วันศุกร์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2558

เติมน้ำมันฝ่ายวิญญาณให้เต็มอยู่เสมอ มัทธิว25ข้อ1-13





มธ. 25:1 “เวลา​นั้น แผ่น​ดิน​สวรรค์​จะ​เปรียบ​เหมือน​หญิง​พรหม​จารี​สิบ​คน​ถือ​ตะเกียง​ของ​ตน ออก​ไป​รับ​เจ้า​บ่าว

มธ. 25:2 เป็น​คน​โง่​ห้า​คน และ​เป็น​คน​มี​ปัญ​ญา​ห้า​คน

มธ. 25:3 คน​โง่​เหล่า​นั้น​เอา​ตะเกียง​ของ​ตน​ไป​แต่​ไม่​ได้​เอา​น้ำ​มัน​ไป​ด้วย

มธ. 25:4 คน​ที่​มี​ปัญ​ญา​นั้น​เอา​น้ำ​มัน​ใส่​ขวด​ไป​กับ​ตะเกียง​ของ​ตน​ด้วย

มธ. 25:5 เมื่อ​เจ้าบ่าว​มา​ช้า ก็​พา​กัน​ง่วง​เหงา​และ​หลับ​ไป

มธ. 25:6 เมื่อ​ถึง​เวลา​เที่ยง​คืน​ก็​มี​เสียง​ร้อง​ว่า ‘เจ้า​บ่าว​มา​แล้ว จง​ออก​มา​รับ​ท่าน​เถิด’

มธ. 25:7 หญิง​พรหม​จารี​ทั้ง​หมด​นั้น​ก็​ลุก​ขึ้น​ตก​แต่ง​ตะเกียง​ของ​ตน

มธ. 25:8 บรร​ดา​คน​โง่​ก็​พูด​กับ​พวก​ที่​มี​ปัญ​ญา​ว่า ‘ขอ​แบ่ง​น้ำ​มัน​ของ​พวก​ท่าน​บ้าง เพราะ​ตะเกียง​ของ​เรา​จวน​จะ​ดับ​อยู่​แล้ว’

มธ. 25:9 พวก​ที่​มี​ปัญ​ญา​จึง​ตอบ​ว่า ‘น่า​กลัว​น้ำ​มัน​จะ​ไม่​พอ​สำ​หรับ​เรา​และ​พวก​ท่าน จง​ไป​หา​คน​ขาย แล้ว​ซื้อ​สำ​หรับ​ตัว​เอง​จะ​ดี​กว่า’

มธ. 25:10 ระหว่าง​ที่​เขา​ทั้ง​หลาย​ออก​ไป​ซื้อ เจ้า​บ่าว​ก็​มา​ถึง พวก​ที่​เตรียม​พร้อม​อยู่​แล้ว​ก็​ไป​กับ​ท่าน​ใน​งาน​สมรส แล้ว​ประตู​ก็​ปิด

มธ. 25:11 ภาย​หลัง​หญิง​พรหม​จารี​อีก​ห้า​คน​ก็​มา​ร้อง​ว่า ‘ท่าน​เจ้าคะ ขอ​เปิด​ให้​เรา​ด้วย’

มธ. 25:12 แต่​ท่าน​ตอบ​ว่า ‘เรา​บอก​ความ​จริง​กับ​ท่าน​ทั้ง​หลาย​ว่า เรา​ไม่​รู้จัก​ท่าน’

มธ. 25:13 เพราะ​ฉะนั้น จง​เฝ้า​ระวัง​อยู่ เพราะ​พวก​ท่าน​ไม่​รู้​กำ​หนด​วัน​หรือ​เวลา​นั้น


วันพุธที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2558

ผู้รับใช้พระเจ้าที่ซื่อสัตย์ต่อพระเจ้า มัธธิว24ข้อ45-51





มธ. 24:45 “ใคร​เป็น​บ่าว​ที่​ซื่อ​สัตย์​และ​ฉลาด ที่​นาย​ตั้ง​ไว้​เหนือ​บ่าว​อื่นๆ เพื่อ​แจก​อาหาร​ตาม​เวลา

มธ. 24:46 เมื่อ​นาย​มาพบ​เขา​ทำ​อย่าง​นั้น บ่าว​คน​นั้น​ก็​เป็น​สุข

มธ. 24:47 เรา​บอก​ความ​จริง​กับ​ท่าน​ทั้ง​หลาย​ว่า นาย​จะ​ตั้ง​เขา​ไว้​ให้​ดู​แล​ทรัพย์​สิ่ง​ของ​ทั้ง​หมด​ของ​ท่าน

มธ. 24:48 แต่​ถ้า​บ่าว​ชั่ว​นั้น​คิด​ใน​ใจ​ของ​เขา​ว่า ‘นาย​ของ​ข้า​มา​ช้า’

มธ. 24:49 และ​เริ่ม​ต้น​โบย​ตี​เพื่อน​บ่าว​และ​กิน​ดื่ม​อยู่​กับ​พวก​ขี้เมา

มธ. 24:50 นาย​ของ​บ่าว​คน​นั้น จะ​มา​ใน​วัน​ที่​เขา​ไม่​คิด ใน​ชั่ว​โมง​ที่​ไม่​รู้

มธ. 24:51 และ​จะ​ลง​โทษ​เขา​อย่าง​หนัก และ​จะ​ขับ​ไล่​ให้​ไป​อยู่​ใน​ที่​ของ​พวก​คน​หน้า​ซื่อ​ใจ​คด ซึ่ง​ที่​นั่น​จะ​มี​แต่​การ​ร้องไห้​ขบ​เขี้ยว​เคี้ยว​ฟัน


จิตใจของคนในยุคสุดท้ายก่อนวันสิ้นโลก 2ทิโมธี3ข้อ1-10





2ทธ. 3:1 แต่​จง​เข้าใจ​ข้อ​นี้​คือ วาระ​สุด​ท้าย​นั้น​จะ​เป็น​เวลา​ที่​น่า​กลัว

2ทธ. 3:2 เพราะ​ผู้​คน​จะ​เห็น​แก่​ตัว รัก​เงิน​ทอง โอ้​อวด หยิ่ง​ยโส ชอบ​ดูหมิ่น ไม่​เชื่อ​ฟัง​พ่อ​แม่ อกตัญ​ญู ชั่วร้าย

2ทธ. 3:3 ไร้​มนุษย​ธรรม ไม่​ให้​อภัย​กัน ใส่​ร้าย​กัน ไม่​ยับยั้ง​ชั่งใจ ดุร้าย เกลียด​ชัง​ความ​ดี

2ทธ. 3:4 ทรยศ มุ​ทะลุ โอหัง รัก​ความ​สนุก​มาก​กว่า​รัก​พระเจ้า

2ทธ. 3:5 ยึด​ถือ​ทาง​พระ​เจ้า​แต่​เพียง​เปลือก​นอก แต่​ปฏิ​เสธ​ฤทธิ์​เดช​ของ​ทาง​นั้น จง​อย่า​เกี่ยว​ข้อง​กับ​คน​พวก​นั้น

2ทธ. 3:6 เพราะ​ใน​พวก​นั้น​มี​บาง​คน​ที่​แอบ​ไป​ตาม​บ้าน แล้ว​ครอบงำ​บรรดา​ผู้​หญิง​เบา​ปัญ​ญา​ที่​หนา​ด้วย​บาป​และ​หลงใหล​ไป​ตาม​ตัณ​หา​ต่างๆ

2ทธ. 3:7 หญิง​พวก​นี้​ร่ำ​เรียน​อยู่​เสมอ แต่​ไม่​สา​มารถ​เข้าใจ​หลัก​ความ​จริง​ได้​เลย

2ทธ. 3:8 ยัน​เนส​กับ​ยัม​เบรส์​เคย​ต่อต้าน​โม​เสส​อย่าง​ไร คน​พวก​นี้​ก็​ต่อต้าน​ความ​จริง​อย่าง​นั้น จิต​ใจ​ของ​เขา​เสื่อม​ทราม​และ​ปราศ​จาก​ความ​เชื่อ​ที่​แท้​จริง

2ทธ. 3:9 แต่​เขา​จะ​ไป​ได้​ไม่​ไกล เพราะ​ความ​โง่​ของ​พวก​เขา​จะ​ปรา​กฏ​ต่อ​ทุก​คน​เช่น​เดียว​กับ​ความ​โง่​ของ​ชาย​สอง​คน​นั้น

2ทธ. 3:10 แต่​ท่าน​ก็​ได้​ดำ​เนิน​ตาม​สิ่ง​ต่างๆ เหล่า​นี้​ของ​ข้าพเจ้า​อยู่​แล้ว คือ​ดำ​เนิน​ตาม​พฤติ​กรรม เป้า​หมาย​ชีวิต ความ​เชื่อ ความ​อดทน ความ​รัก ความ​ทร​หด​อด​ทน


วันอังคารที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2558

วอท์ชแมน นี10 จดหมายฉับบสุดท้ายถึงพี่น้องทุกท่าน

วิวรณ์รหัสแห่งข่าวดี 2

ติดสนิทกับพระเจ้า





กท. 2:20 ข้าพ​เจ้า​เอง​ไม่​มี​ชีวิต​อยู่​ต่อ​ไป แต่​พระ​คริสต์​ต่าง​หาก​ที่​ทรง​มี​ชีวิต​อยู่​ใน​ข้าพ​เจ้า ชีวิต​ซึ่ง​ข้าพ​เจ้า​ดำ​เนิน​อยู่​ใน​ร่าง​กาย​ขณะ​นี้ ข้าพ​เจ้า​ดำ​เนิน​อยู่​โดย​ความ​เชื่อ​ใน​พระ​บุตร​ของ​พระ​เจ้า​ผู้​ได้​ทรง​รัก​ข้าพ​เจ้า และ​ได้​ทรง​สละ​พระ​องค์​เอง​เพื่อ​ข้าพ​เจ้า


กิตติคุณนิรันดร์ 2





วว. 14:6 แล้ว​ข้าพ​เจ้า​เห็น​ทูต​สวรรค์​อีก​องค์​หนึ่ง​เหาะ​ไป​ใน​ท้อง​ฟ้า เพื่อ​ประ​กาศ​ข่าว​ประ​เสริฐ​นิรันดร์​แก่​คน​ทั้ง​หลาย​ที่​อยู่​บน​แผ่น​ดิน​โลก แก่​ทุก​ประ​ชา​ชาติ ทุก​เผ่า ทุก​ภาษา และ​ทุก​ชน​ชาติ

วว. 14:7 ท่าน​ประ​กาศ​เสียง​ดัง​ว่า “จง​เกรง​กลัว​พระ​เจ้า และ​ถวาย​พระ​เกียรติ​แด่​พระ​องค์ เพราะ​ถึง​เวลา​ที่​พระ​องค์​จะ​ทรง​พิพาก​ษา​แล้ว จง​นมัส​การ​พระ​องค์​ผู้​ทรง​สร้าง​ฟ้า​สวรรค์ แผ่น​ดิน​โลก ทะเล และ​บ่อ​น้ำพุ​ทั้ง​หลาย”


กิตติคุณนิรันดร์ 1





วว. 14:6 แล้ว​ข้าพ​เจ้า​เห็น​ทูต​สวรรค์​อีก​องค์​หนึ่ง​เหาะ​ไป​ใน​ท้อง​ฟ้า เพื่อ​ประ​กาศ​ข่าว​ประ​เสริฐ​นิรันดร์​แก่​คน​ทั้ง​หลาย​ที่​อยู่​บน​แผ่น​ดิน​โลก แก่​ทุก​ประ​ชา​ชาติ ทุก​เผ่า ทุก​ภาษา และ​ทุก​ชน​ชาติ

วว. 14:7 ท่าน​ประ​กาศ​เสียง​ดัง​ว่า “จง​เกรง​กลัว​พระ​เจ้า และ​ถวาย​พระ​เกียรติ​แด่​พระ​องค์ เพราะ​ถึง​เวลา​ที่​พระ​องค์​จะ​ทรง​พิพาก​ษา​แล้ว จง​นมัส​การ​พระ​องค์​ผู้​ทรง​สร้าง​ฟ้า​สวรรค์ แผ่น​ดิน​โลก ทะเล และ​บ่อ​น้ำพุ​ทั้ง​หลาย”


วันจันทร์ที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2558

ดินแดนแห่งพระคุณของพระเยซูคริสต์





รม. 5:15 แต่​ของ​ประ​ทาน​แห่ง​พระ​คุณ​ก็​ไม่​เหมือน​การ​ละ​เมิด​นั้น เพราะ​ว่า​ถ้า​คน​จำ​นวน​มาก​ต้อง​ตาย​เพราะ​การ​ละ​เมิด​ของ​คนๆ เดียว มาก​ยิ่ง​กว่า​นั้น พระ​คุณ​ของ​พระ​เจ้า​และ​ของ​ประ​ทาน​โดย​พระ​คุณ​ของ​พระ​องค์​ผู้​เดียว​นั้น คือ​พระ​เยซู​คริสต์ ก็​มี​บริ​บูรณ์​แก่​คน​จำ​นวน​มาก

รม. 5:16 และ​ของ​ประ​ทาน​นั้น​ก็​ไม่​เหมือน​กับ​ผล​ซึ่ง​เกิด​จาก​บาป​ของ​คน​เดียว​นั้น เพราะ​ว่า​การ​พิ​พาก​ษา​ที่​เกิด​ขึ้น​เนื่อง​จาก​การ​ละเมิด​เพียง​ครั้ง​เดียว​นั้น ได้​นำ​ไป​สู่​การ​ลง​โทษ แต่​ของ​ประ​ทาน​จาก​พระ​เจ้า​ภาย​หลัง​การ​ละเมิด​หลาย​ครั้ง​นั้น นำ​ไป​สู่​ความ​ชอบ​ธรรม

รม. 5:17 เพราะ​ว่า​ถ้า​โดย​การ​ละ​เมิด​ของ​คน​เดียว เป็น​เหตุ​ให้​ความ​ตาย​ครอบ​งำ​อยู่​โดย​คน​เดียว​นั้น มาก​ยิ่ง​กว่า​นั้น​คน​ทั้ง​หลาย​ที่​รับ​พระ​กรุ​ณา​อัน​ไพ​บูลย์ และ​รับ​ของ​ประ​ทาน​คือ​ความ​ชอบ​ธรรม​ก็​จะ​ดำ​รง​ชีวิต และ​ครอบ​ครอง​โดย​พระ​องค์​ผู้​เดียว คือ​พระ​เยซู​คริสต์

รม. 5:18 ฉะนั้น​การ​ลง​โทษ​ได้​มา​ถึง​ทุก​คน​เพราะ​การ​ละเมิด​ครั้ง​เดียว​อย่าง​ไร การ​กระ​ทำ​อัน​ชอบ​ธรรม​ครั้ง​เดียว ก็​นำ​การ​ปลด​ปล่อย​และ​ชีวิต​มา​ถึง​ทุก​คน​อย่าง​นั้น

รม. 5:19 เพราะ​ว่า​คน​จำ​นวน​มาก​เป็น​คน​บาป เพราะ​คน​คน​เดียว​ที่​ไม่​เชื่อ​ฟัง​อย่าง​ไร คน​จำ​นวน​มาก​ก็​เป็น​คน​ชอบ​ธรรม เพราะ​พระ​องค์​ผู้​เดียว​ที่​ได้​ทรง​เชื่อ​ฟัง​อย่าง​นั้น

รม. 5:20 เมื่อ​มี​ธรรม​บัญ​ญัติ ก็​ทำ​ให้​มี​การ​ละเมิด​ธรรม​บัญ​ญัติ​ปรา​กฏ​มาก​ขึ้น แต่​ที่​ไหน​มี​บาป​ปรา​กฏ​มาก​ขึ้น ที่​นั้น​พระ​คุณ​ก็​จะ​ไพ​บูลย์​ยิ่ง​ขึ้น

รม. 5:21 เพื่อ​ว่า​บาป​ได้​ครอบ​งำ​ทำ​ให้​ถึง​ความ​ตาย​อย่างไร พระ​คุณ​ก็​ครอบ​งำ​ด้วย​ความ​ชอบ​ธรรม​ให้​ถึง​ชีวิต​นิรันดร์ โดย​ทาง​พระ​เยซู​คริสต์​องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​ของ​เรา​อย่าง​นั้น


วันเสาร์ที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2558

สภาพการณ์ที่ตกต่ำคริสเตียนคริสตจักรในประเทศไทยวันนี้

สามวันครึ่งในสัปดาห์ที่ผ่านมาได้มีโอกาสแวะไปนั่งฟังเพื่อนเรียนที่โรงเรียนพระคริสตธรรมแห่งหนึ่งใน กทม. วันแรกนักเทศมาเทศไม่ได้สอนมาเล่าประวัติชีวิตผสมพระคัมภีร์ให้ลงมาในเรื่องของตัวเอง อีกสองวันนักเทศอีกคู่มาสอนเทคนิคเรื่องราวทางโลกแบบจิตคณิตคิดเร็วไม่เกี่ยวกับพระคัมภีร์ วัดสุดท้ายครึ่งวันมาแนะนำให้ไปเรียนโรงเรียนพระคริสตธรรมอีกแห่ง สรุปสามวันครึ่งไม่ม่ได้อะไรเลยในพระคัมภีร์ นี่คือคุณภาพของคริสเตียนไทยที่ตกต่ำในวันนี้เพราะแม้แต่โรงเรียนพระคริสตธรรมก็ผลิตบุคลากรด้อยคุณภาพออกมาใช้งานในคริสตจักร
ตัวนักเรียนก็ชอบแต่ของฟรีแต่ไม่ใช่ว่าได้แล้วเอาไปใช้เอาไปเก็บสะสมไว้ เคยถามว่าหนังสือที่เคยได้ไปอ่านเขาใจใหม มีปัญหาอะไรถามได้ เขาก็ตอบว่าอ่าน พอถามว่าแล้วเป็นไงมีไรถามใหม ก็แค่ตอบกลับมาว่าก็ดี
บางคนพอแนะนำให้ลองหาหนังสือเล่มนี้มาอ่านก็บอกว่ารู้แล้ว
แต่พอถามตอบไม่ได้สักอย่าง
ย้อนแย้งอย่างมากนักเรียนที่มาเรียนแบบนี้ถึงไม่แปลกใจที่คริสตจักรไทยในวันนี้มีสภาพการที่ตกต้ำลงเรื่อยๆๆ
คริสเตียนไทยถึงมีแค่หนึ่งเปอร์เซ็นต์
เชื่อตามๆๆกันมาสืบๆๆกันมาไม่ได้แสวงหาพระเจ้าจริงจัง
กลายเป็นพระเยซูรูปเคารพไปแล้ว
นี่คือสภาพการณ์ที่ตกต่ำของคริสต์ในวันนี้
ยิ่งกว่าเข็นครกขึ้นภูเขา
หนทางแก้ไขยังพอมีเริ่มต้นที่เาต้องทวนกระแสต้องจ่ายราคาต้องแสวงหาพระเจ้าก่อน
ตั้งแต่อดีตมาปฐมกาลจนถึงพันธสัญญาใหม่มีแต่คนที่แสวงหาพระเจ้าคนเดียวโดดเท่านั้นที่จะได้บำเหน็จทันใจเช่นเอโนคเป็นต้นพระเจ้ารับไปทั้งเป็นๆๆเลยทีเดียว
ขอพระเจ้าพระราชทานพระคุณแห่งความจริงเอเมน

วันอังคารที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2558

1ยอห์น3-4 พี่น้องรักซึ่งกันและกัน





1ยน. 3:1 ลอง​คิด​ดู พระ​บิดา​ได้​ประ​ทาน​ความ​รัก​แก่​เรา​เพียง​ไร​ที่​เรา​ได้​ชื่อ​ว่า​เป็น​ลูก​ของ​พระ​เจ้า และ​เรา​ก็​เป็น​อย่าง​นั้น เหตุ​ที่​ชาว​โลก​ไม่​รู้​จัก​เรา ก็​เพราะ​เขา​ไม่​รู้​จัก​พระ​องค์

1ยน. 3:2 ท่าน​ที่​รัก​ทั้ง​หลาย เดี๋ยว​นี้​เรา​เป็น​ลูก​ของ​พระ​เจ้า และ​เรา​จะ​เป็น​อย่าง​ไร​ต่อ​ไป​ข้าง​หน้า​นั้น​เรา​ยัง​ไม่​รู้ แต่​เรา​รู้​ว่า​ใน​เวลา​ที่​พระ​องค์​จะ​เสด็จ​มา​ปรา​กฏ​นั้น เรา​จะ​เป็น​เหมือน​อย่าง​พระ​องค์ เพราะ​ว่า​เรา​จะ​เห็น​พระ​องค์​อย่าง​ที่​พระ​องค์​ทรง​เป็น​อยู่​นั้น

1ยน. 3:3 และ​ทุก​คน​ที่​มี​ความ​หวัง​อย่าง​นี้​ใน​พระ​องค์ ก็​ชำระ​ตน​ให้​บริ​สุทธิ์​เหมือน​ที่​พระ​องค์​ทรง​บริ​สุทธิ์

