้า)
อฟ. 3:9 และทรงให้ทุกคนเห็นว่าอะไรคือแผนงานของความล้ำลึกที่พระเจ้าผู้ทรงสร้างทุกสิ่งทรงปิดบังไว้ตลอดหลายยุคที่ผ่านมา
ฮบ. 3:4 เพราะว่าบ้านทุกหลังต้องมีคนสร้าง แต่ผู้ที่สร้างสิ่งทั้งปวงคือพระเจ้า
ในข้อพระคัมภีร์ที่ยกมาจะเห็นได้ว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นพระผู้สร้างสิ่งทั้งปวงไม่ว่าสิ่งใดๆๆล้วนมาจากพระเจ้าทั้งสิ้น พระเจ้าสร้างฟ้าสวรรค์แผ่นดินสร้างมนุษย์ชายหญิง และทุกสิ่งนั้นเพื่อถวายพระเกียรตฺิ์แด่พระเจ้าพระผู้สร้าง เอเมน
1คร. 15:28 เมื่อทุกสิ่งอยู่ใต้อำนาจพระองค์แล้ว เมื่อนั้นพระบุตรพระองค์เองก็จะทรงอยู่ใต้อำนาจพระเจ้า ผู้ทรงให้ทุกสิ่งอยู่ใต้อำนาจพระองค์ เพื่อพระเจ้าจะทรงเป็นเอกในทุกสิ่ง
ขอบคุณพระเจ้าพระคัมภีร์ทั้งหมดที่ยกมาพี่น้องทั้งหลายจะเห็นได้ว่าสรรพสิ่งมาจากพระเจ้าทั้งสิ้น โดยพระองค์และเพื่อพระองค์ ไม่มีผู้ใดเป็นที่ปรึกษาของพระองค์
เพราะว่าพระเจ้าทรงเป็นเอกในสิ่งทรงสร้างสารพัดทั้งปวง เอเมน

คุณค่าพระโลหิตของพระคริสต์

คุณค่าของพระโลหิตของพระคริสต์
พี่น้องที่รักทั้งหลายเชื่อได้อย่างมั่นคงว่าวันนี้ความบาปทั้งหมดนั้นพระเยซูคริสต์ทรงได้ชำระความบาปหมดสิ้นไปจากพี่น้องแล้ว
พระโลหิตของพระเยซูคริสต์เจ้าได้ชำระความบาปไถ่บาปให้พี่น้องทั้งหลายแล้ว
และแน่นอนที่สุดที่พี่น้องได้ยอมนอบน้อมรับต่อพระโลหิตขององค์พระคริสต์
เพราะพระโลหิตของพระเยซูคริสต์เป็นสิ่งที่พระเจ้าทรงพอพระทัยอย่างยิ่ง
พระโลหิตของพระเยซูคริสมีทางเดียวที่จะประเมินได้ว่าพระเจ้าพอพระทัยมากน้อยแค่ไหนในคุณค่าของพระโลหิตนี้ นั่นก็คือการประเมินตามที่พระเจ้าทรงประเมินไม่มากหรือน้อยไปแม้แต่นิดเดียว ด้วยเหตุนี้พี่น้องไม่สามารถประเมินคุณค่าของพระโลหิตมากกว่าหรือน้อยกว่าที่พระเจ้าทรงประเมินไว้อย่างเด็ดขาด
พี่น้องที่รักทั้งหลายท่านควรจดจำไว้อย่างแม่นยำว่า พระเจ้าทรงความบริสุทธิ์และทรงความยุติธรรมที่สุด เหตุนี้ในสายตาของพระเจ้าแล้วพระเจ้าทรงรับและทรงพอพระทัยคุณค่าพระโลหิตของพระเยซูคริสต์อย่างครบถ้วนบริบูรณ์ที่สุด
ขอบคุณพระเจ้าที่พระโลหิตของพระเยซูคริสต์ได้ชำระข้าพระองค์ทั้งหลายให้เป็นอิสระจากบาปทั้งปวงข้าแต่พระคริสต์พระองค์ทรงไถ่ข้าด้วยเลืดของพระองค์เองนำคนบาปอย่างข้าพระองค์ที่ตกต่ำไปแล้วหันมาสู่พระองค์อีกครั้งหนึ่ง นี่คือพระคุณของพระเยซูคริสต์พระผู้ช่วยให้รอดอย่างแท้จริง สรรเสริญพระเจ้า เอเมน