1ยน. 3:4 ทุก​คน​ที่​ทำ​บาป​ก็​ประ​พฤติ​ผิด​ธรรม​บัญ​ญัติ บาป​เป็น​สิ่ง​ที่​ผิด​ธรรม​บัญ​ญัติ

1ยน. 3:5 พวก​ท่าน​รู้​อยู่​แล้ว​ว่า​พระ​องค์​ทรง​ปรา​กฏ​เพื่อ​กำ​จัด​บาป​ของ​เรา​ให้​หมด​ไป และ​ไม่​มี​บาป​อยู่​ใน​พระ​องค์​เลย

1ยน. 3:6 ผู้​ที่​อยู่​ใน​พระ​องค์​ไม่​ทำ​บาป​อีก​ต่อ​ไป ส่วน​ผู้​ที่​ทำ​บาป​อยู่​เรื่อยๆ คน​นั้น​ยัง​ไม่​เห็น​พระ​องค์​และ​ยัง​ไม่​รู้​จัก​พระ​องค์

1ยน. 3:7 ลูก​ทั้ง​หลาย​เอ๋ย อย่า​ให้​ใคร​ชัก​จูง​ท่าน​ให้​หลง ผู้​ที่​ประ​พฤติ​ชอบ​ก็​ชอบ​ธรรม​เหมือน​อย่าง​ที่​พระ​องค์​ทรง​ชอบ​ธรรม

1ยน. 3:8 ผู้​ที่​ทำ​บาป​ก็​มา​จาก​มาร เพราะ​ว่า​มาร​ก็​ทำ​บาป​ตั้ง​แต่​เริ่ม​แรก พระ​บุตร​ของ​พระ​เจ้า​ได้​เสด็จ​มา​ปรา​กฏ​ก็​เพราะ​เหตุ​นี้ คือ​เพื่อ​ทำ​ลาย​กิจ​การ​ของ​มาร

1ยน. 3:9 ผู้​ที่​เกิด​จาก​พระเจ้า​ไม่​ทำ​บาป เพราะ​เชื้อ​ของ​พระเจ้า​อยู่​ใน​คน​นั้น​และ​เขา​ทำ​บาป​ไม่​ได้ เพราะ​เขา​เกิด​จาก​พระเจ้า

1ยน. 3:10 เช่น​นี้​แหละ จึง​เห็น​ได้​ว่า​ใคร​เป็น​ลูก​ของ​พระ​เจ้า และ​ใคร​เป็น​ลูก​ของ​มาร คือ​ผู้​ที่​ไม่​ได้​ประ​พฤติ​ชอบ และ​ไม่​รัก​พี่​น้อง​ของ​ตน ก็​ไม่​ได้​มา​จาก​พระ​เจ้า

1ยน. 3:11 นี่​เป็น​คำ​สั่ง​สอน​ที่​ท่าน​ทั้ง​หลาย​ได้​ยิน​ได้​ฟัง​มา​ตั้ง​แต่​เริ่ม​แรก คือ​ให้​เรา​รัก​กัน​และ​กัน

1ยน. 3:12 อย่า​เป็น​เหมือน​อย่าง​คา​อิน​ที่​มา​จาก​มาร​และ​ฆ่า​น้อง​ของ​ตน​เอง ทำ​ไม​เขา​ถึง​ฆ่า​น้อง? ก็​เพราะ​การ​กระ​ทำ​ของ​เขา​ชั่ว​และ​การ​กระ​ทำ​ของ​น้อง​นั้น​ชอบ​ธรรม

1ยน. 3:13 พี่​น้อง​เอ๋ย อย่า​ประ​หลาด​ใจ​ที่​โลก​นี้​เกลียด​ชัง​ท่าน

1ยน. 3:14 เรา​รู้​ว่า​เรา​ได้​พ้น​จาก​ความ​ตาย​ไป​สู่​ชีวิต​แล้ว ก็​เพราะ​เรา​รัก​พี่​น้อง ผู้​ที่​ไม่​รัก​ก็​ยัง​อยู่​ใน​ความ​ตาย

1ยน. 3:15 ผู้​ที่​เกลียด​ชัง​พี่​น้อง​ของ​ตน​ก็​เป็น​ผู้​ฆ่า​คน และ​พวก​ท่าน​ก็​รู้​อยู่​แล้ว​ว่า​ผู้​ฆ่า​คน​นั้น​ไม่​มี​ชีวิต​นิรันดร์​ดำ​รง​อยู่​ใน​ตัว​เขา​เลย

1ยน. 3:16 เช่น​นี้​แหละ​เรา​จึง​รู้​จัก​ความ​รัก โดย​ที่​พระ​องค์​ได้​ยอม​สละ​พระ​ชนม์​ของ​พระ​องค์​เพื่อ​เรา และ​เรา​ก็​ควร​จะ​สละ​ชีวิต​ของ​เรา​เพื่อ​พี่​น้อง

1ยน. 3:17 แต่​ถ้า​ใคร​มี​ทรัพย์​สม​บัติ​ใน​โลก​นี้ และ​เห็น​พี่​น้อง​ของ​ตน​ขัด​สน​แล้ว​ยัง​ไม่​เปิด​ใจ​ช่วย​เขา ความ​รัก​ของ​พระ​เจ้า​จะ​ดำ​รง​อยู่​ใน​คน​นั้น​ได้​อย่าง​ไร?

1ยน. 3:18 ลูก​ทั้ง​หลาย​เอ๋ย อย่า​ให้​เรา​รัก​กัน​ด้วย​คำ​พูด​และ​ด้วย​ปาก​เท่า​นั้น แต่​จง​รัก​กัน​ด้วย​การ​กระ​ทำ​และ​ด้วย​ความ​จริง

1ยน. 3:19 เช่น​นี้​แหละ เรา​ก็​จะ​รู้​ว่า​เรา​อยู่​ฝ่าย​สัจจะ และ​ใจ​เรา​จะ​หมด​กังวล​เฉพาะ​พระ​พักตร์​พระ​องค์

1ยน. 3:20 เมื่อ​ใจ​ของ​เรา​กล่าว​โทษ​ตัว​เรา​เอง พระ​เจ้า​ทรง​ยิ่ง​ใหญ่​กว่า​ใจ​ของ​เรา และ​พระ​องค์​ทรง​ทราบ​ทุก​สิ่ง

1ยน. 3:21 ท่าน​ที่​รัก​ทั้ง​หลาย ถ้า​ใจ​ของ​เรา​ไม่​ได้​กล่าว​โทษ​เรา เรา​ก็​มี​ความ​มั่น​ใจ​ที่​จะ​เข้า​เฝ้า​พระ​เจ้า

1ยน. 3:22 และ​เมื่อ​เรา​ขอ​สิ่ง​ใด ก็​ได้​สิ่ง​นั้น​จาก​พระ​องค์ เพราะ​เรา​ประ​พฤติ​ตาม​พระ​บัญ​ญัติ​ของ​พระ​องค์ และ​ปฏิ​บัติ​ตาม​ชอบ​พระ​ทัย​พระ​องค์

1ยน. 3:23 และ​นี่​เป็น​พระ​บัญ​ญัติ​ของ​พระ​องค์ คือ ให้​เรา​วาง​ใจ​ใน​พระ​นาม​ของ​พระ​เยซู​คริสต์​พระ​บุตร​ของ​พระ​องค์ และ​ให้​เรา​รัก​กัน​และ​กัน ตาม​ที่​พระ​องค์​ทรง​บัญ​ญัติ​ไว้​แก่​เรา

1ยน. 3:24 ทุก​คน​ที่​ประ​พฤติ​ตาม​พระ​บัญ​ญัติ​ของ​พระ​องค์​ก็​อยู่​ใน​พระ​องค์ และ​พระ​องค์​สถิต​อยู่​ใน​คน​นั้น เช่น​นี้​แหละ พวก​เรา​จึง​รู้​ว่า​พระ​องค์​สถิต​อยู่​ใน​เรา​คือ​โดย​พระ​วิญ​ญาณ​ที่​พระ​องค์​ประ​ทาน​แก่​เรา


1ยน. 4:1 ท่าน​ที่​รัก​ทั้ง​หลาย อย่า​เชื่อ​ทุกๆ วิญ​ญาณ แต่​จง​พิสูจน์​วิญ​ญาณ​นั้นๆ ว่า​มา​จาก​พระ​เจ้า​หรือ​ไม่ เพราะ​ว่า​มี​ผู้​เผย​พระ​วจนะ​เท็จ​จำ​นวน​มาก​ได้​ออก​มา​ใน​โลก
1ยน. 4:2 พวก​ท่าน​ก็​จะ​รู้​จัก​พระ​วิญ​ญาณ​ของ​พระ​เจ้า​โดย​ข้อ​นี้ คือ​วิญ​ญาณ​ทุก​ดวง​ที่​ยอม​รับ​ว่า​พระ​เยซู​คริสต์​ได้​เสด็จ​มา​เป็น​มนุษย์ วิญ​ญาณ​นั้น​ก็​มา​จาก​พระ​เจ้า
1ยน. 4:3 และ​วิญ​ญาณ​ทุก​ดวง​ที่​ไม่​ยอม​รับ​พระ​เยซู วิญ​ญาณ​นั้น​ก็​ไม่​ได้​มา​จาก​พระ​เจ้า วิญ​ญาณ​นั้น​แหละ​เป็น​ศัตรู​ของ​พระ​คริสต์ ซึ่ง​พวก​ท่าน​ได้​ยิน​ว่า​จะ​มา และ​ขณะ​นี้​ก็​อยู่​ใน​โลก​แล้ว
1ยน. 4:4 ลูก​ทั้ง​หลาย​เอ๋ย ท่าน​อยู่​ฝ่าย​พระ​เจ้า และ​ชนะ​พวก​เขา​แล้ว เพราะ​ว่า​พระ​องค์​ผู้​ทรง​อยู่​ใน​พวก​ท่าน​ยิ่ง​ใหญ่​กว่า​ผู้​ที่​อยู่​ใน​โลก
1ยน. 4:5 พวก​เขา​เป็น​ฝ่าย​โลก เพราะ​เหตุ​นี้​เขา​จึง​พูด​ตาม​โลก​และ​โลก​ก็​เชื่อ​ฟัง​เขา
1ยน. 4:6 ส่วน​เรา​อยู่​ฝ่าย​พระ​เจ้า ผู้​ที่​รู้​จัก​พระ​เจ้า​ก็​ฟัง​เรา และ​ผู้​ที่​ไม่​ได้​อยู่​ฝ่าย​พระ​เจ้า​ก็​ไม่​ฟัง​เรา ดัง​นั้น​เรา​จึง​รู้​จัก​วิญ​ญาณ​ของ​ความ​จริง และ​วิญ​ญาณ​ของ​ความ​เท็จ
1ยน. 4:7 ท่าน​ที่​รัก​ทั้ง​หลาย ขอ​ให้​เรา​รัก​กัน​และ​กัน เพราะ​ว่า​ความ​รัก​มา​จาก​พระ​เจ้า และ​ทุก​คน​ที่​รัก​ก็​เกิด​จาก​พระ​เจ้า และ​รู้​จัก​พระ​เจ้า
1ยน. 4:8 ผู้​ที่​ไม่​รัก​ก็​ไม่​รู้​จัก​พระ​เจ้า เพราะ​ว่า​พระ​เจ้า​ทรง​เป็น​ความ​รัก
1ยน. 4:9 ความ​รัก​ของ​พระ​เจ้า​ก็​เป็น​ที่​ประ​จักษ์​แก่​เรา​โดย​ข้อ​นี้ คือ​พระ​เจ้า​ทรง​ใช้​พระ​บุตร​องค์​เดียว​ของ​พระ​องค์​เข้า​มา​ใน​โลก เพื่อ​เรา​จะ​ได้​ดำ​รง​ชีวิต​โดย​พระ​บุตร
1ยน. 4:10 ความ​รัก​ที่​ข้าพ​เจ้า​พูด​ถึง​นี้​ไม่​ใช่​ที่​เรา​รัก​พระ​เจ้า แต่​ที่​พระ​องค์​ทรง​รัก​เรา และ​ทรง​ใช้​พระ​บุตร​ของ​พระ​องค์​มา เพื่อ​เป็น​เครื่อง​บูชา​ลบ​บาปของ​เรา
1ยน. 4:11 ท่าน​ที่​รัก​ทั้ง​หลาย ถ้า​พระ​เจ้า​ทรง​รัก​เรา​อย่าง​นั้น เรา​ก็​ควร​จะ​รัก​กัน​และ​กัน​ด้วย
1ยน. 4:12 ไม่​มี​ใคร​เคย​เห็น​พระ​เจ้า ถ้า​เรา​รัก​กัน​และ​กัน พระ​เจ้า​ก็​สถิต​อยู่​ใน​เรา และ​ความ​รัก​ของ​พระ​องค์​ก็​สม​บูรณ์​อยู่​ใน​เรา
1ยน. 4:13 เช่น​นี้​แหละ เรา​จึง​รู้​ว่า​เรา​อยู่​ใน​พระ​องค์​และ​พระ​องค์​ทรง​อยู่​ใน​เรา เพราะ​พระ​องค์​ประ​ทาน​พระ​วิญ​ญาณ​ของ​พระ​องค์​เอง​แก่​เรา
1ยน. 4:14 และ​เรา​ได้​เห็น​และ​เป็น​พยาน​ว่า พระ​บิดา​ได้​ทรง​ใช้​พระ​บุตร​มา​เป็น​พระ​ผู้​ช่วย​โลก​ให้​รอด
1ยน. 4:15 ผู้​ที่​ยอม​รับ​ว่า​พระ​เยซู​เป็น​พระ​บุตร​ของ​พระ​เจ้า พระ​เจ้า​ทรง​อยู่​ใน​คน​นั้น และ​คน​นั้น​อยู่​ใน​พระ​เจ้า
1ยน. 4:16 ฉะนั้น​เรา​จึง​รู้ และ​วางใจ​ใน​ความ​รัก​ที่​พระ​เจ้า​ทรง​มี​ต่อ​เรา พระ​เจ้า​ทรง​เป็น​ความ​รัก และ​ผู้​ที่​อยู่​ใน​ความ​รัก​ก็​อยู่​ใน​พระ​เจ้า และ​พระ​เจ้า​ก็​ทรง​อยู่​ใน​คน​นั้น
1ยน. 4:17 ความ​รัก​ของ​เรา​จึง​สม​บูรณ์​ใน​ข้อ​นี้ เพื่อ​เรา​จะ​มี​ความ​มั่น​ใจ​ใน​วัน​พิพาก​ษา เพราะ​ว่า​พระ​องค์​ทรง​เป็น​เช่น​ไร เรา​ใน​โลก​นี้​ก็​เป็น​เช่น​นั้น
1ยน. 4:18 ใน​ความ​รัก​นั้น​ไม่​มี​ความ​กลัว แต่​ความ​รัก​ที่​สม​บูรณ์​นั้น​ก็​ขับ​ไล่​ความ​กลัว​ออก​ไป​เสีย เพราะ​ความ​กลัว​เกี่ยว​ข้อง​กับ​การ​ลง​โทษ และ​ผู้​ที่​กลัว​ก็​ยัง​ไม่​มี​ความ​รัก​ที่​สม​บูรณ์
1ยน. 4:19 เรา​รัก ก็​เพราะ​พระ​องค์​ทรง​รัก​เรา​ก่อน
1ยน. 4:20 ถ้า​ใคร​กล่าว​ว่า “ข้าพ​เจ้า​รัก​พระ​เจ้า” แต่​ใจ​ยัง​เกลียด​ชัง​พี่​น้อง​ของ​ตน เขา​เป็น​คน​พูด​มุสา เพราะ​ว่า​ผู้​ที่​ไม่​รัก​พี่​น้อง​ของ​ตน​ที่​มอง​เห็น​แล้ว จะ​รัก​พระ​เจ้า​ที่​มอง​ไม่​เห็น​ไม่​ได้
1ยน. 4:21 พระ​บัญ​ญัติ​นี้​เรา​ได้​มา​จาก​พระ​องค์ คือ​ให้​คน​ที่​รัก​พระ​เจ้า​นั้น​รัก​พี่​น้อง​ของ​ตน​ด้วย

วันอาทิตย์ที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2558

โยชูวาสงครามครั้งสุดท้ายยึดแผ่นดินงามคะนาอัน ยชว.บทที่11





ยชว. 11:1 ต่อ​มา​เมื่อ​ยา​บิน​กษัตริย์​แห่ง​ฮา​โซร์​ได้​ยิน​ข่าว​นี้ จึง​ใช้​คน​ไป​หา​โย​บับ​กษัตริย์​แห่ง​มา​โดน และ​ไป​หา​กษัตริย์​แห่ง​ชิม​โรน กษัตริย์​แห่ง​อัค​ชาฟ

ยชว. 11:2 และ​บรรดา​กษัตริย์​ซึ่ง​อยู่​ใน​แดน​เทือก​เขา​ตอน​เหนือ และ​ซึ่ง​อยู่​ใน​ที่​ราบ​ทาง​ใต้​ของ​คิน​เน​เรท และ​ใน​ที่​ลุ่ม และ​ใน​ที่​สูง​โดร์​ทาง​ทิศ​ตะวัน​ตก

ยชว. 11:3 และ​ไป​หา​คน​คา​นา​อัน​ทาง​ทิศ​ตะวัน​ออก​และ​ทิศ​ตะวัน​ตก คน​อา​โม​ไรต์ คน​ฮิต​ไทต์ คน​เป​ริสซี และ​คน​เยบุส​ใน​แดน​เทือก​เขา และ​คน​ฮีไวต์​ที่​อยู่​เชิง​เขา​เฮอร์​โมน​ใน​แผ่น​ดิน​มิส​ปาห์

ยชว. 11:4 พวก​เขา​ก็​ยก​ออก​มา​กับ​กอง​ทัพ​ทั้ง​หมด​ของ​เขา​เป็น​คน​มาก​มาย มี​จำนวน​ดัง​ทราย​ที่​ชาย​ทะเล มี​ม้า​และ​รถ​รบ​มาก​มาย​ด้วย

ยชว. 11:5 กษัตริย์​เหล่า​นี้ ได้​ผนึก​กำลัง​กัน​และ​มา​ตั้ง​ค่าย​อยู่​ด้วย​กัน​ที่​ลำ​น้ำ​เม​โรม เพื่อ​จะ​สู้​รบ​กับ​อิส​รา​เอล

ยชว. 11:6 และ​พระ​ยาห์​เวห์​ตรัส​กับ​โย​ชู​วา​ว่า “อย่า​กลัว​พวก​เขา​เลย เพราะ​ว่า​พรุ่ง​นี้​ใน​เวลา​เดียว​กัน​นี้ เรา​จะ​มอบ​พวก​เขา​ทั้ง​หมด​ไว้​ต่อ​อิส​รา​เอล​ให้​ถูก​ประ​หาร เอ็น​น่อง​ม้า​ของ​เขา​ให้​เจ้า​ตัด​เสีย และ​รถ​รบ​ของ​เขา เจ้า​จง​เผา​ไฟ​เสีย”

ยชว. 11:7 โย​ชู​วา​จึง​ยก​พล​เข้า​โจม​ตี​พวก​เขา​ทัน​ที​ที่​ลำ​น้ำ​เม​โรม

ยชว. 11:8 และ​พระ​ยาห์​เวห์​ทรง​มอบ​พวก​เขา​ไว้​ใน​มือ​อิส​รา​เอล ผู้​ประ​หาร​เขา​และ​ไล่​ตาม​เขา​ไป​จน​ถึง​มหา​นคร​ไซดอน​และ​ถึง​มิส​เร​โฟท​มา​อิม และ​ถึง​หุบ​เขา​มิส​ปาห์​ด้าน​ตะวัน​ออก ได้​ประ​หาร​พวก​เขา​จน​ไม่​เหลือ​สัก​คน​เดียว

ยชว. 11:9 โย​ชู​วา​ได้​ทำ​ต่อ​เขา​ตาม​ที่​พระ​ยาห์​เวห์​ตรัส​สั่ง​ไว้ คือ​ได้​ตัด​เอ็น​น่อง​ม้า​และ​เผา​รถ​รบ​เสีย

ยชว. 11:10 แล้ว​โย​ชู​วา​ก็​กลับ​มา​ยึด​เมือง​ฮา​โซร์ และ​ประ​หาร​กษัตริย์​ของ​เมือง​เสีย​ด้วย​ดาบ เพราะ​ว่า​แต่​ก่อน​นี้​ฮา​โซร์​เป็น​หัว​หน้า​แห่ง​ดิน​แดน​เหล่า​นั้น​ทั้ง​หมด

ยชว. 11:11 พวก​เขา​ได้​ประ​หาร​ชาว​เมือง​นั้น​เสีย​ทุก​คน​ด้วย​คม​ดาบ และ​ทำลาย​เสีย​สิ้น สิ่ง​ที่​หาย​ใจ​ได้​ไม่​มี​เหลือ​เลย และ​ท่าน​ก็​เผา​เมือง​ฮา​โซร์​เสีย​ด้วย​ไฟ

ยชว. 11:12 โย​ชู​วา​ยึด​บรรดา​เมือง​ของ​กษัตริย์​เหล่า​นั้น พร้อม​กับ​กษัตริย์​ทั้ง​หมด และ​ประ​หาร​เสีย​ด้วย​คม​ดาบ ทำลาย​พวก​เขา​สิ้น​ดัง​ที่​โมเสส​ผู้​รับ​ใช้​ของ​พระ​ยาห์​เวห์​ได้​บัญชา​ไว้

ยชว. 11:13 แต่​เมือง​ที่​อยู่​บน​กอง​ซาก​เมือง​อิส​รา​เอล​ไม่​ได้​เผา เว้น​แต่​เมือง​ฮา​โซร์​เมือง​เดียว​ที่​โย​ชู​วา​เผา​เสีย

ยชว. 11:14 ของ​ริบ​ทั้ง​หมด​ที่​ได้​จาก​เมือง​เหล่า​นี้ รวม​ทั้ง​ฝูง​สัตว์​เลี้ยง พงศ์​พันธุ์​อิส​รา​เอล​ได้​ยึด​เป็น​สม​บัติ​ของ​ตน แต่​เขา​ได้​ประ​หาร​มนุษย์​ทุก​คน​เสีย​ด้วย​คม​ดาบ จน​ทำลาย​เสีย​สิ้น ทุก​สิ่ง​ที่​หาย​ใจ​ได้​เขา​ไม่​ให้​เหลือ​อยู่​เลย

ยชว. 11:15 พระ​ยาห์​เวห์​ทรง​บัญชา​โมเสส​ผู้​รับ​ใช้​ของ​พระ​องค์​อย่าง​ไร โมเสส​ก็​บัญชา​โย​ชู​วา​อย่าง​นั้น และ​โย​ชู​วา​ก็​ทำ​ตาม ท่าน​ไม่​ได้​เว้น​ที่​จะ​ทำ​ทุก​อย่าง​ซึ่ง​พระ​ยาห์​เวห์​ทรง​บัญชา​โมเสส​ไว้

ยชว. 11:16 โย​ชู​วา​ยึด​แผ่น​ดิน​นั้น​ทั้ง​หมด คือ​แดน​เทือก​เขา เน​เกบ​ทั้ง​หมด แผ่น​ดิน​โก​เชน​ทั้ง​หมด ที่​ลุ่ม ที่​ราบ และ​แดน​เทือก​เขา​ของ​อิส​รา​เอล​กับ​ที่​ลุ่ม​ของ​มัน

ยชว. 11:17 ตั้ง​แต่​ภูเขา​ฮา​ลัก​ที่​สูง​ขึ้น​ทาง​เส​อีร์ ไกล​ไป​จน​ถึง​บา​อัล​กาด​ใน​หุบ​เขา​เล​บา​นอนเชิง​ภูเขา​เฮอร์​โมน ท่าน​ได้​จับ​บรรดา​กษัตริย์​ทั้ง​หมด​ของ​เมือง​เหล่า​นั้น​มา​ประ​หาร​ชีวิต​เสีย

ยชว. 11:18 โย​ชู​วา​ทำ​ศึก​สง​คราม​กับ​กษัตริย์​เหล่า​นี้​อยู่​เป็น​เวลา​นาน

ยชว. 11:19 ไม่​มี​สัก​เมือง​หนึ่ง​ที่​ทำ​สัญ​ญา​สันติ​ภาพ​กับ​อิส​รา​เอล นอก​จาก​คน​ฮีไวต์​ซึ่ง​เป็น​ชาว​เมือง​กิเบ​โอน พวก​เขา​ต้อง​ทำ​สงคราม​ตี​มา​ทั้ง​นั้น

ยชว. 11:20 เพราะ​พระ​ยาห์​เวห์​เอง​ทรง​ให้​พวก​เขา​มี​ใจ​แข็ง​กระ​ด้าง​เข้า​ต่อ​สู้​ทำ​สง​คราม​กับ​อิส​รา​เอล เพื่อ​จะ​ทรง​ทำลาย​ล้าง​พวก​เขา​เสีย​โดย​ไม่​ได้​รับ​พระ​กรุณา เพื่อ​จะ​ทรง​ทำลาย​พวก​เขา​เสีย ดัง​ที่​พระ​ยาห์​เวห์​ทรง​บัญชา​โมเสส​ไว้

ยชว. 11:21 คราว​นั้น​โย​ชู​วา​ได้​ทำลาย​คน​อา​นาค​จาก​แดน​เทือก​เขา จาก​เฮ​โบรน จาก​เด​บีร์ จาก​อา​นาบ และ​จาก​ทั่ว​แดน​เทือก​เขา​ยู​ดาห์ และ​จาก​ทั่ว​แดน​เทือก​เขา​อิส​รา​เอล โย​ชู​วา​ได้​ทำลาย​คน​เหล่า​นี้​เสีย​พร้อม​ทั้ง​เมือง​ของ​พวก​เขา​ด้วย

ยชว. 11:22 ไม่​มี​คน​อา​นาค​เหลือ​อยู่​ใน​แผ่น​ดิน​ของ​ประ​ชา​ชน​อิส​รา​เอล เว้น​แต่​ใน​กาซา กัท​และ​อัช​โดด​ที่​ยัง​มี​เหลือ​อยู่​บ้าง

ยชว. 11:23 ดัง​นั้น​แหละ โย​ชู​วา​ได้​ยึด​แผ่น​ดิน​ทั้ง​หมด​ตาม​ที่​พระ​ยาห์​เวห์​ได้​ตรัส​ไว้​กับ​โมเสส​ทุก​ประ​การ และ​โย​ชู​วา​มอบ​ให้​เป็น​มรดก​แก่​อิส​รา​เอล​ตาม​ส่วน​แบ่ง​ของ​เผ่า แผ่น​ดิน​นั้น​ก็​สงบ​จาก​สง​คราม


วันเสาร์ที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2558

ประวัติพลีชีพวอท์ชแมน นี 7

1ยอห์นบทที่1-2 และโยชูวาบทที่9-10 ( มาสาย นอนหลับ กลับก่อน )





ยชว. 9:1 เมื่อ​พวก​กษัตริย์​ที่​อยู่​ฟาก​ตะวัน​ตก​ของ​แม่​น้ำ​จอร์​แดน คือ​ที่​อยู่​ใน​แดน​เทือก​เขา​และ​ใน​ที่​ลุ่ม และ​ตาม​ชาย​ฝั่ง​ทะเล​ใหญ่​จน​ถึง​เลบา​นอน เป็น​คน​ฮิต​ไทต์ คน​อา​โม​ไรต์ คน​คา​นา​อัน คน​เป​ริสซี คน​ฮีไวต์ และ​คน​เย​บุส​ได้​ยิน​ข่าว​นี้

ยชว. 9:2 จึง​พร้อม​ใจ​ร่วม​กำลัง​กัน​จะ​ต่อ​สู้​โย​ชู​วา​และ​อิส​รา​เอล

ยชว. 9:3 แต่​เมื่อ​ชาว​กิเบ​โอน​ได้​ยิน​ถึง​สิ่ง​ซึ่ง​โยชูวา​ทำ​ต่อ​เมือง​เย​รี​โค​และ​เมือง​อัย

ยชว. 9:4 พวก​เขา​จึง​ทำ​การ​โดย​ใช้​กล​อุบาย คือ​ออก​ไป​และ​ทำ​เป็น​ผู้​สื่อ​สาร เอา​กระ​สอบ​ขาดๆ บรร​ทุก​บน​ลา​ของ​เขา กับ​ถุง​หนัง​บรรจุ​เหล้า​องุ่น​ที่​เก่า​ขาด​และ​มี​รอย​ปะ

ยชว. 9:5 สวม​รอง​เท้า​เก่า​ปุปะ และ​สวม​เสื้อ​ผ้า​เก่า ส่วน​ขนม​ปัง​ทั้ง​หมด​ที่​เป็น​เสบียง​อา​หาร​ก็​แห้ง​มี​รา​ขึ้น

ยชว. 9:6 เขา​เดิน​ทาง​มา​หา​โย​ชู​วา​ที่​ค่าย ณ เมือง​กิล​กาล กล่าว​แก่​ท่าน​และ​คน​อิส​รา​เอล​ว่า “พวก​เรา​มา​จาก​ประ​เทศ​ที่​ห่าง​ไกล ขอ​ทำ​พันธ​สัญ​ญา​กับ​เรา​เถิด”

ยชว. 9:7 แต่​คน​อิส​รา​เอล​กล่าว​แก่​คน​ฮีไวต์​เหล่า​นั้น​ว่า “บางที​เจ้า​อาจ​จะ​อาศัย​อยู่​ท่าม​กลาง​พวก​เรา เรา​จะ​ทำ​พันธ​สัญ​ญา​กับ​เจ้า​ได้​อย่าง​ไร?”

ยชว. 9:8 เขา​กล่าว​แก่​โย​ชู​วา​ว่า “พวก​เรา​เป็น​ผู้​รับ​ใช้​ของ​ท่าน” และ​โย​ชู​วา​กล่าว​แก่​เขา​ว่า “พวก​เจ้า​เป็น​ใคร​กัน​และ​มา​จาก​ที่​ไหน?”

ยชว. 9:9 เขา​ตอบ​ท่าน​ว่า “ผู้​รับ​ใช้​ของ​ท่าน​มา​จาก​ประ​เทศ​ที่​ไกล​มาก เนื่อง​ด้วย​พระ​นาม​แห่ง​พระ​ยาห์​เวห์​พระ​เจ้า​ของ​ท่าน เรา​ได้​ทราบ​ถึง​กิตติ​ศัพท์​ของ​พระ​องค์​และ​พระ​ราช​กิจ​ทั้ง​สิ้น​ที่​พระ​องค์​ทรง​ทำ​ใน​อียิปต์

ยชว. 9:10 และ​ทุก​สิ่ง​ที่​พระ​องค์​ทรง​ทำ​ต่อ​กษัตริย์​คน​อา​โม​ไรต์​ทั้ง​สอง​พระ​องค์​ผู้​อยู่​ทาง​ฟาก​ตะวัน​ออก​ของ​แม่​น้ำ​จอร์​แดน คือ​สิโหน​กษัตริย์​แห่ง​เฮช​โบน และ​โอก​กษัตริย์​แห่ง​บา​ชาน​ผู้​อยู่​ที่​อัช​ทา​โรท

ยชว. 9:11 ด้วย​เหตุ​นี้ พวก​ผู้ใหญ่ และ​ผู้​คน​ทั้ง​สิ้น​ใน​ดิน​แดน​ของ​เรา จึง​กล่าว​แก่​เรา​ว่า ‘จง​เอา​เสบียง​สำ​หรับ​เดิน​ทาง​ไป​หา​พวก​เขา เรียน​เขา​ว่า “พวก​เรา​เป็น​ผู้​รับ​ใช้​ของ​ท่าน ขอ​ทำ​พันธ​สัญ​ญา​กับ​เรา​เถิด” ’

ยชว. 9:12 ขนม​ปัง​ของ​เรา​นี้​ใน​วัน​ที่​เรา​ออก​มา​หา​พวก​ท่าน เรา​เอา​ออก​จาก​บ้าน​เมื่อ​ยัง​ร้อนๆ อยู่​เพื่อ​ใช้​เป็น​อา​หาร​รับ​ประ​ทาน​ตาม​ทาง แต่​บัด​นี้ ดู​สิ แห้ง​และ​รา​ขึ้น​แล้ว

ยชว. 9:13 ถุง​นี้​เมื่อ​เรา​เติม​เหล้า​องุ่น​ก็​ยัง​ใหม่​อยู่ แต่​นี่​แน่ะ มัน​ขาด​แล้ว เสื้อ​ผ้า​และ​รอง​เท้า​ของ​เรา​ก็​เก่า เพราะ​หน​ทาง​ไกล​มาก”

ยชว. 9:14 คน​เหล่า​นั้น​ก็​รับ​เสบียง​ของ​เขา​มา แต่​ไม่​ได้​ทูล​ขอ​การ​แนะ​นำ​จาก​พระ​ยาห์​เวห์

ยชว. 9:15 และ​โย​ชู​วา​ก็​ทำ​สัญ​ญา​สัน​ติ​ภาพ​กับ​พวก​เขา และ​ทำ​พันธ​สัญ​ญา​กับ​เขา​ให้​ไว้​ชีวิต​พวก​เขา และ​พวก​ผู้นำ​ของ​ชุม​นุม​ชน​ก็​สา​บาน​ต่อ​เขา

ยชว. 9:16 เมื่อ​ได้​ทำ​พันธ​สัญ​ญา​กับ​เขา​ผ่าน​มา​สาม​วัน ก็​ได้​ยิน​ว่า​พวก​เหล่า​นั้น​เป็น​เพื่อน​บ้าน​อยู่​ท่าม​กลาง​พวก​ตน

ยชว. 9:17 และ​คน​อิส​รา​เอล​ก็​ออก​เดิน​ไป​ถึง​เมือง​ของ​เขา​ใน​วัน​ที่​สาม เมือง​ของ​เขา​นั้น​คือ​เมือง​กิเบ​โอน เค​ฟี​ราห์ เบ​เอ​โรท และ​คีริ​ยาท​เย​อา​ริม

ยชว. 9:18 แต่​คน​อิส​รา​เอล​ไม่​ได้​ฆ่า​เขา เพราะ​ว่า​พวก​ผู้นำ​ของ​ชุม​นุม​ชน ได้​สา​บาน​ต่อ​พวก​เขา​ใน​พระ​นาม​พระ​ยาห์​เวห์​พระ​เจ้า​ของ​อิส​รา​เอล​แล้ว ชุม​นุม​ชน​ก็​บ่น​ต่อ​ว่า​พวก​ผู้นำ

ยชว. 9:19 แต่​พวก​ผู้นำ​ได้​กล่าว​แก่​ชุม​นุม​ชน​ทั้ง​ปวง​ว่า “เรา​ได้​สา​บาน​ต่อ​พวก​เขา​ใน​พระ​นาม​พระ​ยาห์​เวห์​พระ​เจ้า​ของ​อิส​รา​เอล ดัง​นั้น เรา​จะ​แตะ​ต้อง​เขา​ไม่​ได้

ยชว. 9:20 เรา​ต้อง​ทำ​ต่อ​พวก​เขา​อย่าง​นี้​โดย​ให้​เขา​มี​ชีวิต​อยู่ เพื่อ​ไม่​ให้​พระ​พิโรธ​ตก​ลง​เหนือ​เรา ตาม​คำ​สา​บาน​ซึ่ง​เรา​ได้​สา​บาน​ต่อ​พวก​เขา​นั้น”

ยชว. 9:21 และ​พวก​ผู้นำ​ก็​กล่าว​แก่​เขา​ทั้ง​หลาย​ว่า “ให้​พวก​เขา​มี​ชีวิต​อยู่​เถิด” พวก​เขา​จึง​เป็น​คน​ตัด​ฟืน​และ​เป็น​คน​ตัก​น้ำ​ให้​ชุม​นุม​ชน​ทั้ง​หมด ดัง​ที่​พวก​ผู้นำ​ได้​บอก​พวก​เขา​ไว้

ยชว. 9:22 โย​ชู​วา​จึง​เรียก​คน​เหล่า​นั้น​มา​และ​ท่าน​กล่าว​แก่​เขา​ว่า “ทำไม​พวก​เจ้า​จึง​หลอก​ลวง​เรา​โดย​กล่าว​ว่า ‘เรา​อยู่​ห่าง​ไกล​จาก​ท่าน​มาก’ ใน​เมื่อ​พวก​เจ้า​อยู่​ท่าม​กลาง​เรา?

ยชว. 9:23 เจ้า​ทั้ง​หลาย​จึง​ถูก​สาป​แช่ง​และ​พวก​เจ้า​จะ​ไม่​ขาด​จาก​การ​เป็น​ทาส คือ​เป็น​คน​ตัด​ฟืน​และ​เป็น​คน​ตัก​น้ำ​สำ​หรับ​พระ​นิเวศ​ของ​พระ​เจ้า​ของ​เรา”

ยชว. 9:24 เขา​ทั้ง​หลาย​ตอบ​โย​ชู​วา​ว่า “เพราะ​ผู้​รับ​ใช้​ของ​ท่าน​ได้​ทราบ​มา​อย่าง​แน่​นอน​ว่า พระ​ยาห์​เวห์​พระ​เจ้า​ของ​ท่าน​ทรง​บัญชา​โมเสส​ผู้​รับ​ใช้​ของ​พระ​องค์​ให้​มอบ​แผ่น​ดิน​นี้​ทั้ง​หมด​แก่​ท่าน และ​ให้​ทำลาย​ชาว​แผ่น​ดิน​ให้​พ้น​หน้า​ท่าน ดัง​นั้น เรา​จึง​กลัว​มาก​ว่า​พวก​ท่าน​จะ​ทำ​อัน​ตราย​ต่อ​ชีวิต​ของ​เรา เรา​จึง​ทำ​อย่าง​นี้

ยชว. 9:25 นี่​แน่ะ บัด​นี้​เรา​อยู่​ใน​มือ​ของ​ท่าน จง​ทำ​ต่อ​เรา​ตาม​ที่​ท่าน​เห็น​ดี​เห็น​ชอบ​เถิด”

ยชว. 9:26 โย​ชู​วา​จึง​ทำ​เช่น​นั้น คือ​ให้​พวก​เขา​รอด​จาก​มือ​ประ​ชา​ชน​อิส​รา​เอล ไม่​ให้​ประ​หาร​ชีวิต​เขา​เสีย

ยชว. 9:27 ใน​วัน​นั้น​โย​ชู​วา​ได้​ตั้ง​พวก​เขา​ให้​เป็น​คน​ตัด​ฟืน​และ​คน​ตัก​น้ำ​สำ​หรับ​ชุม​นุม​ชน และ​สำ​หรับ​แท่น​บูชา​ของ​พระ​ยาห์​เวห์ ณ สถาน​ที่​ซึ่ง​พระ​องค์​ทรง​เลือก​สืบ​มา​จน​ทุก​วัน​นี้