ความชอบธรรมหมายถึงอะไร

ความชอบธรรมคืออะไร
ความชอบธรรมคือการมีชีวิตที่สอดคล้องกับสิ่งที่พระเจ้าทรงเรียกร้อง 
และการปฎิบัติตามกฎบัญญัติของพระองค์
การคำว่าความชอบธรรมในการบรรยายถึงพระลักษณะของพระเจ้าจะหมายถึงความซื่อสัตย์ของพระองค์ในการรักษาพระสัญญา
นหม. 9:7 พระองค์คือพระยาห์เวห์ พระเจ้าผู้ทรงเลือกอับราม และทรงนำท่านออกมาจากเมืองเออร์แห่งประเทศเคลเดีย และประทานนามท่านว่าอับราฮัม
นหม. 9:8 และพระองค์ทรงเห็นว่าใจของท่านซื่อสัตย์ต่อพระองค์ และพระองค์ได้ทรงกระทำพันธสัญญากับท่าน ที่จะประทานแผ่นดินของคนคานาอัน คนฮิตไทต์ คนอาโมไรต์ คนเปริสซี คนเยบุสและคนเกอร์กาชีแก่เชื้อสายของท่าน และพระองค์ทรงกระทำให้พันธสัญญาของพระองค์สำเร็จ เพราะพระองค์ทรงชอบธรรม
สดด. 89:14 ความชอบธรรมและความยุติธรรมเป็นรากฐานแห่งบัลลังก์ของพระองค์ ความรักมั่นคงและความซื่อสัตย์เดินนำหน้าพระองค์
สดด. 89:33 แต่จะไม่ถอนความรักมั่นคงของเราไปจากเขา และจะไม่ทรยศต่อความซื่อสัตย์ของเรา
สดด. 89:34 เราจะไม่ละเมิดพันธสัญญาของเรา หรือพลิกแพลงถ้อยคำที่ออกไปจากริมฝีปากของเรา
ความชอบธรรมเมื่อนำมาใช้ในการกล่าวถึงประชากรของพระเจ้านั้นมีความหมายถึงลักษณะการใช้ชีวิตที่พระเจ้าทรงยอมรับและมีการดำเนินชีวิตที่มีความสัมพันธ์ที่ถูกต้องกับพระเจ้า ในที่นี้หมายถึงการมีความเชื่อศรัทธาในองค์พระเยซูคริสต์และได้ดำเนินชีวิตตามพระคำของพระองค์ในพระคัมภีร์ตามหลักความจริงไม่ผิดเพี้ยนไปจากพระคัมภีร์
รม. 5:1 เพราะฉะนั้น เมื่อเราถูกชำระให้ชอบธรรมโดยความเชื่อแล้ว เราจึงอยู่อย่างสงบสุขเฉพาะพระพักตร์พระเจ้าทางพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา
รม. 6:18 เมื่อท่านทั้งหลายพ้นจากบาปแล้ว ท่านก็ได้เป็นทาสของความชอบธรรม
รม. 8:4 เพื่อสิ่งที่ธรรมบัญญัติสั่งไว้จะได้สำเร็จในตัวเราที่ไม่ดำเนินตามเนื้อหนัง แต่ตามพระวิญญาณ
ความชอบธรรมที่แท้จริงนั้นคือพี่น้องทั้งหลายต้องยอมเป็นทาสของพระเยซูคริสต์อย่างแท้จริงดำเนินชีวิตตามพระวิญญาณนำพาตลอดเวลาไม่ข้องแวะกับพิธีกรรมที่เนื้อหนังคิดขึ้นมาเป็นสิ่งที่ก่อให้เกิดเป็นรูปเคารพมาได้ในภายหลัง
วันนี้พี่น้องทั้งหลายท่านเป็นไทแล้วมีอิสระที่จะดำเนินชีวิตให้เป็นไปตามน้ำพระทัยของพระเจ้า ขอพระเจ้านำพาพี่น้องให้พบสันติสุขในพระคริสต์นิรันดร์ เอเมน.

วันจันทร์ที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

พระเจ้าตรีเอกภาพร่วมกันเป็นหนึ่ง

พระเจ้าตรีเอกภาพรวมเป็นหนึ่ง (การตรีเอกานุภาพ)
การตรีเอกภาพคือการที่ พระบิดา พระบุตร พระวิญญาณบริสุทธิ์
คือการที่สามพระภาครวมกันเป็นหนึ่งเป็นพระเจ้าองค์เดียวทั้งสามมีลักษณะศักดิ์ศรีความเป็นพระเจ้าเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ไม่ได้ถูกสร้างขึ้น แต่ดำรงอยู่ก่อนสรรพสิ่ง และทรงเป็นผู้ครอบครองสรรพสิ่ง
การตรีเอกภาพในพระคัมภีร์ใหม่
มก. 1:10 ทันทีที่พระองค์เสด็จขึ้นมาจากน้ำ ก็ทอดพระเนตรเห็นท้องฟ้าแหวกออก และพระวิญญาณดุจนกพิราบเสด็จลงมาประทับบนพระองค์
มก. 1:11 แล้วมีพระสุรเสียงมาจากฟ้าสวรรค์ว่า “ท่านเป็นบุตรที่รักของเรา เราชอบใจท่านมาก”
เมื่อพระเยซูคริสต์ทรงรับบัพติสมา พระเจ้าได้ทรงสำแดงการตรีเอกภาพออกมาให้ปรากฎเห็นได้อย่างชัดเจนว่าพร้อมกันทั้งสาม
ยน. 17:5 บัดนี้ข้าแต่พระบิดา ขอโปรดให้ข้าพระองค์ได้รับเกียรติต่อพระพักตร์ของพระองค์ คือเกียรติที่ข้าพระองค์มีร่วมกับพระองค์ก่อนที่โลกนี้มีมา
ยน. 17:21 เพื่อพวกเขาจะได้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ดังเช่นพระองค์ผู้เป็นพระบิดาสถิตในข้าพระองค์และข้าพระองค์ในพระองค์ เพื่อพวกเขาจะได้อยู่ในพระองค์และในข้าพระองค์ด้วย เพื่อโลกจะได้เชื่อว่าพระองค์ทรงใช้ข้าพระองค์มา
เมื่อครั้งที่พระเยซูคริสต์ถูกตริงที่ไม้กางเขนและได้อธิษฐานเผื่อสาวก พระคริสต์ได้ร่วมเป็นหนึ่งเดียวกับพระบิดา
ยน. 14:17 คือพระวิญญาณแห่งความจริงซึ่งโลกรับไว้ไม่ได้ เพราะมองไม่เห็นและไม่รู้จักพระองค์ พวกท่านรู้จักพระองค์เพราะพระองค์สถิตอยู่กับท่าน และจะประทับอยู่ท่ามกลางท่าน
เป็นสิ่งที่พระเยซูคริสต์ได้กล่าวถึงองค์พระผู้ช่วยคือพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่จะเสด็จมาสถิตอยู่ภายในวิญญาณของพี่น้องทั้งหลายที่เชื่อและรับบัพติสมาในพระเยซูคริสต์
ยน. 16:12 “เรายังมีอีกหลายสิ่งที่จะบอกกับพวกท่าน แต่ตอนนี้ท่านยังรับไม่ไหว
ยน. 16:13 เมื่อพระวิญญาณแห่งความจริงเสด็จมาแล้ว พระองค์จะนำพวกท่านไปสู่ความจริงทั้งมวล เพราะพระองค์จะไม่ตรัสโดยพลการ แต่พระองค์จะตรัสสิ่งที่พระองค์ทรงได้ยิน และพระองค์จะทรงแจ้งแก่พวกท่านถึงสิ่งต่างๆ ที่จะเกิดขึ้น
ยน. 16:14 พระองค์จะทรงให้เราได้รับเกียรติ เพราะว่าพระองค์จะทรงเอาสิ่งที่เป็นของเรามาแจ้งแก่พวกท่าน
ยน. 16:15 ทุกสิ่งที่พระบิดาทรงมีนั้นเป็นของเรา เพราะเหตุนี้ เราจึงกล่าวว่า พระวิญญาณทรงเอาสิ่งที่เป็นของเรานั้นมาแจ้งแก่พวกท่าน
พระเยซูคริสต์ได้ทรงกล่าวว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นพระวิญญาณแห่งความจริง นำพาพี่น้องทั้งหลายไปสู่หนทางแห่งความจริงนิรันดร์
รม. 8:9 ถ้าพระวิญญาณของพระเจ้าสถิตอยู่ในพวกท่านแล้ว ท่านก็ไม่อยู่ในเนื้อหนัง แต่อยู่ในพระวิญญาณ ใครไม่มีพระวิญญาณของพระคริสต์ คนนั้นก็ไม่เป็นของพระองค์