ยชว. 10:1 เมื่อ​อา​โด​นี​เซ​เดก​กษัตริย์​แห่ง​เย​รู​ซา​เล็ม​ทรง​ได้​ยิน​ว่า โย​ชู​วา​ได้​ยึด​เมือง​อัย และ​ทำลาย​เมือง​นั้น​เสีย​อย่าง​สิ้น​เชิง​แล้ว (ท่าน​ได้​ทำ​ต่อ​เมือง​อัย​และ​กษัตริย์​ของ​เมือง​นี้ อย่าง​เดียว​กับ​ที่​ได้​ทำ​ต่อ​เมือง​เย​รี​โคและ​กษัตริย์​ของ​เมือง​นั้น) และ​ทรง​ทราบ​ด้วย​ว่า​ชาว​เมือง​กิเบ​โอน​ได้​ทำ​สันติ​ภาพ​กับ​อิส​รา​เอล​แล้ว​และ​อยู่​ท่าม​กลาง​พวก​เขา
ยชว. 10:2 พวก​เขา​ก็​กลัว​มาก เพราะ​ว่า​กิเบ​โอน​เป็น​เมือง​ใหญ่​เสมอ​เมือง​หลวง และ​ใหญ่​กว่า​เมือง​อัย และ​บุรุษ​ชาว​เมือง​นั้น​ก็​ล้วน​เป็น​นัก​รบ​กล้า​หาญ
ยชว. 10:3 ด้วย​เหตุ​นี้​อา​โด​นี​เซ​เดก​กษัตริย์​แห่ง​เย​รู​ซา​เล็ม​จึง​ทรง​ให้​ไป​หา​โฮ​ฮัม​กษัตริย์​แห่ง​เฮโบรน และ​ปิราม​กษัตริย์​แห่ง​ยาร​มูท และ​ยาเฟีย​กษัตริย์​แห่ง​ลา​คีช และ​เด​บีร์​กษัตริย์​แห่ง​เอก​โลน ทูล​ว่า
ยชว. 10:4 “ขอ​เชิญ​ท่าน​มา​หา​ข้าพ​เจ้า และ​ช่วย​ข้าพ​เจ้า​ตี​เมือง​กิเบ​โอน​เถิด เพราะ​ว่า​เมือง​นั้น​ได้​ทำ​สันติ​ภาพ​กับ​โย​ชู​วา และ​ประ​ชา​ชน​อิส​รา​เอล”
ยชว. 10:5 กษัตริย์​คน​อา​โม​ไรต์​ทั้ง​ห้า​พระ​องค์ คือ​กษัตริย์​แห่ง​เย​รู​ซา​เล็ม กษัตริย์​แห่ง​เฮ​โบรน กษัตริย์​แห่ง​ยารมูท กษัตริย์​แห่ง​ลาคีช และ​กษัตริย์​แห่ง​เอก​โลน ก็​ทรง​รวบ​รวม​กำลัง​ของ​ตน และ​ทรง​ยก​ขึ้น​ไป​พร้อม​กับ​กอง​ทัพ​ทั้ง​หลาย​ตั้ง​ค่าย​ต่อ​สู้​เมือง​กิเบ​โอน
ยชว. 10:6 ชาว​เมือง​กิ​เบ​โอน​จึง​ใช้​คน​ไป​หา​โย​ชู​วา​ที่​ค่าย​ใน​กิล​กาล กล่าว​ว่า “ขอ​ท่าน​อย่า​ได้​ปล่อย​มือ​จาก​ผู้​รับ​ใช้​ของ​ท่าน​เลย ขอ​เร่ง​ขึ้น​มา​ช่วย​พวก​เรา​ให้​รอด​และ​ช่วย​เหลือ​เรา เพราะ​ว่า​บรรดา​กษัตริย์​ของ​คน​อา​โม​ไรต์ ซึ่ง​อยู่​ใน​แดน​เทือก​เขา ได้​รวม​กำ​ลัง​กัน​ต่อ​สู้​เรา”
ยชว. 10:7 โย​ชู​วา​จึง​ขึ้น​ไป​จาก​กิล​กาล ทั้ง​ท่าน​และ​พวก​ทหาร​และ​นักรบ​กล้า​หาญ​ทุก​คน
ยชว. 10:8 พระ​ยาห์​เวห์​ตรัส​กับ​โย​ชู​วา​ว่า “อย่า​กลัว​เขา​เลย​เพราะ​เรา​ได้​มอบ​เขา​ไว้​ใน​มือ​เจ้า​แล้ว จะ​ไม่​มี​ใคร​ใน​พวก​เขา​สัก​คน​เดียว​ที่​จะ​ยืน​หยัด​ต่อ​สู้​เจ้า​ได้”
ยชว. 10:9 โย​ชู​วา​จึง​ยก​เข้า​โจม​ตี​พวก​นั้น​ทันที โดย​เดิน​ทาง​ตลอด​คืน​จาก​กิล​กาล
ยชว. 10:10 พระ​ยาห์​เวห์​ทรง​ทำ​ให้​พวก​เขา​สะดุ้ง​แตก​ตื่น​ต่อ​หน้า​อิส​รา​เอล​ซึ่ง​ได้​ฆ่า​พวก​เขา​เสีย​มาก​มาย​ที่​กิเบ​โอน และ​ไล่​ติด​ตาม​พวก​เขา​ไป​ตาม​ทาง​ที่​ขึ้น​ไป​ถึง​เบธ​โฮ​โรน และ​ตาม​ฆ่า​พวก​เขา​ไป​จน​ถึง​เมือง​อา​เซ​คาห์ และ​เมือง​มัก​เค​ดาห์
ยชว. 10:11 ขณะ​เมื่อ​พวก​เขา​หนี​ไป​ข้าง​หน้า​อิส​รา​เอล ไป​ตาม​ทาง​เบธ​โฮ​โรน​นั้น พระ​ยาห์​เวห์​ทรง​โยน​หิน​ใหญ่ๆ ลง​มา​จาก​ฟ้า ตลอด​ถึง​เมือง​อา​เซ​คาห์ เขา​ทั้ง​หลาย​ก็​ตาย ผู้​ที่​ตาย​ด้วย​ลูก​เห็บ​นั้น​ก็​มาก​กว่า​ผู้​ที่​ประ​ชา​ชน​อิส​รา​เอล​ฆ่า​เสีย​ด้วย​ดาบ
ยชว. 10:12 แล้ว​โย​ชู​วา​ก็​ทูล​พระ​ยาห์​เวห์​ใน​วัน​ที่​พระ​ยาห์​เวห์​ทรง​มอบ​คน​อา​โม​ไรต์​แก่​ประ​ชา​ชน​อิส​รา​เอล​นั้น และ​ท่าน​ได้​กล่าว​ต่อ​หน้า​อิส​รา​เอล​ว่า “ดวง​อา​ทิตย์​เอ๋ย จง​หยุด​นิ่ง​ตรง​เมือง​กิ​เบ​โอน และ​ดวง​จันทร์​เอ๋ย ตรง​หุบ​เขา​อัย​ยา​โลน”
ยชว. 10:13 ดวง​อา​ทิตย์​ก็​หยุด​นิ่ง และ​ดวง​จันทร์​ก็​นิ่ง​อยู่ จน​ชน​ชาติ​นี้​ได้​แก้​แค้น​ศัตรู​ของ​เขา​เสร็จ เรื่อง​นี้​มี​จารึก​ไว้​ใน​หนัง​สือ​ยา​ชาร์​ไม่​ใช่​หรือ? ดวง​อา​ทิตย์​ก็​หยุด​นิ่ง​อยู่​กลาง​ท้อง​ฟ้า ไม่​ได้​รีบ​ตก​ไป​ตาม​เวลา​ประ​มาณ​หนึ่ง​วัน​เต็ม
ยชว. 10:14 ทั้ง​ใน​สมัย​ก่อน​หรือ​ใน​สมัย​ต่อ​มา ไม่​มี​วัน​อย่าง​นั้น​อีก​แล้ว​ที่​พระ​ยาห์​เวห์​ทรง​สดับ​ฟัง​เสียง​ของ​มนุษย์ เพราะ​ว่า​พระ​ยาห์​เวห์​ทรง​ต่อ​สู้​เพื่อ​อิส​รา​เอล
ยชว. 10:15 แล้ว​โย​ชู​วา​กับ​อิส​รา​เอล​ทั้ง​หมด​ก็​กลับ​มา​สู่​ค่าย​ที่​กิล​กาล
ยชว. 10:16 กษัตริย์​ทั้ง​ห้า​นั้น​ทรง​หนี​ไป​ซ่อน​ตัว​อยู่​ใน​ถ้ำ​มัก​เค​ดาห์
ยชว. 10:17 มี​คน​ไป​บอก​โย​ชู​วา​ว่า “มี​คน​พบ​กษัตริย์​ทั้ง​ห้า​ทรง​ซ่อน​ตัว​อยู่​ใน​ถ้ำ​ที่​มัก​เค​ดาห์”
ยชว. 10:18 โย​ชู​วา​จึง​กล่าว​ว่า “จง​กลิ้ง​หิน​ใหญ่ๆ ปิด​ปาก​ถ้ำ​เสีย และ​วาง​ยาม​เฝ้า​พวก​เขา​ไว้
ยชว. 10:19 แต่​พวก​ท่าน​อย่า​คอย​อยู่​เลย​จง​ติด​ตาม​ศัตรู​ของ​ท่าน​ไป​เถิด จง​เข้า​โจม​ตี​กอง​ระวัง​หลัง​อย่า​ให้​กลับ​เข้า​ใน​เมือง​ของ​เขา​ได้ เพราะ​ว่า​พระ​ยาห์​เวห์​พระ​เจ้า​ของ​ท่าน ทรง​มอบ​พวก​เขา​ไว้​ใน​มือ​ของ​ท่าน​แล้ว”
ยชว. 10:20 เมื่อ​โย​ชู​วา​กับ​ประ​ชา​ชน​อิส​รา​เอล​เสร็จ​จาก​การ​ฆ่า​คน​เหล่า​นั้น​เสีย​เป็น​อัน​มาก​แล้ว ผู้​ที่​เหลือ​อยู่​ก็​หนี​เข้า​ไป​ใน​เมือง​ที่​มี​กำแพง​ล้อม
ยชว. 10:21 ประ​ชา​ชน​ก็​กลับ​มา​หา​โย​ชู​วา ณ ค่าย​ที่​มัก​เค​ดาห์​โดย​สวัสดิ​ภาพ​ทุก​คน ไม่​มี​ใคร​กล้า​กล่าว​ร้าย​พงศ์​พันธุ์​อิส​รา​เอล​อีก​ต่อ​ไป
ยชว. 10:22 แล้ว​โย​ชู​วา​จึง​กล่าว​ว่า “จง​เปิด​ปาก​ถ้ำ​นำ​กษัตริย์​ทั้ง​ห้า​นั้น​ออก​จาก​ถ้ำ​มา​หา​เรา”
ยชว. 10:23 พวก​เขา​ก็​ทำ​ตาม นำ​กษัตริย์​ทั้ง​ห้า​ออก​จาก​ถ้ำ​มา​หา​ท่าน มี​กษัตริย์​แห่ง​เย​รู​ซา​เล็ม กษัตริย์​แห่ง​เฮ​โบรน กษัตริย์​แห่ง​ยาร​มูท กษัตริย์​แห่ง​ลา​คีช และ​กษัตริย์​แห่ง​เอก​โลน
ยชว. 10:24 เมื่อ​พวก​เขา​นำ​กษัตริย์​เหล่า​นั้น​มา​หา​โย​ชู​วา โย​ชู​วา​จึง​เรียก​คน​อิส​รา​เอล​ทั้ง​หมด​มา​และ​สั่ง​หัว​หน้า​ของ​ทหาร​ที่​ออก​ไป​รบ​พร้อม​กับ​ท่าน​ว่า “จง​เข้า​มา​ใกล้​เถิด เอา​เท้า​เหยียบ​คอ​กษัตริย์​เหล่า​นี้” แล้ว​พวก​เขา​ก็​เข้า​มา​ใกล้​และ​เอา​เท้า​เหยียบ​ที่​คอ
ยชว. 10:25 และ​โย​ชู​วา​กล่าว​แก่​เขา​ว่า “อย่า​กลัว​หรือ​ตก​ใจ​เลย จง​เข้ม​แข็ง​และ​กล้า​หาญ​เถิด เพราะ​ว่า​พระ​ยาห์​เวห์​จะ​ทรง​ทำ​ต่อ​ศัตรู​ทั้ง​หมด​ของ​ท่าน​ซึ่ง​ท่าน​สู้​รบ​ด้วย​อย่าง​นี้​แหละ”
ยชว. 10:26 ภาย​หลัง​โย​ชู​วา​ได้​ประ​หาร​ชีวิต​กษัตริย์​ทั้ง​ห้า​เสีย แล้ว​แขวน​ไว้​ที่​ต้น​ไม้​ห้า​ต้น แขวน​อยู่​บน​ต้น​ไม้​เช่น​นั้น​จน​เวลา​เย็น
ยชว. 10:27 แต่​เมื่อ​ถึง​เวลา​ดวง​อา​ทิตย์​ตก โย​ชู​วา​ได้​บัญชา​และ​เขา​ก็​ปลด​พระ​ศพ​ลง​จาก​ต้น​ไม้​และ​ทิ้ง​ไว้​ใน​ถ้ำ ซึ่ง​กษัตริย์​เหล่า​นั้น​ได้​ซ่อน​ตัว​อยู่ และ​เอา​หิน​ใหญ่ๆ ปิด​ปาก​ถ้ำ​นั้น​ไว้ ซึ่ง​ยัง​อยู่​จน​กระ​ทั่ง​วัน​นี้
ยชว. 10:28 ใน​วัน​นั้น​โย​ชู​วา​ยึด​เมือง​มัก​เค​ดาห์​ได้ และ​ประ​หาร​เมือง​นั้น​เสีย​ด้วย​คม​ดาบ ทั้ง​กษัตริย์​ของ​เมือง​นั้น​ด้วย ท่าน​ได้​ทำลาย​พวก​เขา​เสีย​อย่าง​สิ้น​เชิง ทุก​ชีวิต​ที่​อยู่​ใน​เมือง​ไม่​มี​เหลือ​สัก​คน​เดียว และ​ท่าน​ได้​ทำ​ต่อ​กษัตริย์​แห่ง​มัก​เค​ดาห์​อย่าง​ที่​ท่าน​ได้​ทำ​ต่อ​กษัตริย์​แห่ง​เย​รี​โค
ยชว. 10:29 แล้ว​โย​ชู​วา​พร้อม​กับ​อิส​รา​เอล​ทั้ง​หมด​ก็​ออก​จาก​เมือง​มัก​เค​ดาห์​มา​ถึง​ลิบ​นาห์ และ​เข้า​สู้​รบ​กับ​เมือง​ลิบ​นาห์
ยชว. 10:30 พระ​ยาห์​เวห์​ได้​ทรง​มอบ​เมือง​นั้น​กับ​กษัตริย์​ไว้​ใน​มือ​คน​อิส​รา​เอล และ​ท่าน​ได้​ประ​หาร​เมือง​นั้น​กับ​ทุก​คน​ที่​อยู่​ใน​เมือง​นั้น​ด้วย​คม​ดาบ ท่าน​ไม่​ให้​เหลือ​สัก​คน​เดียว​ใน​เมือง​นั้น และ​ท่าน​ได้​ทำ​ต่อ​กษัตริย์​ของ​เมือง​นั้น​อย่าง​ที่​ท่าน​ได้​ทำ​ต่อ​กษัตริย์​แห่ง​เย​รี​โค
ยชว. 10:31 แล้ว​โย​ชู​วา​พร้อม​กับ​อิส​รา​เอล​ทั้ง​หมด​ก็​ออก​จาก​เมือง​ลิบ​นาห์​มา​ถึง​ลา​คีช แล้ว​ล้อม​เมือง​ไว้​และ​เข้า​โจม​ตี​เมือง​นั้น
ยชว. 10:32 พระ​ยาห์​เวห์​ทรง​มอบ​เมือง​ลา​คีช​ไว้​ใน​มือ​อิส​รา​เอล และ​ท่าน​ก็​ได้​ยึด​เมือง​นั้น​ใน​วัน​ที่​สอง และ​ประ​หาร​ทุก​คน​ที่​อยู่​ใน​เมือง​นั้น​ด้วย​คม​ดาบ ดัง​ทุก​สิ่ง​ที่​ท่าน​ได้​ทำ​ต่อ​เมือง​ลิบ​นาห์
ยชว. 10:33 ครั้ง​นั้น​โฮ​ราม​กษัตริย์​แห่ง​เก​เซอร์​ได้​ขึ้น​มา​ช่วย​เมือง​ลา​คีช และ​โย​ชู​วา​ได้​ประ​หาร​พระ​องค์​กับ​คน​ของ​พระ​องค์ จน​ไม่​เหลือ​ผู้​รอด​ชีวิต​เลย
ยชว. 10:34 แล้ว​โย​ชู​วา​พร้อม​กับ​อิส​รา​เอล​ทั้ง​หมด​ก็​ออก​จาก​เมือง​ลา​คีช​มา​ถึง​เอก​โลน ได้​เข้า​ล้อม​และ​โจม​ตี​เมือง​นั้น
ยชว. 10:35 และ​เขา​ก็​ตี​ได้​ใน​วัน​ที่​สอง​และ​ฆ่า​ทุก​คน​ด้วย​คม​ดาบ​จน​ทำลาย​เขา​เสีย​สิ้น​ใน​วัน​นั้น ดัง​ทุก​สิ่ง​ที่​ท่าน​ได้​ทำ​ต่อ​เมือง​ลา​คีช
ยชว. 10:36 แล้ว​โย​ชู​วา​พร้อม​กับ​อิส​รา​เอล​ทั้ง​หมด​ก็​ขึ้น​ไป​จาก​เมือง​เอก​โลน​มา​ถึง​เฮ​โบรน และ​เข้า​โจม​ตี​เมือง​นั้น
ยชว. 10:37 ยึด​เมือง​นั้น​แล้ว​ก็​ประ​หาร​กษัตริย์​และ​หมู่​บ้าน​โดย​รอบ​ทั้ง​หมด กับ​ทุก​คน​ที่​อยู่​ใน​เมือง​นั้น​เสีย​ด้วย​คม​ดาบ ท่าน​ไม่​ให้​เหลือ​สัก​คน​เดียว​ดัง​ที่​ท่าน​ได้​ทำ​ต่อ​เมือง​เอก​โลน และ​ได้​ทำลาย​เมือง​นั้น​กับ​ทุก​คน​ที่​อยู่​ใน​เมือง​นั้น​เสีย​สิ้น
ยชว. 10:38 แล้ว​โย​ชู​วา​พร้อม​กับ​อิส​รา​เอล​ทั้ง​หมด​ก็๋​กลับ​มา​ยัง​เมือง​เด​บีร์ เข้า​โจม​ตี​เมือง​นั้น
ยชว. 10:39 ท่าน​ได้​ยึด​เมือง​นั้น​รวม​ทั้ง​กษัตริย์​และ​หมู่​บ้าน​โดย​รอบ​ทั้ง​หมด และ​ได้​ประ​หาร​พวก​เขา​เสีย​ด้วย​คม​ดาบ และ​ได้​ทำลาย​ทุก​คน​ที่​อยู่​ใน​เมือง​นั้น​เสีย​อย่าง​สิ้น​เชิง ท่าน​ไม่​ให้​เหลือ​สัก​คน​เดียว ท่าน​ทำ​ต่อ​เมือง​เฮโบรน​อย่าง​ไร ท่าน​ก็​ทำ​ต่อ​เมือง​เด​บีร์​และ​ต่อ​กษัตริย์​ของ​เขา​อย่าง​นั้น ดัง​ที่​ทำ​ต่อ​เมือง​ลิบนาห์​และ​ต่อ​กษัตริย์​ของ​เขา​เช่น​กัน
ยชว. 10:40 โย​ชู​วา​ก็​โจม​ตี​แผ่น​ดิน​นั้น​ได้​ทั้ง​หมด คือ​แดน​เทือก​เขา เน​เกบ ที่​ลุ่ม และ​ที่​ลาด ทั้ง​กษัตริย์​ทั้ง​หมด​ของ​เมือง​เหล่า​นั้น​ด้วย ท่าน​ไม่​ให้​เหลือ​สัก​คน​เดียว แต่​ได้​ทำลาย​ทุก​สิ่ง​ที่​หาย​ใจ​เสีย ดัง​ที่​พระ​ยาห์​เวห์​พระ​เจ้า​ของ​อิส​รา​เอล​ได้​ทรง​บัญชา​ไว้
ยชว. 10:41 โย​ชู​วา​โจม​ตี​พวก​เขา​ได้​ตั้ง​แต่​เมือง​คา​เดช​บาร​เนีย​จน​ถึง​เมือง​กา​ซา และ​ทั่ว​แผ่น​ดิน​โก​เชน​จน​ถึง​เมือง​กิเบ​โอน
ยชว. 10:42 กษัตริย์​เหล่า​นี้​ทั้ง​หมด​พร้อม​ทั้ง​แผ่น​ดิน​ของ​พระองค์ โย​ชู​วา​ยึด​ได้​ใน​คราว​เดียว เพราะ​พระ​ยาห์​เวห์​พระ​เจ้า​ของ​อิส​รา​เอล​ได้​ทรง​สู้​รบ​เพื่อ​อิส​รา​เอล
ยชว. 10:43 แล้ว​โย​ชู​วา​พร้อม​กับ​อิส​รา​เอล​ทั้ง​หมด​ก็​กลับ​มา​ยัง​ค่าย​ที่​กิล​กาล

1ยน. 1:1 เรา​ขอ​แจ้ง​เกี่ยว​กับ​สิ่ง​ที่​มี​มา​ตั้ง​แต่​ปฐม​กาล ซึ่ง​เรา​ได้​ยิน ได้​เห็น​กับ​ตา ได้​พินิจ​ดู และ​จับ​ต้อง​ด้วย​มือ​ของ​เรา​นั้น คือ​พระ​วาทะ​แห่ง​ชีวิต
1ยน. 1:2 (และ​ชีวิต​ที่​ว่า​นี้​ปรา​กฏ​ขึ้น เรา​ได้​เห็น และ​เป็น​พยาน และ​ประ​กาศ​ชีวิต​นิรันดร์​นี้​กับ​พวก​ท่าน เป็น​ชีวิต​ที่​ดำ​รง​อยู่​กับ​พระ​บิดา​และ​มา​ปรา​กฏ​แก่​เรา)
1ยน. 1:3 สิ่ง​ที่​เรา​ได้​เห็น​และ​ได้​ยิน​นั้น เรา​ก็​ประ​กาศ​ให้​พวก​ท่าน​รู้​ด้วย เพื่อ​ท่าน​จะ​ได้​มี​สา​มัคคี​ธรรม​กับ​เรา และ​เรา​ก็​มี​สา​มัคคี​ธรรม​กับ​พระ​บิดา และ​กับ​พระ​เยซู​คริสต์​พระ​บุตร​ของ​พระ​องค์
1ยน. 1:4 และ​เรา​เขียน​ข้อ​ความ​เหล่า​นี้​เพื่อ​ความ​ชื่น​ชม​ยินดี​ของ​เรา​จะ​ได้​เต็ม​เปี่ยม
1ยน. 1:5 นี่​เป็น​ข้อ​ความ​ที่​เรา​ได้​ยิน​จาก​พระ​องค์ และ​บอก​กับ​พวก​ท่าน คือ​ว่า​พระ​เจ้า​ทรง​เป็น​ความ​สว่าง และ​ความ​มืด​ใน​พระ​องค์​ไม่​มี​เลย
1ยน. 1:6 ถ้า​เรา​จะ​ว่า เรา​มี​สา​มัคคี​ธรรม​กับ​พระ​องค์​ขณะ​ที่​ยัง​เดิน​อยู่​ใน​ความ​มืด เรา​ก็​โก​หก และ​ไม่​ได้​ดำ​เนิน​ชีวิต​ตาม​ความ​จริง
1ยน. 1:7 แต่​ถ้า​เรา​เดิน​อยู่​ใน​ความ​สว่าง เหมือน​อย่าง​ที่​พระ​องค์​สถิต​ใน​ความ​สว่าง เรา​ก็​มี​สา​มัคคี​ธรรม​ซึ่ง​กัน​และ​กัน และ​พระ​โล​หิต​ของ​พระ​เยซู​คริสต์​พระ​บุตร​ของ​พระ​องค์ ก็​ชำระ​เรา​ให้​ปราศ​จาก​บาป​ทั้ง​สิ้น
1ยน. 1:8 ถ้า​เรา​กล่าว​ว่า​เรา​ไม่​มี​บาป เรา​ก็​หลอก​ตัว​เอง และ​สัจจะ​ไม่​ได้​อยู่​ใน​ตัว​เรา​เลย
1ยน. 1:9 ถ้า​เรา​สาร​ภาพ​บาป​ของ​เรา พระ​องค์​ทรง​ซื่อ​สัตย์​และ​เที่ยง​ธรรม ก็​จะ​ทรง​โปรด​ยก​บาป​ของ​เรา และ​จะ​ทรง​ชำระ​เรา​ให้​พ้น​จาก​การ​อธรรม​ทั้ง​สิ้น
1ยน. 1:10 ถ้า​เรา​กล่าว​ว่า​เรา​ไม่​ได้​ทำ​บาป ก็​เท่า​กับ​เรา​ทำ​ให้​พระ​องค์​เป็น​ผู้​ตรัส​มุสา และ​พระ​ดำ​รัส​ของ​พระ​องค์​ก็​ไม่​ได้​อยู่​ใน​ตัว​เรา​เลย