ในพระธรรมโรมเปาโลได้บอกถึงการเป็นคริสเตียนที่แท้จริงว่าต้องมีพระวิญญาณของพระเจ้า ของพระคริสต์ ของพระวิญญาณบริสุทธิ์ ตรงนี้ปัจจุบันมีพวกสอนผิดมากมายมักอ้างว่าต้องมารับพระวิญญาณบริสุทธิ์ด้วยการวางมือบ่อยๆๆเติมพระวิญญาณบ่อยๆๆในพระคัมภีร์ไม่มีว่าพี่น้องต้องมารับการถ่ายเทพระวิญญาณบริสุทธิ์บ่อยๆๆด้วยการวางมือ เมื่อพี่น้องรับบัพติสมาเข้าร่วมสนิทในพระคริสต์แล้วพี่น้องทั้งวันนี้ท่านได้ร่วมผสมผสานเป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้าตรีเอกภาพแล้วมีพระบิดาพระบุตรพระวิญญาณบริสุทธิ์อยู่ภายในวิญญาณของพี่น้องแล้ว
มธ. 28:18 พระเยซูจึงเสด็จเข้ามาใกล้แล้วตรัสกับพวกเขาว่า “สิทธิอำนาจทั้งหมดในสวรรค์ก็ดี ในแผ่นดินโลกก็ดีทรงมอบไว้แก่เราแล้ว
มธ. 28:19 เพราะฉะนั้น ท่านทั้งหลายจงออกไปและนำชนทุกชาติมาเป็นสาวกของเรา จงบัพติศมาพวกเขาในพระนามของพระบิดา พระบุตร และพระวิญญาณบริสุทธิ์
มธ. 28:20 และสอนพวกเขาให้ถือรักษาสิ่งสารพัดที่เราสั่งพวกท่านไว้ และนี่แน่ะ เราจะอยู่กับท่านทั้งหลายเสมอไป จนกว่าจะสิ้นยุค”
พระเยซูคริสต์ได้กล่าวในพระกิตติคุณมัทธิวชัดเจนว่าทุกคนที่เชื่อจะรับบัพติสมาในนามพระบิดา พระบุตร พระวิญญาณบริสุทธิ์ ขาดสิ่งหนึ่งสิ่งใดไปไม่ได้เลย ลัทธิสอนผิดเกิดมามายมายบางลัทธิสอนแค่พระบิดาพอเช่นกลุ่มพยานพระยะโฮวา บางกลุ่มก็เอาแค่พระบุตร บางกลุ่มก็รับแต่พระวิญญาณ ที่เพี้ยนหนักสอนว่าเราต้องรับพระมารดาด้วยในเมื่อมีพระบิดา
สิ่งที่สอนเพี้ยนนอกเหนือพระคัมภีร์เหล่านี้พี่น้องต้องหลีกเลี่ยงอย่าไปข้องแวะเด็ดขาดเพื่อพ้นทางแห่งบึงไฟนรก
2คร. 13:13 ขอให้พระคุณของพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้า ความรักของพระเจ้า และการมีส่วนกันที่มาจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ จงดำรงอยู่กับท่านทั้งหลายทุกคนเถิด
เปาโลได้อวยพรให้พี่น้องในพระเยซูคริสต์ทุกท่านได้ดำเนินชีวิตอยู่ในพระเจ้าตรีเอกภาพทุกวันและตลอดไปจนกว่าจะถูกพระเจ้ารับไปต้องยึดมั่นในหลักความจริงความเที่ยงแท้ของพระเจ้าเท่านั้น เอเมน

วันอาทิตย์ที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

ซาตานคือใครมาจากไหน

ซาตานคือใครมาจากไหน
ซาตาน แปลได้ว่า ปรปักษ์ เป็นหัวหน้าของวิญญาณชั่ว 
แต่เดิมนั้นซาตานเป็นเทพบุตรหรือฑูตสวรรค์ที่พระเจ้าทรงสร้างขึ้นมา 
ต่อมาได้ก่อการเป็นกบฎต่อพระเจ้า และถูกขับไล่ออกจากสววรค์
ตั้งแต่นั้นมาซาตานก็พยายามทำทุกวิธีที่จะให้คนหลงไปจากทางของพระเจ้า
โยบ 1:6 อยู่มาวันหนึ่ง เมื่อเหล่าทูตสวรรค์มารายงานตัวต่อพระยาห์เวห์ ซาตานได้มาในหมู่เขาด้วย
อสย. 14:12 “โอ เจ้าร่วงลงจากฟ้าสวรรค์อย่างไรหนอ เจ้าผู้ส่องแสง คือโอรสแห่งรุ่งอรุณ เจ้าถูกเหวี่ยงลงมายังพื้นดินอย่างไรหนอ เจ้าผู้ทำให้ประชาชาติทั้งหลายตกต่ำ
ซาตานมีนิสัยชอบกล่าวโทษ
โยบ 16:6 “ถ้าข้าพูด ความเจ็บปวดของข้าก็ไม่บรรเทา แต่ถ้าข้านิ่ง มันจะไปจากข้าสักเท่าใด?