1ยน. 2:1 ลูก​ของ​ข้าพ​เจ้า​เอ๋ย ข้าพ​เจ้า​เขียน​ข้อ​ความ​เหล่า​นี้​ถึง​ท่าน​ทั้ง​หลาย​เพื่อ​ท่าน​จะ​ได้​ไม่​ทำ​บาป และ​ถ้า​ใคร​ทำ​บาป เรา​ก็​มี​ผู้​ช่วย​ทูล​ขอ​พระ​บิดา​เพื่อ​เรา คือ​พระ​เยซู​คริสต์​ผู้​ทรง​เที่ยง​ธรรม​นั้น
1ยน. 2:2 และ​พระ​องค์​ทรง​เป็น​เครื่อง​บูชา​ลบ​บาป​ของ​เรา และ​ไม่​ใช่​แค่​บาป​ของ​เรา​เท่า​นั้น แต่​ของ​ทั้ง​โลก​ด้วย
1ยน. 2:3 ถ้า​เรา​ประ​พฤติ​ตาม​พระ​บัญ​ญัติ​ของ​พระ​องค์ เรา​จะ​มั่น​ใจ​ได้​ว่า​เรา​รู้​จัก​พระ​องค์
1ยน. 2:4 ผู้​ที่​กล่าว​ว่า “ข้าพ​เจ้า​รู้​จัก​พระ​องค์” แต่​ไม่​ได้​ประ​พฤติ​ตาม​พระ​บัญ​ญัติ​ของ​พระ​องค์ คน​นั้น​เป็น​คน​พูด​มุสา​และ​สัจจะ​ไม่​ได้​อยู่​ใน​เขา​เลย
1ยน. 2:5 แต่​ผู้​ที่​ประ​พฤติ​ตาม​พระ​วจนะ​ของ​พระ​องค์ ความ​รัก​ของ​พระ​เจ้า​ก็​บริ​บูรณ์​อยู่​ใน​ผู้​นั้น​อย่าง​แท้​จริง เพราะ​เหตุ​นี้​แหละ​เรา​จึง​รู้​ว่า​เรา​อยู่​ใน​พระ​องค์
1ยน. 2:6 ผู้​ที่​กล่าว​ว่า​ตน​อยู่​ใน​พระ​องค์ ผู้​นั้น​ก็​ควร​ดำ​เนิน​ชีวิต​เหมือน​พระ​องค์
1ยน. 2:7 ท่าน​ที่​รัก​ทั้ง​หลาย ข้าพ​เจ้า​ไม่​ได้​เขียน​บัญ​ญัติ​ใหม่​ถึง​ท่าน​เลย แต่​เป็น​บัญ​ญัติ​เก่า​ซึ่ง​ท่าน​เคย​มี​อยู่​ตั้ง​แต่​เริ่ม​แรก บัญ​ญัติ​เก่า​นั้น​คือ​คำ​ซึ่ง​ท่าน​ได้​ยิน​มา​แล้ว
1ยน. 2:8 อีก​นัย​หนึ่ง​ก็​กล่าว​ได้​ว่า​ข้าพ​เจ้า​เขียน​บัญ​ญัติ​ใหม่​ถึง​พวกท่าน​ซึ่ง​เป็น​ความ​จริง​ทั้ง​ใน​พระ​องค์​และ​ใน​ท่าน เพราะ​ว่า​ความ​มืด​นั้น​กำ​ลัง​จะ​ผ่าน​พ้น​ไป และ​ความ​สว่าง​แท้​กำ​ลัง​ส่อง​อยู่​แล้ว
1ยน. 2:9 ผู้​ที่​กล่าว​ว่า​ตน​อยู่​ใน​ความ​สว่าง ขณะ​ที่​ยัง​เกลียด​ชัง​พี่​น้อง​ของ​ตน ผู้​นั้น​ก็​ยัง​อยู่​ใน​ความ​มืด
1ยน. 2:10 ผู้​ที่​รัก​พี่​น้อง​ของ​ตน​ก็​อยู่​ใน​ความ​สว่าง และ​ใน​ตัว​เขา​นั้น​ไม่​มี​อะไร​ทำ​ให้​สะดุด
1ยน. 2:11 แต่​ผู้​ที่​เกลียด​ชัง​พี่​น้อง​ของ​ตน​ก็​อยู่​ใน​ความ​มืด และ​เดิน​ใน​ความ​มืด​และ​ไม่​รู้​ว่า​ตน​กำ​ลัง​ไป​ไหน เพราะ​ว่า​ความ​มืด​ทำ​ให้​ตา​ของ​เขา​บอด​ไป​เสีย​แล้ว
1ยน. 2:12 ลูก​ทั้ง​หลาย​เอ๋ย ข้าพ​เจ้า​เขียน​จด​หมาย​ถึง​ท่าน เพราะ​ว่า​บาป​ของ​ท่าน​ได้​รับ​การ​อภัย​แล้ว ด้วย​เห็น​แก่​พระ​นาม​ของ​พระ​องค์
1ยน. 2:13 ท่าน​ทั้ง​หลาย​ที่​เป็น​บิดา ข้าพ​เจ้า​เขียน​จด​หมาย​ถึง​ท่าน เพราะ​ท่าน​รู้​จัก​พระ​องค์​ผู้​ทรง​ดำ​รง​อยู่​ตั้ง​แต่​ปฐม​กาล ท่าน​ทั้ง​หลาย​ที่​เป็น​คน​หนุ่ม ข้าพ​เจ้า​เขียน​จด​หมาย​ถึง​ท่าน เพราะ​ท่าน​ได้​ชนะ​มาร​ร้าย​นั้น
1ยน. 2:14 ท่าน​ทั้ง​หลาย​ที่​เป็น​ลูก ข้าพ​เจ้า​เขียน​จด​หมาย​ถึง​ท่าน เพราะ​พวก​ท่าน​รู้​จัก​พระ​บิดา ท่าน​ทั้ง​หลาย​ที่​เป็น​บิดา ข้าพ​เจ้า​เขียน​จด​หมาย​ถึง​ท่าน เพราะ​ท่าน​รู้​จัก​พระ​องค์​ผู้​ทรง​ดำรง​อยู่​ตั้ง​แต่​ปฐม​กาล ท่าน​ทั้ง​หลาย​ที่​เป็น​คน​หนุ่ม ข้าพ​เจ้า​เขียน​จด​หมาย​ถึง​ท่าน เพราะ​พวก​ท่าน​มี​กำ​ลัง​มาก และ​พระ​วจนะ​ของ​พระ​เจ้า​ดำ​รง​อยู่​ใน​พวก​ท่าน และ​ท่าน​ชนะ​มาร​ร้าย​นั้น​แล้ว
1ยน. 2:15 อย่า​รัก​โลก​หรือ​สิ่ง​ของ​ใน​โลก ถ้า​ใคร​รัก​โลก ความ​รัก​ของ​พระ​บิดา​ไม่​ได้​อยู่​ใน​ผู้​นั้น
1ยน. 2:16 เพราะ​ว่า​ทุก​สิ่ง​ที่​อยู่​ใน​โลก คือ​ตัณหา​ของ​เนื้อ​หนัง​และ​ตัณ​หา​ของ​ตา และ​ความ​ทะนง​ใน​ลาภ​ยศ​ไม่​ได้​มา​จาก​พระ​บิดา แต่​มา​จาก​โลก
1ยน. 2:17 และ​โลก​กับ​สิ่ง​ยั่ว​ยวน​ของ​โลก​กำ​ลัง​ผ่าน​พ้น​ไป แต่​คน​ที่​ประ​พฤติ​ตาม​พระ​ทัย​ของ​พระ​เจ้า​จะ​ดำ​รง​อยู่​เป็น​นิตย์
1ยน. 2:18 ลูก​ทั้ง​หลาย​เอ๋ย บัด​นี้​เป็น​วาระ​สุด​ท้าย​แล้ว และ​ตาม​ที่​พวก​ท่าน​ได้​ยิน​ได้​ฟัง​มา​ว่า​ศัตรู​ของ​พระ​คริสต์​จะ​มา เดี๋ยว​นี้​ศัตรู​ของ​พระ​คริสต์​จำ​นวน​มาก​ก็​มา​แล้ว เพราะ​ฉะนั้น​เรา​จึง​รู้​ว่า​บัด​นี้​เป็น​วาระ​สุด​ท้าย​แล้ว
1ยน. 2:19 พวก​เขา​ได้​ออก​ไป​จาก​เรา แต่​เขา​ก็​ไม่​ได้​เป็น​ของ​เรา เพราะ​ว่า​ถ้า​เขา​เป็น​ของ​เรา เขา​ก็​จะ​อยู่​กับ​เรา​ต่อ​ไป แต่​การ​ที่​เขา​ได้​ออก​ไป​นั้น​แสดง​ให้​เห็น​ชัด​ว่า​เขา​ไม่​ได้​เป็น​ของ​เรา
1ยน. 2:20 แต่​พวก​ท่าน​ได้​รับ​การ​ชโลม​จาก​พระ​องค์​ผู้​บริ​สุทธิ์​แล้ว และ​ท่าน​ทุก​คน​ก็​มี​ความ​รู้
1ยน. 2:21 ข้าพ​เจ้า​เขียน​จด​หมาย​ถึง​พวก​ท่าน ไม่​ใช่​เพราะ​ท่าน​ไม่​รู้​ความ​จริง แต่​เพราะ​ท่าน​รู้​แล้ว และ​รู้​ว่า​คำ​มุสา​ไม่​ได้​มา​จาก​ความ​จริง
1ยน. 2:22 ใคร​ล่ะ​เป็น​คน​ที่​โก​หก ไม่​ใช่​ใคร​อื่น นอก​จาก​คน​ที่​ปฏิ​เสธ​ว่า​พระ​เยซู​ไม่​ใช่​พระ​คริสต์ ผู้​ที่​ปฏิเสธ​พระ​บิดา​และ​พระ​บุตร ผู้​นั้น​แหละ​เป็น​ศัตรู​ของ​พระ​คริสต์
1ยน. 2:23 ทุก​คน​ที่​ปฏิ​เสธ​พระ​บุตร ไม่​มี​พระ​บิดา ผู้​ที่​ยอมรับ​พระ​บุตร​ก็​มี​พระ​บิดา​ด้วย
1ยน. 2:24 ท่าน​ทั้ง​หลาย จง​ให้​สิ่ง​ที่​ท่าน​ได้​ยิน​มา​ตั้ง​แต่​ต้น​นั้น​ดำ​รง​อยู่​กับ​ท่าน​เถิด ถ้า​สิ่ง​ที่​ท่าน​ได้​ยิน​ตั้ง​แต่​ต้น​นั้น​ดำ​รง​อยู่​กับ​ท่าน ท่าน​ก็​จะ​อยู่​ใน​พระ​บุตร​และ​ใน​พระ​บิดา​ด้วย
1ยน. 2:25 นี่​แหละ​เป็น​สิ่ง​ที่​พระ​องค์​ได้​ทรง​สัญ​ญา​ไว้​กับ​เรา คือ​ชีวิต​นิรันดร์
1ยน. 2:26 ข้าพ​เจ้า​เขียน​ข้อ​ความ​นี้​ถึง​พวก​ท่าน กล่าว​ถึง​พวก​ที่​พยา​ยาม​หลอก​ลวง​ท่าน
1ยน. 2:27 ส่วน​ท่าน​ทั้ง​หลาย การ​ชโลม​ซึ่ง​ท่าน​ได้​รับ​จาก​พระ​องค์​นั้น​ก็​ดำ​รง​อยู่​กับ​ท่าน และ​ไม่​จำ​เป็น​ต้อง​มี​ใคร​สอน​ท่าน เพราะ​ว่า​การ​ชโลม​ของ​พระ​องค์​นั้น​สอน​ท่าน​ให้​รู้​ทุก​สิ่ง และ​เป็น​ความ​จริง ไม่​ใช่​ความ​เท็จ การ​ชโลม​นั้น​สอน​พวก​ท่าน​แล้ว​อย่างไร ท่าน​จง​อยู่​ใน​พระ​องค์​อย่าง​นั้น
1ยน. 2:28 และ​บัด​นี้​ลูก​ทั้ง​หลาย​เอ๋ย จง​อยู่​ใน​พระ​องค์ เพื่อ​ว่า​เมื่อ​พระ​องค์​ทรง​ปรา​กฏ เรา​จะ​ได้​มี​ความ​มั่น​ใจ และ​ไม่​ต้อง​หลบ​พระ​พักตร์​พระ​องค์​ด้วย​ความ​ละอาย เมื่อ​พระ​องค์​เสด็จ​มา
1ยน. 2:29 ถ้า​พวก​ท่าน​รู้​ว่า​พระ​องค์​ทรง​เที่ยง​ธรรม ท่าน​ก็​รู้​ว่า​ทุก​คน​ที่​ประ​พฤติ​ตาม​ความ​เที่ยง​ธรรม​นั้น​เกิด​มา​จาก​พระ​องค์​ด้วย

วันพฤหัสบดีที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2558

เช้าวันใหม่กับพระเยซู1 โยชูวาบทที่8 ยูดาบทที่1





ยชว. 8:1 พระ​ยาห์​เวห์​ตรัส​กับ​โย​ชู​วา​ว่า “อย่า​กลัว​หรือ​ตก​ใจ​เลย จง​นำ​ทหาร​ทั้ง​หมด​ไป​กับ​เจ้า ลุก​ขึ้น​ไป​ยัง​เมือง​อัย​เถิด นี่​แน่ะ เรา​ได้​มอบ​กษัตริย์​แห่ง​อัย​ไว้​ใน​มือ​เจ้า​แล้ว พร้อม​ทั้ง​ประ​ชา​ชน​ของ​เขา เมือง​ของ​เขา​และ​แผ่น​ดิน​ของ​เขา​ด้วย

ยชว. 8:2 เจ้า​จง​ทำ​ต่อ​เมือง​อัย​และ​กษัตริย์​ของ​เมือง​นั้น​เช่น​เดียว​กับ​ที่​เจ้า​ทำ​ต่อ​เมือง​เย​รี​โค​และ​กษัตริย์​ของ​เมือง​นั้น แต่​ข้าว​ของ​และ​สัตว์​เลี้ยง​ที่​ริบ​มา​นั้น​ตก​เป็น​ของ​เจ้า​ได้ จง​ตั้ง​กอง​ซุ่ม​ไว้​ที่​ข้าง​หลัง​เมือง”

ยชว. 8:3 โย​ชู​วา​จึง​ลุก​ขึ้น​พร้อม​กับ​ทหาร​ไป​ยัง​เมือง​อัย และ​โย​ชู​วา​ได้​คัด​นัก​รบ​กล้า​หาญ 30,000 คน ให้​ยก​ไป​ใน​เวลา​กลาง​คืน

ยชว. 8:4 และ​ท่าน​บัญชา​เขา​ว่า “นี่​แน่ะ ท่าน​จง​ซุ่ม​อยู่​ข้าง​หลัง​เมือง อย่า​ให้​ห่าง​ไกล​จาก​เมือง​นัก และ​ให้​เตรียม​ตัว​ไว้​พร้อม​ทุก​คน

ยชว. 8:5 ส่วน​ข้าพ​เจ้า​และ​ประ​ชา​ชน​ทั้ง​หมด​ที่​อยู่​กับ​ข้าพ​เจ้า​จะ​เข้า​ไป​ถึง​ตัว​เมือง และ​เมื่อ​พวก​เขา​ออก​มา​ต่อ​สู้​เรา​อย่าง​คราว​ก่อน เรา​ก็​จะ​ถอย​หนี​ไป​ต่อ​หน้า​เขา

ยชว. 8:6 เขา​จะ​ตาม​เรา​ออก​มา​จน​กระ​ทั่ง​เรา​จะ​ลวง​เขา​ให้​ออก​ห่าง​จาก​ตัว​เมือง เพราะ​เขา​จะ​พูด​ว่า ‘พวก​เขา​กำ​ลัง​หนี​จาก​เรา​อย่าง​คราว​ก่อน’ และ​เรา​ก็​จะ​หนี​ไป​ต่อ​หน้า​เขา

ยชว. 8:7 แล้ว​พวก​ท่าน​จง​ลุก​จาก​ที่​ซุ่ม​เข้า​ยึด​เมือง​นั้น​ไว้ เพราะ​พระ​ยาห์​เวห์​พระ​เจ้า​ของ​พวก​ท่าน​จะ​ทรง​มอบ​เมือง​นั้น​ไว้​ใน​มือ​ท่าน

ยชว. 8:8 และ​เมื่อ​พวก​ท่าน​เข้า​ยึด​เมือง​ได้​แล้ว ท่าน​จง​จุด​ไฟ​เผา​เมือง​เสีย จง​ทำ​ตาม​ที่​พระ​ยาห์​เวห์​ตรัส​สั่ง ดู​สิ ข้าพ​เจ้า​ได้​บัญชา​ท่าน​ไว้​แล้ว”

ยชว. 8:9 แล้ว​โย​ชู​วา​ก็​ให้​พวก​เขา​ไป เขา​ก็​ออก​ไป​ยัง​ที่​ซุ่ม​อยู่​ระหว่าง​เบธ​เอล​กับ​เมือง​อัย​ทาง​ทิศ​ตะวัน​ตก​ของ​เมือง​อัย แต่​คืน​วัน​นั้น​โย​ชู​วา​นอน​ค้าง​อยู่​กับ​ประ​ชา​ชน

ยชว. 8:10 โย​ชู​วา​ลุก​ขึ้น​แต่​เช้า​ตรู่​ออก​ตรวจ​พล แล้ว​ขึ้น​ไป​พร้อม​กับ​พวก​ผู้​ใหญ่​ของ​อิส​รา​เอล​นำ​หน้า​ประ​ชา​ชน​ไป​เมือง​อัย

ยชว. 8:11 ทหาร​ทุก​คน​ที่​อยู่​กับ​ท่าน​ก็​ขึ้น​ไป​แล้ว​รุก​ใกล้​ตัว​เมือง​เข้า​ไป และ​ตั้ง​ค่าย​อยู่​ด้าน​เหนือ​ของ​เมือง​อัย มี​หุบ​เขา​คั่น​ระหว่าง​พวก​เขา​กับ​เมือง​อัย

ยชว. 8:12 และ​ท่าน​จัด​คน​ประ​มาณ 5,000 คน ให้​เขา​แอบ​ซุ่ม​อยู่​ระหว่าง​เมือง​เบธ​เอล​กับ​เมือง​อัย​ทาง​ทิศ​ตะวัน​ตก​ของ​ตัว​เมือง

ยชว. 8:13 ดัง​นั้น​เขา​ทั้ง​หลาย​ก็​วาง​กำ​ลัง​รบ​ให้​กอง​หลวง​อยู่​ด้าน​เหนือ​ของ​เมือง และ​กอง​ระวัง​หลัง​อยู่​ด้าน​ตะวัน​ตก​ของ​เมือง ใน​คืน​วัน​นั้น​โย​ชู​วา​ไป​อยู่​กลาง​หุบ​เขา