โยบ 16:7 แต่นี่แหละ เดี๋ยวนี้พระเจ้าทรงให้ข้าเหนื่อยยาก พระองค์ทรงทำลายครัวเรือนทั้งสิ้นของข้าพระองค์
โยบ 16:8 และพระองค์ทรงให้ข้าพระองค์หดหู่ลง ซึ่งสภาพนี้เป็นพยานปรักปรำข้าพระองค์ และความผ่ายผอมของข้าพระองค์ลุกขึ้นปรักปรำข้าพระองค์ มันเป็นพยานใส่หน้าข้าพระองค์
โยบ 16:9 พระองค์ทรงฉีกข้าด้วยพระพิโรธและเกลียดชังข้า พระองค์ทรงขบเขี้ยวเคี้ยวฟันใส่ข้า ปรปักษ์ของข้าถลึงตาใส่ข้า
โยบ 16:10 พวกเขาอ้าปากใส่ข้า เขาตบแก้มประจานข้า เขาสุมหัวกันเล่นงานข้า
โยบ 16:11 พระเจ้าทรงมอบข้าให้แก่คนชั่ว และทรงเหวี่ยงข้าไว้ในมือของคนอธรรม
ซาตานชอบโกหก หลอกลวง ฆ่า ทำลาย
ยน. 8:44 พวกท่านมาจากพ่อของท่านคือมาร และท่านอยากจะทำตามความปรารถนาของพ่อ มันเป็นฆาตกรตั้งแต่เริ่มแรกและไม่ได้ตั้งอยู่ในสัจจะ เพราะมันไม่มีสัจจะ เมื่อมันพูดเท็จมันก็พูดตามสันดานของมันเอง เพราะมันเป็นผู้มุสา และเป็นพ่อของการมุสา
และซาตานยังเป็นที่รู้จักกันเรียกในชื่อต่างดังนี้เช่น
ผู้ทดลอง
มธ. 4:3 ส่วนผู้ทดลองมาหาพระองค์ทูลว่า “ถ้าท่านเป็นพระบุตรของพระเจ้า จงสั่งก้อนหินเหล่านี้ให้กลายเป็นขนมปัง”
มารร้าย
มธ. 13:19 เมื่อใครได้ยินคำบอกเล่าเรื่องแผ่นดินของพระเจ้าแต่ไม่เข้าใจ มารร้ายก็มาฉวยเอาสิ่งที่หว่านในใจเขานั้นไปเสีย นั่นแหละได้แก่เมล็ดพืชซึ่งหว่านตกริมหนทาง
เบลีอัล หรือเบเอลเซบูล
มธ. 12:24 แต่เมื่อพวกฟาริสีได้ยินดังนั้นก็พูดกันว่า “คนนี้ขับผีออกได้ก็เพราะใช้อำนาจเบเอลเซบูลผู้เป็นนายผีนั้น”
ผู้ครอบครองที่มีอำนาจฟ้าอากาศ
อฟ. 2:2 เมื่อก่อนพวกท่านเคยดำเนินชีวิตในการบาปนั้นตามวิถีของโลกนี้ ตามผู้ครอบครองที่มีอำนาจในฟ้าอากาศ คือวิญญาณที่ทำกิจอยู่ในพวกคนที่ไม่เชื่อฟังในเวลานี้
พระของยุคนี้
2คร. 4:4 คือในกรณีของพวกเขา พระของยุคนี้ได้ทำให้ความคิดของคนที่ไม่เชื่อมืดมนไป เพื่อไม่ให้เห็นความสว่างของข่าวประเสริฐ คือเรื่องพระสิริของพระคริสต์ผู้ทรงเป็นพระฉายาของพระเจ้า
ผู้ครองโลก
ยน. 14:30 เราจะไม่สนทนากับพวกท่านนานอย่างนี้อีก เพราะว่าผู้ครองโลกกำลังจะมา ผู้นั้นไม่มีสิทธิอำนาจอะไรเหนือเรา
ผู้ทดลอง
1ธส. 3:5 เพราะเหตุนี้ เมื่อข้าพเจ้าทนต่อไปอีกไม่ได้ จึงใช้คนไปเพื่อจะได้ทราบถึงความเชื่อของท่าน เกรงว่าผู้ทดลองนั้นจะทดลองท่านสักประการหนึ่ง แล้วงานที่เราตรากตรำมาจะเป็นงานเปล่าประโยชน์ไป
พ่อของการมุสา
ยน. 8:44 พวกท่านมาจากพ่อของท่านคือมาร และท่านอยากจะทำตามความปรารถนาของพ่อ มันเป็นฆาตกรตั้งแต่เริ่มแรกและไม่ได้ตั้งอยู่ในสัจจะ เพราะมันไม่มีสัจจะ เมื่อมันพูดเท็จมันก็พูดตามสันดานของมันเอง เพราะมันเป็นผู้มุสา และเป็นพ่อของการมุสา
พญานาคหรืองูดึกดำบรรพ์
วว. 12:9 พญานาคใหญ่ตัวนั้นคืองูดึกดำบรรพ์ ที่เขาเรียกกันว่ามารและซาตานผู้ล่อลวงมนุษย์ทั้งโลก มันถูกโยนลงมาที่แผ่นดินโลก และเหล่าบริวารของมันถูกโยนลงมากับมันด้วย
ผู้กล่าวโทษ
วว. 12:10 และข้าพเจ้าได้ยินเสียงดังในสวรรค์กล่าวว่า “บัดนี้ความรอดและฤทธิ์เดช และอาณาจักรของพระเจ้าของเรา และสิทธิอำนาจของพระคริสต์ของพระองค์มาถึงแล้ว เพราะว่าผู้กล่าวหาพี่น้องของเรา ถูกโยนลงไปแล้ว คือผู้ที่กล่าวหาพวกเขาเฉพาะพระพักตร์พระเจ้าของเราทั้งกลางวันและกลางคืนนั้น
แต่ในที่สุดพระเยซูคริสต์ได้ทรงชนะมารซาตานที่ไม้กางเขนแล้ว
คส. 2:15 พระองค์ทรงปลดพวกภูตผีที่ครอบครองและพวกภูตผีที่มีอำนาจ พระองค์ทรงประจานพวกมันอย่างเปิดเผย และมีชัยชนะเหนือพวกมันโดยทางกางเขนนั้น
ฮบ. 2:14 บุตรทั้งหลายมีเลือดและเนื้อเช่นกันอย่างไร พระองค์ก็ทรงมีส่วนเช่นนั้นด้วยอย่างนั้น เพื่อโดยทางความตายนั้น พระองค์จะทรงทำลายมารผู้มีอำนาจแห่งความตาย
พระเยซูคริสต์บุตรของพระเจ้าอาดัมคนสุดท้ายพระองค์นี้ได้นำพามนุษย์กลับมาคืนดีกลับพระเจ้าองค์เที่ยงแท้อีกครั้งหนึ่งนี่ช่างเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่งสำหรับพี่น้องทั้งหลาย
และพระคริสตธรรมคัมภีร์ใหม่ได้บอกไว้ว่าในที่สุดมารซาตนจะถูกกักขังไว้หนึ่งพันปี หลังจากหมดพันปีไปแล้วมันจะถูกปล่อยออกมาอีกชั่วระยะเวลาหนึ่ง
วว. 20:1 แล้วข้าพเจ้าเห็นทูตสวรรค์องค์หนึ่งลงมาจากสวรรค์ ท่านถือลูกกุญแจของบาดาลลึก และถือโซ่เส้นใหญ่ในมือของท่าน
วว. 20:2 และท่านจับพญานาคที่เป็นงูดึกดำบรรพ์ผู้ซึ่งเป็นมารและซาตาน แล้วมัดมันไว้หนึ่งพันปี
วว. 20:3 แล้วโยนมันลงไปในบาดาลลึกนั้น ใส่กุญแจและประทับตราไว้ เพื่อไม่ให้มันล่อลวงประชาชาติต่างๆ ได้อีกต่อไป จนครบหนึ่งพันปี หลังจากนั้นจะต้องปล่อยมันออกมาชั่วระยะเวลาหนึ่ง