ยชว. 8:14 ต่อ​มา​เมื่อ​กษัตริย์​แห่ง​อัย​ทรง​เห็น​ดัง​นั้น พระองค์​และ​ประ​ชา​ชน​ทั้ง​หมด​ของ​พระองค์​ก็​รีบ​ลุก​ขึ้น​แต่​เช้า​ตรู่​ออก​ไป​สู้​รบ​กับ​อิส​รา​เอล ณ ที่​ปะทะ​กัน​ตรง​หน้า​ที่​ราบ แต่​พระองค์​ไม่​ทราบ​ว่า​มี​กอง​ซุ่ม​คอย​ต่อ​สู้​พระองค์​อยู่​ข้าง​หลัง​เมือง

ยชว. 8:15 โย​ชู​วา​และ​อิส​รา​เอล​ทั้ง​หมด​ทำ​ที​เหมือน​ถูก​ตี​พ่าย​ไป​ต่อ​หน้า​พวก​เขา แล้ว​หนี​ไป​ทาง​ถิ่น​ทุร​กัน​ดาร

ยชว. 8:16 ทุก​คน​ใน​เมือง​ก็​ถูก​เรียก​ให้​ตาม​ออก​ไป เมื่อ​พวก​เขา​ไล่​ตาม​โย​ชู​วา​ไป​นั้น​เขา​ก็​ถูก​ลวง​ให้​ออก​ห่าง​จาก​เมือง

ยชว. 8:17 ไม่​มี​ชาย​สัก​คน​หนึ่ง​เหลือ​อยู่​ใน​เมือง​อัย​หรือ​เมือง​เบธ​เอล ที่​ไม่​ได้​ออก​ไป​ไล่​ตาม​อิส​รา​เอล พวก​เขา​ปล่อย​ให้​เมือง​เปิด​อยู่​และ​ไล่​ตาม​อิส​รา​เอล​ไป

ยชว. 8:18 แล้ว​พระ​ยาห์​เวห์​ตรัส​สั่ง​โย​ชู​วา​ว่า “จง​ยื่น​หอก​ซึ่ง​อยู่​ใน​มือ​ของ​เจ้า​ออก​ตรง​ไป​ยัง​เมือง​อัย เพราะ​เรา​จะ​มอบ​เมือง​นั้น​ไว้​ใน​มือ​ของ​เจ้า” แล้ว​โย​ชู​วา​ก็​ยื่น​หอก​ซึ่ง​อยู่​ใน​มือ​ออก​ไป​ยัง​เมือง​นั้น

ยชว. 8:19 ทหาร​ที่​ซุ่ม​อยู่​ก็​ลุก​ออก​จาก​ที่​ซ่อน​อย่าง​รวด​เร็ว พอ​โย​ชู​วา​ยื่น​มือ​ของ​ท่าน​ออก ทหาร​ก็​วิ่ง​ตรง​เข้า​ไป​ใน​เมือง​และ​ยึด​เมือง​ไว้ แล้ว​พวก​เขา​ก็​รีบ​จุด​ไฟ​เผา​เมือง

ยชว. 8:20 เมื่อ​ชาว​เมือง​อัย​เหลียว​หลัง​มา​ดู นี่​แน่ะ ควัน​ไฟ​ที่​ไหม้​เมือง​ได้​พลุ่ง​ขึ้น​ไป​ยัง​ท้อง​ฟ้า เขา​ก็​หมด​แรง​ที่​จะ​หนี​ไป​ทาง​ไหน​ได้ เพราะ​ว่า​คน​ที่​หนี​ไป​ทาง​ถิ่น​ทุร​กัน​ดาร​ก็​หัน​กลับ​มา​ต่อ​สู้​กับ​ผู้​ที่​ไล่​ตาม

ยชว. 8:21 เมื่อ​โย​ชู​วา​กับ​คน​อิส​รา​เอล​ทั้ง​หมด​เห็น​ว่า​กอง​ซุ่ม​ยึด​เมือง​ได้​แล้ว และ​ควัน​ไฟ​ที่​ไหม้​เมือง​ได้​พลุ่ง​ขึ้น พวก​เขา​ก็​หัน​กลับ​มา​โจม​ตี​ชาว​เมือง​อัย

ยชว. 8:22 คน​อื่นๆ ก็​ออก​มา​จาก​เมือง​สู้​รบ​กับ​พวก​เขา ทำ​ให้​พวก​เขา​อยู่​ระหว่าง​กลาง​อิส​รา​เอล ผู้​อยู่​ข้าง​นี้​บ้าง​ข้าง​โน้น​บ้าง และ​คน​อิส​รา​เอล​ก็​โจม​ตี​เขา​จน​ไม่​มี​สัก​คน​หนึ่ง​รอด​ชีวิต​หรือ​หนี​ไป​ได้

ยชว. 8:23 แต่​กษัตริย์​แห่ง​อัย​ถูก​จับ​เป็น​และ​ถูก​คุม​ตัว​มา​หา​โย​ชู​วา

ยชว. 8:24 เมื่อ​อิส​รา​เอล​เสร็จ​สิ้น​การ​ฆ่า​ฟัน​ชาว​เมือง​อัย​ใน​ทุ่ง​ใน​ถิ่น​ทุร​กัน​ดาร​ที่​พวก​เขา​ไล่​ตาม​ไป​นั้น และ​คน​เหล่า​นั้น​ล้ม​ตาย​หมด​ด้วย​คม​ดาบ​จน​คน​สุด​ท้าย อิส​รา​เอล​ทั้ง​หมด​ก็​กลับ​เข้า​เมือง​อัย โจม​ตี​คน​ใน​เมือง​ด้วย​คม​ดาบ

ยชว. 8:25 คน​ที่​ล้ม​ตาย​ทั้ง​หมด​ใน​วัน​นั้น​ทั้ง​ชาย​และ​หญิง 12,000 คน คือ​ชาว​เมือง​อัย​ทั้ง​หมด

ยชว. 8:26 เพราะ​โย​ชู​วา​ไม่​ได้​หด​มือ​ที่​ถือ​หอก​ยื่น​อยู่​นั้น จน​กว่า​จะ​ได้​ผลาญ​ชาว​เมือง​อัย​พินาศ​สิ้น

ยชว. 8:27 แต่​อิส​รา​เอล​ได้​ริบ​เอา​ฝูง​สัตว์​เลี้ยง​และ​ข้าว​ของ​ของ​เมือง​นั้น​เป็น​ของ​ตน ตาม​พระ​วจนะ​ของ​พระ​ยาห์​เวห์ ซึ่ง​ทรง​บัญชา​ไว้​แก่​โย​ชู​วา

ยชว. 8:28 ดัง​นี้​แหละ​โย​ชู​วา​จึง​เผา​เมือง​อัย​เสีย ทำ​ให้​เป็น​กอง​ซาก​ปรัก​หัก​พัง​อยู่​เป็น​นิตย์ เป็น​ที่​ร้าง​เปล่า​มา​จน​ถึง​ทุก​วัน​นี้

ยชว. 8:29 และ​ท่าน​แขวน​กษัตริย์​แห่ง​อัย​ไว้​ที่​ต้น​ไม้​จน​ถึง​เวลา​เย็น เมื่อ​ดวง​อา​ทิตย์​ตก​โย​ชู​วา​จึง​บัญชา​และ​เขา​ก็​ปลด​พระ​ศพ​ลง​จาก​ต้น​ไม้ นำ​ไป​ทิ้ง​ไว้​ที่​ทาง​เข้า​ประ​ตู​เมือง แล้ว​เอา​หิน​ถม​ทับ​ไว้​เป็น​กอง​ใหญ่​ซึ่ง​ยัง​อยู่​จน​ทุก​วัน​นี้

ยชว. 8:30 แล้ว​โย​ชู​วา​ได้​สร้าง​แท่น​บูชา​ที่​ภูเขา​เอบาล​ถวาย​แด่​พระ​ยาห์​เวห์​พระ​เจ้า​ของ​อิส​รา​เอล

ยชว. 8:31 ดัง​ที่​โมเสส​ผู้​รับ​ใช้​ของ​พระ​ยาห์​เวห์​บัญชา​ประ​ชา​ชน​อิส​รา​เอล ตาม​ที่​จารึก​ไว้​ใน​หนัง​สือ​ธรรม​บัญ​ญัติ​ของ​โมเสส​ว่า “แท่น​บูชา​ทำ​ด้วย​หิน​ล้วน ซึ่ง​ไม่​มี​ใคร​ใช้​เครื่อง​มือ​เหล็ก​ตก​แต่ง​เลย” แล้ว​พวก​เขา​ก็​ถวาย​เครื่อง​บูชา​เผา​ทั้ง​ตัว​แด่​พระ​ยาห์​เวห์​บน​แท่น​นั้น และ​ถวาย​ศานติ​บูชา

ยชว. 8:32 ณ ที่​นั้น​ท่าน​เขียน​ธรรม​บัญ​ญัติ​ของ​โมเสส​บน​หิน​ต่อ​หน้า​ประ​ชา​ชน​อิส​รา​เอล ซึ่ง​เป็น​สิ่ง​ที่​โมเสส​ได้​เขียน​ไว้

ยชว. 8:33 อิส​รา​เอล​ทั้ง​หมด ทั้ง​คน​ต่าง​ด้าว​และ​คน​ที่​เกิด​ใน​อิส​รา​เอล พร้อม​ทั้ง​ผู้​ใหญ่ เจ้า​หน้า​ที่​และ​ผู้​พิ​พาก​ษา​ยืน​อยู่​ทั้ง​สอง​ข้าง​ของ​หีบ ต่อ​หน้า​คน​เลวี​ที่​เป็น​ปุ​โร​หิต​ผู้​หาม​หีบ​พันธ​สัญ​ญา​ของ​พระ​ยาห์​เวห์ ครึ่ง​หนึ่ง​ยืน​อยู่​ข้าง​หน้า​ภูเขา​เกริ​ซิม อีก​ครึ่ง​หนึ่ง​ข้าง​หน้า​ภูเขา​เอ​บาล ดัง​ที่​โมเสส​ผู้​รับ​ใช้​ของ​พระ​ยาห์​เวห์​ได้​บัญชา​ไว้​ใน​ครั้ง​แรก​ให้​พวก​เขา​อวย​พร​แก่​คน​อิส​รา​เอล

ยชว. 8:34 หลัง​จาก​นั้น​ท่าน​จึง​อ่าน​ถ้อย​คำ​ใน​ธรรม​บัญ​ญัติ​เป็น​คำ​อวย​พร​และ​คำ​แช่ง​สาป ตาม​ที่​มี​จา​รึก​ไว้​ใน​หนัง​สือ​ธรรม​บัญ​ญัติ​ทุก​ประ​การ

ยชว. 8:35 ไม่​มี​คำ​ซึ่ง​โมเสส​ได้​บัญชา​ไว้​สัก​คำ​เดียว​ที่​โย​ชู​วา​ไม่​ได้​อ่าน​ต่อ​หน้า​ชุม​นุม​ชน​อิส​รา​เอล​ทั้ง​หมด รวม​ทั้ง​ผู้​หญิง​กับ​เด็กๆ และ​คน​ต่าง​ด้าว​ที่​อยู่​ใน​หมู่​พวก​เขา


ยด. 1:1 ยูดาส ผู้​รับใช้​ของ​พระ​เยซู​คริสต์​และ​เป็น​น้อง​ชาย​ของ​ยา​กอบ เรียน คน​ทั้ง​หลาย​ที่​ได้รับ​การ​ทรง​เรียก ผู้​เป็น​ที่รัก​ของ​พระ​เจ้า​พระ​บิดา และ​ได้รับ​การ​คุ้ม​ครอง​รัก​ษา​ไว้​เพื่อ​พระ​เยซู​คริสต์
ยด. 1:2 ขอ​พระ​เมต​ตา สัน​ติ​สุข และ​ความ​รัก​จง​เพิ่ม​พูน​แก่​ท่าน​ทั้ง​หลาย​ยิ่งๆ ขึ้น​เถิด
ยด. 1:3 ท่าน​ที่​รัก​ทั้งหลาย ข้าพ​เจ้า​ปรารถ​นา​อย่าง​ยิ่ง​ที่​จะ​เขียน​ถึง​ท่าน​เรื่อง​ความ​รอด​ที่​เรา​มี​ร่วม​กัน แต่​ข้าพ​เจ้า​เห็น​ว่า จำ​เป็น​จะ​ต้อง​เขียน​วิง​วอน​ท่าน​ให้​ต่อสู้​เพื่อ​หลัก​ความ​เชื่อ​ที่​ได้​ทรง​มอบ​ให้​กับ​พวก​ธรร​มิก​ชน​ครั้ง​เดียว​สำ​หรับ​ตลอด​ไป
ยด. 1:4 เพราะ​ว่า​บางคน​ได้​แอบ​แฝง​เข้า​มา​ใน​หมู่​ท่าน การ​ลงโทษ​คน​พวก​นี้​มี​เขียน​ไว้​นาน​แล้ว พวก​เขา​เป็น​คน​อธรรม​ที่​ถือ​เอา​พระ​คุณ​ของ​พระ​เจ้า​ของ​เรา​มา​บิด​เบือน​เป็น​ช่อง​ทาง​ทำ​ความ​ชั่วช้า​ลา​มก และ​ได้​ปฏิ​เสธ​พระ​เยซู​คริสต์​ผู้​ทรง​เป็น​เจ้า​นาย​และ​องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​ของ​เรา​แต่​องค์​เดียว
ยด. 1:5 ถึง​พวก​ท่าน​จะ​รู้​ข้อ​ความ​เหล่า​นี้​หมด​แล้ว ข้าพ​เจ้า​ก็​ปรารถ​นา​ให้​ท่าน​ระลึก​ว่า​แม้​องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​ทรง​ช่วย​ชน​ชาติ​หนึ่ง​ให้​รอด​พ้น​จาก​แผ่น​ดิน​อียิปต์ แต่​ภาย​หลัง​ก็​ทรง​ทำ​ลาย​คน​เหล่า​นั้น​ที่​ไม่​เชื่อ
ยด. 1:6 และ​พวก​ทูต​สวรรค์​ที่​ไม่​รัก​ษา​อำ​นาจ​ครอบ​ครอง​ของ​ตน​เอง แต่​ละ​ทิ้ง​ถิ่น​ฐาน​ของ​ตน พระ​องค์​ก็​ทรง​จอง​จำ​ไว้​ด้วย​โซ่​อัน​ไม่​รู้​จัก​สลาย​ใน​ที่​มืด​จน​กว่า​จะ​ถึง​เว​ลา​พิพาก​ษา​ใน​วัน​ยิ่ง​ใหญ่​นั้น
ยด. 1:7 สำ​หรับ​เมือง​โส​โดม​ เมือง​โก​โม​ราห์​ และ​เมือง​ต่างๆ ที่​อยู่​รอบๆ นั้น​ก็​เช่น​เดียว​กัน ได้​ประ​พฤติ​ผิด​ศีล​ธรรม​ทาง​เพศ​และ​มัว​เมา​ใน​กาม​วิต​ถาร จึง​เป็น​ตัว​อย่าง​ของ​การ​รับ​โทษ​ใน​ไฟ​นิรันดร์
ยด. 1:8 ใน​ทำ​นอง​เดียว​กัน​พวก​นัก​เพ้อ​ฝัน​เหล่า​นี้​ทำ​ให้​ตัว​เป็น​มล​ทิน และ​ปฏิ​เสธ​สิทธิ​อำ​นาจ​ของ​องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า และ​พูด​ลบ​หลู่​เทว​ทูต​ผู้​มี​ศักดิ์​ศรี
ยด. 1:9 แม้​แต่​มีคา​เอล​หัว​หน้า​ทูต​สวรรค์ เมื่อ​โต้​เถียง​กับ​มาร​เรื่อง​ศพ​ของ​โม​เสส ท่าน​เอง​ก็​ยัง​ไม่​บัง​อาจ​พูด​ลบ​หลู่​มาร​เลย แต่​พูด​เพียง​ว่า “ให้​องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​ทรง​ดุ​ว่า​เจ้า​เถิด” 
ยด. 1:10 แต่​ว่า​คน​เหล่า​นี้​พูด​ลบ​หลู่​สิ่ง​ที่​เขา​เอง​ไม่​เข้า​ใจ และ​ดัง​นั้น​โดย​สิ่ง​ที่​พวก​เขา​รู้​ตาม​สัญ​ชาต​ญาณ อย่าง​สัตว์​ที่​ไร้​เหตุผล เขา​จึง​ถูก​ทำ​ลาย
ยด. 1:11 วิบัติ​มี​แก่​พวก​เขา เพราะ​เขา​ดำ​เนิน​ตาม​ทาง​ของ​คา​อิน และ​ปล่อย​ตัว​ทำ​ตาม​ความ​ผิด​พลาด​ของ​บา​ลา​อัม เพราะ​เห็น​แก่​ได้ ฉะนั้น​จึง​พินาศ​ไป​อย่าง​กบฏ​ของ​โค​ราห์
ยด. 1:12 คน​เหล่า​นี้​เป็น​พวก​ที่​ทำ​ให้​งาน​เลี้ยง​เชื่อม​ความ​รัก​สา​มัคคี​ของ​พวก​ท่าน​เสื่อม​เสีย​ไป ขณะ​ที่​พวก​เขา​ร่วม​กิน​เลี้ยง​กับ​พวก​ท่าน​โดย​ปราศ​จาก​ความ​ยำ​เกรง เขา​เป็น​ผู้​เลี้ยง​แกะ​ที่​เลี้ยง​แต่​ตัว​เอง เป็น​เมฆ​ที่​ไม่​มี​น้ำ​ที่​ถูก​พัด​ลอย​ไป​ตาม​ลม เป็น​ต้น​ไม้​ที่​ไร้​ผล​ใน​ฤดู​ที่​ออก​ผล​และ​ตาย​มา​สอง​หน​แล้ว​เพราะ​ถูก​ถอน​ออก​ทั้ง​ราก
ยด. 1:13 เป็น​คลื่น​รุน​แรง​ใน​ทะ​เล​ที่​ซัด​ฟอง​แห่ง​ความ​บัดสี​ของ​ตน​เอง​ขึ้น​มา เป็น​ดวง​ดาว​ที่​พลัด​ออก​ไป​นอก​วง​โค​จร ความ​มืด​มิด​ถูก​สงวน​ไว้​สำ​หรับ​พวก​เขา​ตลอด​กาล
ยด. 1:14 คน​เหล่า​นี้​แหละ​ที่​เอ​โนคซึ่ง​เป็น​คน​ชั่ว​อายุ​ที่​เจ็ด​นับ​จาก​อา​ดัม​พยา​กรณ์​ไว้​ว่า นี่​แน่ะ องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​กำ​ลัง​เสด็จ​มา​พร้อม​กับ​ผู้​บริ​สุทธิ์​ของ​พระ​องค์​นับ​เป็น​หมื่นๆ
ยด. 1:15 เพื่อ​ทำ​การ​พิพาก​ษา​ทุก​คน และ​เพื่อ​ทำ​ให้​คน​อธรรม​ทุก​คน​สำ​นึก​ตัว​ถึง​การ​อธรรม​ทุก​อย่าง ที่​พวก​เขา​ทำ​ไป​ตาม​วิถี​ทาง​อธรรม​นั้น และ​สำ​นึก​ตัว​ถึง​ความ​หยาบ​ช้า​ทั้ง​หมด ที่​คน​บาป​ชั่ว​ได้​กล่าว​ร้าย​ต่อ​พระ​องค์
ยด. 1:16 คน​เหล่า​นี้​เป็น​พวก​ช่าง​บ่น​ช่าง​ติ ดำ​เนิน​ชีวิต​ตาม​ความ​ปรารถ​นา​ชั่ว​ของ​ตัว​เอง และ​ปาก​ของ​พวก​เขา​คุย​โว​โอ้​อวด และ​ยก​ยอ​ผู้​อื่น​เพื่อ​หวัง​ประ​โยชน์​ของ​ตน
ยด. 1:17 แต่​ว่า​ท่าน​ที่​รัก​ทั้ง​หลาย พึง​ระลึก​ถึง​คำ​พยา​กรณ์​ของ​พวก​อัคร​ทูต​ของ​พระ​เยซู​คริสต์​องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​ของ​เรา
ยด. 1:18 ท่าน​เหล่า​นั้น​บอก​ท่าน​ว่า “ใน​วาระ​สุด​ท้าย​จะ​มี​คน​ที่​ชอบ​เยาะ​เย้ย​เกิด​ขึ้น ที่​ดำ​เนิน​ชีวิต​ตาม​ความ​ปรารถ​นา​ชั่ว​ของ​ตัว​เอง”
ยด. 1:19 คน​เหล่า​นี้​คือ​คน​ที่​ก่อ​ให้​เกิด​ความ​แตก​แยก หมก​มุ่น​อยู่​ใน​โลกีย​วิสัย และ​ปราศ​จาก​พระ​วิญ​ญาณ
ยด. 1:20 แต่​ท่าน​ที่​รัก​ทั้ง​หลาย จง​สร้าง​ตัว​ของ​ท่าน​ขึ้น​บน​ความ​เชื่อ​อัน​บริ​สุทธิ์​ที่​สุด​ของ​ท่าน และ​จง​อธิษ​ฐาน​โดย​พระ​วิญ​ญาณ​บริ​สุทธิ์
ยด. 1:21 จง​รัก​ษา​ตัว​ให้​อยู่​ใน​ความ​รัก​ของ​พระ​เจ้า ขณะ​คอย​ให้​พระ​เมต​ตา​ของ​พระ​เยซู​คริสต์​องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​ของ​เรา​นำ​ท่าน​ไป​สู่​ชีวิต​นิรันดร์
ยด. 1:22 และ​จง​มี​ใจ​เมต​ตา​คน​ที่​ยัง​สง​สัย​อยู่
ยด. 1:23 จง​ช่วย​คน​ให้​รอด​ด้วย​การ​ฉุด​เขา​ออก​จาก​ไฟ และ​จง​เมต​ตา​ผู้​อื่น​ด้วย​ความ​ยำ​เกรง​พระ​เจ้า และ​จง​รัง​เกียจ​แม้​แต่​เสื้อ​ผ้า​ที่​เปรอะ​เปื้อน​ด้วย​กาย​ที่​เป็น​มล​ทิน
ยด. 1:24 แด่​พระ​องค์​ผู้​ทรง​สา​มารถ​ปก​ป้อง​พวก​ท่าน​ไม่​ให้​สะ​ดุด​ล้ม และ​ทรง​ตั้ง​พวก​ท่าน​อยู่​เบื้อง​หน้า​พระ​สิริ​ของ​พระ​องค์ โดย​ปราศ​จาก​ตำ​หนิ​และ​มี​ความ​ร่า​เริง​ยินดี
ยด. 1:25 ขอ​พระ​เกียรติ ความ​ยิ่ง​ใหญ่ อานุ​ภาพ และ​สิทธิ​อำ​นาจ จง​มี​แด่​พระ​เจ้า​องค์​เดียว ผู้​เป็น​พระ​ผู้​ช่วย​ให้​รอด​ของ​เรา โดย​ทาง​พระ​เยซู​คริสต์​องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​ของ​เรา ทั้ง​ใน​อดีต​กาล ปัจจุ​บัน​กาล และ​ใน​กาล​ต่อๆ ไป​เป็น​นิตย์ อาเมน