หลังจากนั้นมารซาตานจะทำสงครามสู้รบครั้งใหญ่กับธรรมิกชน และสุดท้ายมันก็พ่ายแพ้ไปในที่สุดซาตานก็จะถูกจับโยนลงไปในบึงไฟนรกชั่วนิรันดร์กาล
วว. 20:7 เมื่อครบหนึ่งพันปีแล้ว ซาตานจะถูกปล่อยออกจากคุกที่ขังมัน
วว. 20:8 และมันจะออกไปล่อลวงประชาชาติต่างๆ ทั้งสี่ทิศของแผ่นดินโลก คือโกกและมาโกก ให้มาชุมนุมกันเพื่อเข้าสู่สงคราม จำนวนของเขาทั้งหลายเหมือนอย่างเม็ดทรายที่ทะเล
วว. 20:9 และพวกเขายกขบวนออกไปทั่วแผ่นดินโลก และล้อมกองทัพของพวกธรรมิกชน และนครอันเป็นที่รักนั้นไว้ แต่ไฟลงมาจากสวรรค์เผาผลาญคนเหล่านั้น
วว. 20:10 ส่วนมารที่ล่อลวงเขาทั้งหลายก็ถูกโยนลงไปในบึงไฟและกำมะถัน ที่ซึ่งสัตว์ร้ายและผู้เผยพระวจนะเท็จอยู่นั้น และพวกมันจะถูกทรมานทั้งกลางวันและกลางคืนตลอดไปเป็นนิตย์
ขอบคุณพระเจ้าที่วันนี้พี่น้องทั้งหลายเป็นผู้ที่พระเจ้าทรงเลือกให้มีส่วนในอาณาจักรของพระเจ้าชั่วนิรันดร์แล้ว ขอให้พี่น้องดำเนินชีวิตเติมเต็มไปด้วยชีวิตฝ่ายวิญญาณตลอดไป สรรเสริญพระเจ้า เอเมน.

เกะเอ็นนา หมายถึงนรก

นรก หมายถึง เกะเอ็นนา
คำว่านรกมาจากภาษากรีกเรียกว่าเกะเอ็นน่า 
เป็นคำที่ทับศัพท์มาจากภาษาฮีบรูเกฮินโนมซึ่งเป็นชื่อหุบเขาที่ตั้งอยู่ทางด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ของกรุงเยรูซาเล็ม
ในพระคริสตธรรมคัมภีร์เยเรมีย์ได้เปิดเผยไว้ว่าเกะเอ็นนาจะเป็นสถานที่พิพากษาพวกยูดาห์
ยรม. 7:31 และได้สร้างปูชนียสถานสูงของโทเฟท ซึ่งอยู่ในหุบเขาเบนฮินโนม เพื่อเผาบุตรชายและบุตรสาวของพวกเขาเสียด้วยไฟ ซึ่งเราไม่ได้บัญชา และไม่เคยมีขึ้นในใจของเรา
ยรม. 19:6 ฉะนั้น พระยาห์เวห์ตรัสว่า นี่แน่ะ วันเวลาจะมาถึง เมื่อสถานที่นี้จะไม่มีใครเรียกชื่อว่าโทเฟท หรือหุบเขาเบนฮินโนมอีก แต่จะเรียกว่า หุบเขาแห่งการฆ่า
ในสมัยพระคัมภีร์ใหม่ชื่อหุบเขานี้ได้ถูกนำมาเปรียบเทียบว่าเป็นสถานที่ใช้ในการลงโทษคนที่ทำความชั่วในยุคสุดท้าย
มธ. 10:28 อย่ากลัวผู้ที่ฆ่าได้แต่กาย แต่ไม่สามารถฆ่าวิญญาณ แต่จงกลัวพระองค์ผู้ทรงสามารถทำลายทั้งวิญญาณและกายในนรกได้
มก. 9:43 ถ้ามือของท่านทำให้ท่านหลงผิด จงตัดทิ้งเสีย การที่จะเข้าสู่ชีวิตด้วยมือด้วน ยังดีกว่ามีทั้งสองมือแต่ต้องลงไปสู่นรกในไฟที่ไม่มีวันดับ