พระคัมภีร์ที่ฉันรักตอนที่ 70





1ซมอ. 3:3 ตะเกียง​ของ​พระ​เจ้า​ยัง​ไม่​ดับ ซา​มู​เอล​นอน​อยู่​ใน​พระ​นิเวศ​ของ​พระ​ยาห์​เวห์ ที่​ที่​หีบ​ของ​พระ​เจ้า​อยู่​ที่​นั่น

1ซมอ. 3:4 พระ​ยาห์​เวห์​ทรง​เรียก​ซา​มู​เอล​และ​ซา​มู​เอล​ทูล​ตอบ​ว่า “ข้าพ​เจ้า​อยู่​นี่”

1ซมอ. 3:5 เขา​จึง​วิ่ง​ไป​หา​เอลี​และ​ว่า “ข้าพ​เจ้า​อยู่​นี่ ท่าน​เรียก​ข้าพ​เจ้า” แต่​เอลี​ตอบ​ว่า “เรา​ไม่​ได้​เรียก​เจ้า จง​กลับ​ไป​นอน” เขา​ก็​ไป​นอน

1ซมอ. 3:6 และ​พระ​ยาห์​เวห์​ทรง​เรียก​ขึ้น​อีก​ว่า “ซา​มู​เอล​เอ๋ย” และ​ซา​มู​เอล​ก็​ลุก​ขึ้น​ไป​หา​เอลี​กล่าว​ว่า “ข้าพ​เจ้า​อยู่​นี่ ท่าน​เรียก​ข้าพ​เจ้า” แต่​เอลี​ตอบ​ว่า “ลูก​เอ๋ย เรา​ไม่​ได้​เรียก​เจ้า จง​กลับ​ไป​นอน”

1ซมอ. 3:7 ซา​มู​เอล​ไม่​เคย​รู้​จัก​พระ​ยาห์​เวห์ และ​พระ​ยาห์​เวห์​ยัง​ไม่​เคย​ทรง​สำแดง​พระ​ดำรัส​ของ​พระ​องค์​แก่​เขา

1ซมอ. 3:8 และ​พระ​ยาห์​เวห์​ทรง​เรียก​ซา​มู​เอล​ครั้ง​ที่​สาม ซา​มู​เอล​ก็​ลุก​ขึ้น​ไป​หา​เอลี กล่าว​ว่า “ข้าพ​เจ้า​อยู่​นี่ ท่าน​เรียก​ข้าพ​เจ้า” แล้ว​เอลี​จึง​เข้าใจ​ว่า พระ​ยาห์​เวห์​ทรง​เรียก​เด็ก​นั้น

1ซมอ. 3:9 เพราะ​ฉะนั้น​เอลี​จึง​พูด​กับ​ซา​มู​เอล​ว่า “จง​ไป​นอน​เสีย และ​ถ้า​พระ​องค์​ทรง​เรียก​เจ้า ให้​เจ้า​ทูล​ว่า ‘พระ​ยาห์​เวห์​เจ้า​ข้า ขอ​ตรัส​เถิด เพราะ​ผู้​รับ​ใช้​ของ​พระ​องค์​คอย​ฟัง​อยู่’ ” ซา​มู​เอล​จึง​กลับ​ไป​นอน​ใน​ที่​ของ​เขา

1ซมอ. 3:10 และ​พระ​ยาห์​เวห์​เสด็จ​มา​ทรง​ยืน​อยู่ ทรง​เรียก​อย่าง​ครั้ง​ก่อนๆ ว่า “ซา​มู​เอล ซา​มู​เอล​เอ๋ย” และ​ซา​มู​เอล​ทูล​ตอบ​ว่า “ขอ​ตรัส​เถิด เพราะ​ผู้​รับ​ใช้​ของ​พระ​องค์​คอย​ฟัง​อยู่”

1ซมอ. 3:19 และ​ซา​มู​เอล​ก็​เติบ​โต​ขึ้น และ​พระ​ยาห์​เวห์​สถิต​กับ​ท่าน​ไม่​ให้​วา​จา​ทั้งหมด​ของ​ท่าน​ตก​ไป​เปล่า



1คร. 6:13 “อา​หาร​มี​ไว้​สำ​หรับ​ท้อง และ​ท้อง​ก็​สำ​หรับ​อา​หาร” แต่​พระ​เจ้า​จะ​ทรง​ให้​ทั้ง​ท้อง​และ​อา​หาร​สูญ​สิ้น​ไป ร่าง​กาย​นั้น​ไม่​ได้​มี​ไว้​สำ​หรับ​การ​ล่วง​ประ​เวณี แต่​มี​ไว้​สำ​หรับ​องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า และ​องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​มี​ไว้​สำ​หรับ​ร่าง​กาย

1คร. 6:14 พระ​เจ้า​ทรง​ทำ​ให้​องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​เป็น​ขึ้น​มา และ​พระ​องค์​จะ​ทรง​ทำ​ให้​เรา​เป็น​ขึ้น​มา​โดย​ฤทธา​นุภาพ​ของ​พระ​องค์

1คร. 6:15 พวก​ท่าน​รู้​แล้ว​ไม่​ใช่​หรือ​ว่า​ร่าง​กาย​ของ​ท่าน​เป็น​อวัยวะ​ของ​พระ​คริสต์? เพราะ​ฉะนั้น ข้าพ​เจ้า​จะเอา​อวัยวะ​ของ​พระ​คริสต์ มา​ทำ​เป็น​อวัยวะ​ของ​หญิง​โส​เภ​ณี​ได้​หรือ? อย่า​ให้​เป็น​อย่าง​นั้น​เลย



1คร. 6:17 แต่​คน​ที่​ผูก​พัน​กับ​องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า ก็​เป็น​จิต​วิญ​ญาณ​เดียว​กับ​พระ​องค์

1คร. 6:18 จง​หลีก​หนี​จาก​การ​ล่วง​ประ​เวณี บาป​อย่าง​อื่น​ที่​มนุษย์​ทำ​นั้น​เป็น​บาป​นอก​กาย แต่​คน​ที่​ล่วง​ประ​เวณี​นั้น ทำ​ผิด​ต่อ​ร่าง​กาย​ของ​ตน​เอง

1คร. 6:19 ท่าน​รู้​แล้ว​ไม่​ใช่​หรือ​ว่า ร่าง​กาย​ของ​พวก​ท่าน​เป็น​วิหาร​ของ​พระ​วิญ​ญาณ​บริ​สุทธิ์​ผู้​สถิต​ใน​ท่าน ผู้​ซึ่ง​พวก​ท่าน​ได้​รับ​จาก​พระ​เจ้า และ​ท่าน​ทั้ง​หลาย​ไม่​ใช่​เจ้า​ของ​ตัว​ท่าน​เอง?

1คร. 6:20 เพราะ​ว่า​พระ​เจ้า​ทรง​ซื้อ​ท่าน​ไว้​แล้ว​ด้วย​รา​คา​สูง ฉะนั้น จง​ถวาย​พระ​เกียรติ​แด่​พระ​เจ้า​ด้วย​ร่าง​กาย​ของ​พวก​ท่าน​เถิด



ยน. 1:35 รุ่ง​ขึ้น ยอห์น​ยืน​อยู่​ที่​นั่น​อีก​กับ​ศิษย์​ของ​ท่าน​สอง​คน

ยน. 1:36 และ​ท่าน​มอง​ดู​พระ​เยซู​ขณะ​ที่​พระ​องค์​เสด็จ​ผ่าน​ไป และ​ท่าน​กล่าว​ว่า “จง​ดู​พระ​เมษ​โป​ดก​ของ​พระเจ้า”

ยน. 1:37 ศิษย์​สอง​คน​นั้น​ได้​ยิน​ท่าน​พูด​อย่าง​นี้​ก็​ติด​ตาม​พระ​เยซู​ไป

ยน. 1:38 พระ​เยซู​ทรง​เหลียว​กลับ​และ​ทอด​พระ​เนตร​เห็น​เขา​ทั้ง​สอง​ตาม​พระ​องค์​มา จึง​ตรัส​ถาม​เขา​ว่า “ท่าน​หา​อะไร​?” เขา​ทั้ง​สอง​ทูล​พระ​องค์​ว่า “รับบี (ซึ่ง​แปล​ว่า​ท่าน​อา​จารย์) ท่าน​พัก​อยู่​ที่​ไหน​?”

ยน. 1:39 พระ​องค์​ตรัส​ตอบ​พวก​เขา​ว่า “มา​ดู​เถิด” เขา​ก็​ไป​และ​เห็น​ที่​ซึ่ง​พระ​องค์​ประทับ และ​วัน​นั้น​ก็​พัก​อยู่​กับ​พระ​องค์ เพราะ​ขณะ​นั้น​ประ​มาณ​สี่​โมง​เย็น​แล้ว

ยน. 1:40 คน​หนึ่ง​ใน​สอง​คน​นั้น​ที่​ได้​ยิน​ยอห์น​พูด​และ​ติด​ตาม​พระ​องค์​ไป คือ​อัน​ดรูว์​น้อง​ชาย​ของ​ซีโมน​เป​โตร

ยน. 1:41 แล้ว​อัน​ดรูว์​ก็​ไป​หา​ซีโมน​พี่​ชาย​ของ​ตน​ก่อน และ​บอก​เขา​ว่า “เรา​พบ​พระ​เมส​สิ​ยาห์​แล้ว” ​(ซึ่ง​แปล​ว่า​พระ​คริสต์)

ยน. 1:42 อัน​ดรูว์​จึง​พา​ซีโมน​ไป​เฝ้า​พระ​เยซู เมื่อ​พระ​เยซู​ทอด​พระ​เนตร​เขา​แล้ว​ก็​ตรัส​ว่า “ท่าน​คือ​ซีโมน​บุตร​ยอห์น คน​จะ​เรียก​ท่าน​ว่า​เค​ฟาส” (ซึ่ง​แปล​ว่า​ศิลา)

ประวัติพลีชีพวอท์ชแมน นี 6

วันพุธที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2558

พระเจ้าพระราชทานสติปัญญาแห่งความเที่ยงแท้ ยากอบ1ข้อ5-6





พระเจ้าพระราชทานสติปัญญาแห่งความเที่ยงแท้

ยก. 1:5 แต่ถ้าผู้ใดในพวกท่านขาดสติปัญญา ก็ให้ผู้นั้นทูลขอจากพระเจ้าผู้ทรงโปรดพระราชทานให้แก่คนทั้งปวงด้วยพระทัยกว้างขวางและไม่ทรงตำหนิว่า แล้วพระองค์ก็จะทรงพระราชทานให้แก่ผู้นั้น

ยก. 1:6 แต่จงให้ผู้นั้นขอด้วยความเชื่อ อย่าได้สงสัย เพราะว่าผู้ที่สงสัยนั้นเป็นเหมือนคลื่นในทะเลที่ถูกลมพัดซัดไปมา

วันนี้ท่านมีความเชื่อพระเจ้าแค่ไหน

พี่น้องที่รักท่านสงสัยในความเชื่อที่มีต่อพระเจ้าหรืือไม่

คนที่สงสัยในความเชื่อนั่นเหมือนคลื่นที่ซัดไปมาจริงๆๆ

ขอพระเจ้าเปิดตาใจพี่น้องทุกท่านให้เราเชื่อในพระเจ้าอย่างมั่นคง

ให้พระองค์พระราชทานสติปัญญาแก่เราในการแสวงหาหลักความจริงในความเชื่อของเราที่มั่นคงต่อการแสวงหาแผ่นดินของพระเจ้านั่นคืออาณาจักของพระเจ้านั่นเอง

ในวันนี้ให้เราอธิษฐานทูลขอสติปัญญาในการแสวงหาอาณาจักรที่นิรันดร์ต่อพระเจ้าเถอะพี่น้องที่รักในพระคริสต์

การอธิษฐานขอสติปัญญาให้เข้าใจน้ำพระทัยของพระเจ้านั่นเป็นความเที่ยงแท้ที่นิรันดร์ถาวร

พระเจ้าจะพระราชทานตามที่พี่น้องอธิษฐานขอสติปัญญาในการแสวงหาในการอ่านเข้าใจพระคำของพระเจ้าในวันนี้ด้วยใจที่กว้างขวาง พระเจ้าไม่ทรงตำหนิในการอธิษฐานที่พี่น้องขอในสิ่งที่เป็นไปตามน้ำพระทัยด้วยพระเมตตาคุณของพระเจ้าวันนี้พี่น้องจะได้รับสิ่งที่อธิษฐานขอต่อพระเจ้าอย่างเที่ยงแท้แน่นอน

ดังนั้นวันนี้ในแผนการอันนิรันดร์ของพระเจ้าที่มีต่อเราพระเจ้าจะเติมเต็มสติปัญญาให้แก่พี่น้องที่รักในพระคริสต์ที่อธิษฐานขอพระราชทานความเข้าใจต่อพระเจ้าเรื่องพระอาณาจักรนิรันดร์นี่คือพระปัญญาคุณที่พระเจ้าพระราชทานให้แก่คริสเตียนทุกคนที่แสวงหาน้ำพระทัยของพระองค์ก่อนในวันนี้ เอเมน.

สิ่งที่วันนี้ได้จากอ่านการอธิษฐานต่อพระเจ้าของข้าพระองค์ในวันนี้คือความเชื่ออย่างไม่สงสัย

และให้ขอพระราชทานสติปัญญาต่อพระเจ้าในการแสวงหาอาณาจักรนิรันดร์ พระเจ้าได้พระราชทานสติปัญญามาให้ข้าพระองค์ในการอ่านพระคำของพระเจ้าช่วยให้ข้าพระองค์มีความเข้าใจพระคำของพระองค์ทีซ่อนข้อลับลึกังไว้ในพระคำของพระองค์

ด้วยพระเมตตาคุณที่มีพระทัยกว้างขวางแก่ข้าพระองค์ในวันนี้ข้าพระองค์จำต้องมุ่งหน้าไปสู่การแสวงหาอาณาจักรของพระเจ้าที่มีความเที่ยงแท้นิรันดร์เอเมน.

เช้าวันใหม่กับพระเยซู :แม่น้ำแห่งชีวิต 4





ยนซ.2:10 ...แม่น้ำสายหนึ่ง ไหลมาจากสวนเอเดน ทำให้สวนนั้นชุ่มชื่น จากที่นั่นก็แยกออกเป็นสี่แคว.

ยฮ.7:38 ผู้ที่เชื่อเข้าสู่เรา แม่น้ำที่มีชีวิต จะไหลออกจากภายในผู้นั้น เหมือนได้มีคำเขียนไว้แล้ว.



พระเจ้าพระผู้ไถ่ ทรงประทับอยู่บนพระที่นั่ง แจกจ่ายตัวของพระองค์เอง เข้าสู่ผู้ที่พระองค์ทรงไถ่ไว้ทั้งหมด....โดยแม่น้ำที่ไหลออกมาจากพระที่นั่ง. ตาม วว.22:1 แม่น้ำนี้ถูกเรียกว่า "แม่น้ำของน้ำที่มีชีวิต." แม่น้ำซึ่งมีแบบเล็งโดย แม่น้ำที่อยู่ใน ยนซ.2:10-14, บพส.46:4, และ ยอค.47:5-9 นั้นเป็นเครื่องหมายเล็งถึง ความบริบูรณ์แห่งชีวิตที่หลั่งไหล. แม่น้ำสายเดียวนี้ ไหลไปสู่สี่ทิศของเมืองบริสุทธิ์ เหมือนกับแม่น้ำสายเดียว ในเยเนซิศ 2:10-14 ซึ่งแยกออกเป็นสี่แคว. ตามที่ได้บ่งชี้ไว้ในโยฮัน 7:38 แม่น้ำสายเดียว พร้อมด้วยความอุดมสมบูรณ์ของแม่น้ำนี้ จะกลายเป็นแม่น้ำหลายสาย ในประสบการณ์ของเรา.

น้ำแห่งชีวิตเป็นสัญลักษณ์ของพระเจ้า ที่อยู่ในพระคริสต์ ในฐานะพระวิญญาณนั้น ที่ทรงให้พระองค์เอง หลั่งไหลเข้าสู่ พลไพร่ที่พระองค์ทรงไถ่ไว้ เพื่อจะเป็นชีวิตและการหล่อเลี้ยง แห่งชีวิตของพวกเขา. น้ำนี้มีแบบเล็งโดย น้ำที่ออกมาจากศิลาที่แยกออก (อซด.17:6; อฤธ.20:11) และมีสัญลักษณ์โดย น้ำที่ไหลออกมาจากสีข้าง ที่ถูกแทงขององค์พระเยซูเจ้า (ยฮ.19:34). ดังนั้นน้ำแห่งชีวิตนี้ จึงกลายเป็นแม่น้ำ ที่ไหลออกมาจากพระที่นั่ง ของพระเจ้าและของพระเมษโปดก เพื่อจะหล่อเลี้ยงและซาบซ่าน ทั่วทั้งกรุงเยรูซาเล็มใหม่. ดังนั้นเมืองนี้ จึงถูกเติมเต็ม ด้วยชีวิตอันศักดิ์สิทธิ์ เพื่อที่จะสำแดงพระเจ้า ในสง่าราศีแห่งชีวิตของพระองค์. (Life-study of Revelation, pp. 742-743)





เราต้องมาดูแม่น้ำนี้กัน ในรายละเอียดมากขึ้น. เยเนซิศ 2:10 กล่าวว่า "มีแม่น้ำสายหนึ่ง ไหลมาจากสวนเอเดน ทำให้สวนนั้นชุ่มชื่น จากที่นั่นก็แยกออกเป็นสี่แคว." จากข้อนี้ในที่สุด แม่น้ำสายเดียว ก็จะกลายเป็นสี่แคว ที่ไหลไปยังทั้งสี่ทิศของโลก. ในพันธสัญญาเดิม ยังมีพระคัมภีร์อีกหลายแห่ง ที่อ้างอิงแม่น้ำนี้. บทเพลงสรรเสริญ 46:4 กล่าวว่า "มีแม่น้ำสายหนึ่ง ซึ่งธารสาขาให้ความยินดี แก่เมืองของพระเจ้า." ในยะเอศเคล บทที่ 47 แม่น้ำที่ไหลออกมาจาก ใต้ธรณีประตูพระนิเวศได้กลายเป็น "แม่น้ำที่ลึกพอจะว่ายได้ แต่ข้ามไปไม่ได้" (ข้อ 5). ข้อ 9 ในบทเดียวกันกล่าวว่า "แม่น้ำไปถึงที่ไหน ทุกสิ่งก็มีชีวิต."



แม่น้ำนี้ยังถูกกล่าวถึง ในพันธสัญญาใหม่. ใน 1กธ.10:4 กล่าวถึงบุตรหลานชาวอิสราเอล ในขณะที่เขาเร่ร่อนในป่ากันดารว่า "และได้ดื่มน้ำฝ่ายวิญญาณ อย่างเดียวกันทุกคน ด้วยว่าเขาได้ดื่มน้ำ ซึ่งไหลออกมาจากศิลาฝ่ายวิญญาณ ที่ตามเขาไป ศิลานั้นก็คือพระคริสต์." เมื่อชาวอิสราเอลบ่นว่า เพราะเหตุการกระหายน้ำ พระเจ้าจึงบอกโมเซให้ตีศิลา แล้วน้ำก็จะไหลออกมาให้พลไพร่ได้ดื่ม (อซด.17:1-6)....น้ำที่ไหลออกมาจากศิลาที่ถูกตี เป็นแบบเล็งของพระวิญญาณ ผู้ประทานชีวิต. องค์พระเยซูเจ้า ก็ได้พูดถึงพระวิญญาณนี้ ในกิตติคุณโยฮัน. ใน ยฮ.4:10 องค์พระผู้เป็นเจ้าบ่งชี้ ต่อหญิงชาวซะมาเรียว่า พระองค์ทรงเป็นผู้ประทาน น้ำแห่งชีวิต และข้อ 14 พระองค์กล่าวว่า "แต่ผู้ใดจะดื่มน้ำ ซึ่งเราจะให้นั้น จะไม่กระหายเป็นนิรันดร์ แต่น้ำซึ่งเราจะให้เขา จะกลายเป็นแหล่งกำเนิด แห่งน้ำพุในตัวเขา พลุ่งขึ้นจนเข้าสู่ชีวิตนิรันดร์." ยิ่งไปกว่านั้น ใน ยฮ.7:37-38 องค์พระเยซูเจ้าตรัสว่า "ถ้าผู้ใดกระหาย ให้ผู้นั้นมาหาเราและดื่ม ผู้ที่เชื่อเข้าสู่เรา แม่น้ำที่มีชีวิต จะไหลออกมาจากภายในผู้นั้น ดังที่มีคำเขียนไว้แล้ว." ในที่นี้เราเห็นว่า แม่น้ำสายเดียว ได้กลายเป็นแม่น้ำหลายสาย. แม่น้ำแห่งน้ำที่มีชีวิต ก็คือการหลั่งไหลในด้านต่างๆ ของชีวิตแห่งแม่น้ำ ของน้ำที่มีชีวิตสายเดียวนี้ ซึ่งก็คือพระวิญญาณ แห่งชีวิตของพระเจ้า (ดู รม.15:30; 1ธซ.1:6; 2ธซ.2:13; ฆต.5:22-23; รม.8:2). ดังนั้นถ้าเราเข้าใจความหมาย ของแม่น้ำแห่งน้ำที่มีชีวิต ที่ได้ถูกกล่าวไว้ใน วว.22:1 เราก็จะต้องไปตามหาต้นกำเนิด และการพัฒนาของเรื่องของแม่น้ำนี้ ในพระคัมภีร์ทั้งเล่ม.



ข้อ 1 ยังกล่าวว่า แม่น้ำของน้ำแห่งชีวิตนั้น ใสดุจแก้วผลึก. ข้อเท็จจริงที่ว่าแม่น้ำ ของน้ำแห่งชีวิตนั้น ใสดุจแก้วผลึกนั้นหมายความว่า น้ำแห่งชีวิตนั้น ปราศจากความขุ่นหรือมัวหมอง. เมื่อน้ำแห่งชีวิตนี้ หลั่งไหลอยู่ภายในเรา ก็จะชำระเราให้บริสุทธิ์ และทำให้เราโปร่งใสดุจแก้วผลึก. ไม่มีสิ่งใดจะโปร่งใสไปกว่า การหลั่งไหลแห่งชีวิต ที่อยู่ภายในเราอีกแล้ว....เมื่อใดที่ท่านกล่าว "อาเมน" ต่อกฎแห่งชีวิตอันศักดิ์สิทธิ์ ที่อยู่ภายใน ท่านก็จะไม่เพียงได้รับการเพิ่มกำลัง, ทำให้ชุ่มชื่น, และใหม่สดเท่านั้น เรายังจะโปร่งใส ดุจแก้วผลึกอีกด้วย. ท่านจะไม่เพียงโปร่งแสง ต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่งเท่านั้น แต่ยังโปร่งใสต่อทุกสิ่งอีกด้วย.

พระเจ้าพระราชทานสติปัญญาแห่งความเที่ยงแท้

พระเจ้าพระราชทานสติปัญญาแห่งความเที่ยงแท้
ยก. 1:5 แต่ถ้าผู้ใดในพวกท่านขาดสติปัญญา ก็ให้ผู้นั้นทูลขอจากพระเจ้าผู้ทรงโปรดพระราชทานให้แก่คนทั้งปวงด้วยพระทัยกว้างขวางและไม่ทรงตำหนิว่า แล้วพระองค์ก็จะทรงพระราชทานให้แก่ผู้นั้น
ยก. 1:6 แต่จงให้ผู้นั้นด้วยความเชื่อ อย่าได้สงสัย เพราะว่าผู้ที่สงสัยนั้นเป็นเหมือนคลื่นในทะเลที่ถูกลมพัดซัดไปมา
วันนี้ท่านมีความเชื่อพระเจ้าแค่ไหน
พี่น้องที่รักท่านสงสัยในความเชื่อที่มีต่อพระเจ้าหรืือไม่
คนที่สงสัยในความเชื่อนั่นเหมือนคลื่นที่ซัดไปมาจริงๆๆ
ขอพระเจ้าเปิดตาใจพี่น้องทุกท่านให้เราเชื่อในพระเจ้าอย่างมั่นคง
ให้พระองค์พระราชทานสติปัญญาแก่เราในการแสวงหาหลักความจริงในความเชื่อของเราที่มั่นคงต่อการแสวงหาแผ่นดินของพระเจ้านั่นคืออาณาจักของพระเจ้านั่นเอง
ในวันนี้ให้เราอธิษฐานทูลขอสติปัญญาในการแสวงหาอาณาจักรที่นิรันดร์ต่อพระเจ้าเถอะพี่น้องที่รักในพระคริสต์
การอธิษฐานขอสติปัญญาให้เข้าใจน้ำพระทัยของพระเจ้านั่นเป็นความเที่ยงแท้ที่นิรันดร์ถาวร
พระเจ้าจะพระราชทานตามที่พี่น้องอธิษฐานขอสติปัญญาในการแสวงหาในการอ่านเข้าใจพระคำของพระเจ้าในวันนี้ด้วยใจที่กว้างขวาง พระเจ้าไม่ทรงตำหนิในการอธิษฐานที่พี่น้องขอในสิ่งที่เป็นไปตามน้ำพระทัยด้วยพระเมตตาคุณของพระเจ้าวันนี้พี่น้องจะได้รับสิ่งที่อธิษฐานขอต่อพระเจ้าอย่างเที่ยงแท้แน่นอน
ดังนั้นวันนี้ในแผนการอันนิรันดร์ของพระเจ้าที่มีต่อเราพระเจ้าจะเติมเต็มสติปัญญาให้แก่พี่น้องที่รักในพระคริสต์ที่อธิษฐานขอพระราชทานความเข้าใจต่อพระเจ้าเรื่องพระอาณาจักรนิรันดร์นี่คือพระปัญญาคุณที่พระเจ้าพระราชทานให้แก่คริสเตียนทุกคนที่แสวงหาน้ำพระทัยของพระองค์ก่อนในวันนี้ เอเมน.
สิ่งที่วันนี้ได้จากอ่านการอธิษฐานต่อพระเจ้าของข้าพระองค์ในวันนี้คือความเชื่ออย่างไม่สงสัย
และให้ขอพระราชทานสติปัญญาต่อพระเจ้าในการแสวงหาอาณาจักรนิรันดร์ พระเจ้าได้พระราชทานสติปัญญามาให้ข้าพระองค์ในการอ่านพระคำของพระเจ้าช่วยให้ข้าพระองค์มีความเข้าใจพระคำของพระองค์ทีซ่อนข้อลับลึกังไว้ในพระคำของพระองค์
ด้วยพระเมตตาคุณที่มีพระทัยกว้างขวางแก่ข้าพระองค์ในวันนี้ข้าพระองค์จำต้องมุ่งหน้าไปสู่การแสวงหาอาณาจักรของพระเจ้าที่มีความเที่ยงแท้นิรันดร์เอเมน.

แม่น้ำแห่งชีวิต 3





2กธ.13:14 ขอให้พระคุณ แห่งองค์พระเยซูคริสต์เจ้า, ความรักแห่งพระเจ้า, และการสามัคคีธรรม แห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ ดำรงอยู่กับท่านทั้งหลายเถิด.



ฮร.4:16 เหตุฉะนั้นให้เราทั้งหลายมีใจกล้า เข้ามาถึงพระที่นั่งแห่งพระคุณ เพื่อเราจะได้รับพระเมตตา และจะได้รับพระคุณ ที่จะช่วยเราในวาระที่ต้องการ.



ศูนย์กลางในชีวิตคริสเตียนของเรา คือพระที่นั่งของพระเจ้า และของพระเมษโปดก. เราไม่ได้มีชีวิตเป็นอยู่ในที่นี้ เพื่อตัวเราเอง. เรามีชีวิตเป็นอยู่และดำรงอยู่ เพื่อจะทำให้พระประสงค์ของพระเจ้า บรรลุผลสำเร็จ เพื่อทำให้สิ่งที่พระคริสต์ บรรลุผลสำเร็จนั้น สำเร็จเป็นจริง. ดังนั้นเราจึงประสบการณ์พระองค์ ประทับอยู่บนพระที่นั่ง ในฐานะประมุขและ ฐานะองค์พระผู้เป็นเจ้าของพระองค์ และเราก็ได้นอบน้อมตัวเราเอง ต่ออำนาจเช่นนี้. ในชีวิตประจำวันของเรา, ชีวิตครอบครัวของเรา, ชีวิตสมรสของเรา, ชีวิตในธุรกิจของเรา, และในชีวิตคริสตจักรของเรา จะต้องมีพระที่นั่งของพระเจ้า เป็นศูนย์กลาง. ทุกสิ่งจะต้องนอบน้อม ต่อฐานะประมุขของพระองค์.



เราทุกคนล้วนได้ประสบการณ์ว่า ทุกครั้งที่ตัวเรานอบน้อม ต่อฐานะประมุขนี้ ภายในเราก็จะรู้สึกถึงบางสิ่ง ที่เต็มไปด้วยการหลั่งไหล ที่อุดมสมบูรณ์ของพระเจ้าทันที. นี่ก็คือการหลั่งไหล ของพระเจ้าตรีเอกภาพเป็นชีวิต, การหล่อเลี้ยงแห่งชีวิต, และทุกสิ่งต่อเรา. เรารู้สึกถึงการหลั่งไหลเช่นนี้ อยู่ภายในเรา และการหลั่งไหลนี้ ก็มาจากพระที่นั่งของพระเจ้า และของพระเมษโปดก มาเป็นน้ำแห่งชีวิต. (God's New Testament Economy, pp. 388)





ใน วว. 22:1 เราเห็นถึงการหลั่งไหล ของตรีเอกภาพอันศักดิ์สิทธิ์ - พระเจ้า, พระเมษโปดก, และน้ำแห่งชีวิต (พระวิญญาณนั้น). ตาม ยฮ.7:38-39 น้ำแห่งชีวิตชี้ถึง พระวิญญาณนั้น. พระเจ้าทรงเป็นผู้ตั้งพระประสงค์, พระองค์ทรงกลายเป็น พระเมษโปดกผู้ทำการไถ่ (ยฮ.1:1, 14), และสุดท้าย พระองค์ก็ทรงกลายเป็น พระวิญญาณผู้ประทานชีวิต และหลั่งไหล (1กธ.15:45ข). พระเจ้าทรงหลั่งไหลในน้ำแห่งชีวิต, พระเมษโปดกทรงหลั่งไหล ในน้ำแห่งชีวิต, และพระวิญญาณนั้น ทรงหลั่งไหลในฐานะน้ำแห่งชีวิต. ดังนั้นนี่ก็คือ การหลั่งไหลของตรีเอกภาพ ซึ่งก็คือการหลั่งไหล ของตรีเอกภาพอันศักดิ์สิทธิ์ ในฐานะการหล่อเลี้ยงแห่งชีวิต.



เราไม่ควรยึดสิ่งนี้ เป็นเพียงคำสอนทางศาสนศาสตร์. ตามประสบการณ์ในชีวิตประจำวัน คริสเตียนอย่างเรา ควรจะประสบการณ์ การหลั่งไหลของตรีเอกภาพ อันศักดิ์สิทธิ์ทุกๆ วัน. ทุกๆ เช้าหลังจากตื่นนอน เราจะต้องกล่าวว่า "ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอบพระคุณพระองค์สำหรับวันใหม่ ที่ให้ข้าพเจ้ายึดพระองค์ เป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้า. ข้าพเจ้าขอนอบน้อม อยู่ภายใต้ฐานะประมุขของพระองค์ ตลอดทั้งวันนี้. พระองค์เจ้าข้า โปรดตั้งพระที่นั่งของพระองค์ขึ้น ในชีวิตของข้าพเจ้า. ตั้งพระที่นั่งของพระองค์ขึ้น ที่ศูนย์กลางแห่งตัวของข้าพเจ้า. พระองค์เจ้าข้า โปรดให้ทั้งวันนี้ พร้อมด้วยชีวิตประจำวันของข้าพเจ้า อยู่ภายใต้พระที่นั่งของพระองค์." ถ้าเราอธิษฐานเช่นนี้ ต่อพระเจ้าตรีเอกภาพทุกๆ เช้า เราก็จะมีน้ำที่มีชีวิต หลั่งไหลอยู่ภายในเราตั้งแต่ตอนนั้น. การหลั่งไหลของน้ำที่มีชีวิตนี้ ก็คือการหลั่งไหลของพระเจ้าตรีเอกภาพ. การที่วันนี้พระเจ้าตรีเอกภาพ สามารถหลั่งไหลอยู่ภายในท่านนั้น ไม่ใช่สิ่งที่เล็กน้อยเลย. พระองค์ทรงหลั่งไหลอยู่ในท่าน ในฐานะพระองค์ผู้ตั้งพระประสงค์, ผู้ทำการไถ่, และผู้เป็นพระวิญญาณ ผู้ประทานชีวิต. พระองค์ผู้นี้ก็คือ การสำเร็จสุดยอด ของพระเจ้าตรีเอกภาพ ที่มาถึงเราในฐานะน้ำที่มีชีวิต.



คริสเตียนมากมายในวันนี้ ได้พลาดจากการเปิดเผย ที่เป็นทัศนะภายในเช่นนี้ไป. ข้าพเจ้าหวังว่าเราทุกคน จะตระหนักในประสบการณ์ของเราว่า ทุกครั้งที่เรานอบน้อม ต่อพระเจ้าตรีเอกภาพ โดยยึดพระองค์เป็นศีรษะของเรา เราก็จะรับสุขการหลั่งไหล ของน้ำแห่งชีวิตที่อยู่ภายในเรา.



เราต้องตระหนักว่า ทุกครั้งที่พระที่นั่งจากไป ก็จะไม่มีแหล่งกำเนิดแห่งการหลั่งไหล. นี่คือสาเหตุที่หลายครั้ง เรามีความรู้สึกว่าแห้งแล้ง กระทั่งแห้งเหือดไป. เราไม่มีการหลั่งไหล ของน้ำที่มีชีวิต ก็เพราะเราไม่เห็นด้วย หรือไม่ยอมรับในฐานะเจ้านาย, ฐานะประมุข, และอำนาจของพระเจ้าตรีเอกภาพ อยู่ในศูนย์กลางของตัวเรา. นี่จึงเป็นเหตุผลที่ว่า พระที่นั่งจึงเป็นสิ่งสุดท้าย ที่ได้เปิดเผยไว้เกี่ยวกับกรุงเยรูซาเล็มใหม่. หากปราศจากพระที่นั่ง กรุงเยรูซาเล็มใหม่ ก็จะไม่มีศูนย์กลาง และหากปราศจากพระที่นั่ง ก็จะไม่มีการหลั่งไหลแห่งชีวิต. ในที่สุดทั้งกรุงเยรูซาเล็มใหม่ ก็จะแห้งเหือดไป และกระทั่งอดตาย. น้ำแห่งชีวิตหลั่งไหลออกจากพระที่นั่ง และต้นไม้แห่งชีวิต ก็เติบโตในน้ำแห่งชีวิต และสองข้างของแม่น้ำแห่งน้ำที่มีชีวิต ในฐานะไม้เลื้อยที่บังเกิดผลตามเวลา เพื่อมาเป็นอาหาร สำหรับผู้ที่พระเจ้าทรงไถ่ ไปตราบชั่วนิรันดร์. ทั้งแม่น้ำแห่งชีวิต และต้นไม้แห่งชีวิต ล้วนเป็นผลลัพธ์ที่ออกมาจากพระที่นั่ง. หากในท่านไม่มีพระที่นั่ง แล้วผลลัพธ์คืออะไร? คริสเตียนหลายคนแห้งเหือด, อดตาย, และไม่เติบโตในชีวิต ก็เพราะพระที่นั่งถูกวางไว้แค่ในสวรรค์ แต่ไม่ใช่ในประสบการณ์ของพวกเขา.

วันอังคารที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2558

แม่น้ำแห่งชีวิต 2





วว.22:1 ทูตสวรรค์ยังได้ชี้ให้ข้าพเจ้าเห็น แม่น้ำแห่งชีวิตสายหนึ่ง ใสดุจแก้วผลึก ไหลออกมาจากพระที่นั่งของพระเจ้า และของพระเมษโปดก ลงมากลางถนนในเมืองนั้น.



วว.22:3 ไม่มีการสาปแช่งใดๆ อีกต่อไป. ในเมืองนั้น มีพระที่นั่งของพระเจ้า และของพระเมษโปดก และบรรดาผู้ทาสของพระองค์ จะปรนนิบัติพระองค์.



ทุกประเทศล้วนมีศูนย์กลาง. ศูนย์กลางของประเทศก็คือ เมืองหลวงของประเทศ อันเป็นที่ตั้งของรัฐบาลกลาง. กรุงเยรูซาเล็มใหม่ ก็มีศูนย์กลางเหมือนกัน นั่นคือพระที่นั่งของพระเจ้า พระผู้ไถ่ของเรา ซึ่งก็คือพระที่นั่งของพระเจ้า และของพระเมษโปดก (วว.22:1).



พระที่นั่งของพระเจ้า และของพระเมษโปดก ซึ่งเป็นพระที่นั่งเดียว ที่มีไว้สำหรับทั้งพระเจ้า และพระเมษโปดกนี้ เป็นเครื่องหมายเล็งว่า พระเจ้าและพระเมษโปดก ทรงเป็นหนึ่งเดียวกัน - พระเมษโปดก - พระเจ้า หรือพระเจ้าพระผู้ไถ่. ในนิรันดร์กาล พระเจ้าผู้ทรงประทับอยู่บนพระที่นั่ง ก็คือพระเจ้าพระผู้ไถ่ของเรา โดยมีแม่น้ำของน้ำแห่งชีวิต ไหลออกมาจากพระที่นั่งของพระองค์ สำหรับการหล่อเลี้ยง และความอิ่มหนำของเรา. นี่เป็นภาพบรรยายว่า พระเจ้าตรีเอกภาพ - พระเจ้า, พระเมษโปดก, และพระวิญญาณนั้น ผู้มีน้ำแห่งชีวิตเป็นสัญลักษณ์ - ทรงแจกจ่ายตัวของพระองค์ เข้าสู่เหล่าผู้ที่พระองค์ทรงไถ่ไว้ ภายใต้ฐานะประมุขของพระองค์ (ซึ่งถูกเปิดเผยเป็นนัยไว้ โดยอำนาจแห่งพระที่นั่ง) ในโลกนิรันดร์ได้อย่างไร. (Life-study of Revelation, pp. 739-740)





ในวิวรณ์บทที่ 22 เรามองเห็นพระที่นั่งที่พระเจ้า และพระเมษโปดกทรงประทับ (ข้อ 1, 3). คำกริยา "ประทับ" ในภาษาอังกฤษ ไม่ได้อยู่ในรูปพหูพจน์ แต่ข้าพเจ้าตั้งใจใช้รูปเอกพจน์ เนื่องจากพระเจ้า และพระเมษโปดกนั้นไม่ใช่สอง แต่เป็นหนึ่ง. พระเมษโปดกคือดวงประทีป และพระเจ้าก็คือ ความสว่างที่อยู่ในพระองค์ (21:23; 22:5). จากพระที่นั่งนั้น มีแม่น้ำของน้ำที่มีชีวิตไหลออกมา. พระเจ้าทรงเป็นเครื่องหมายเล็งถึง ผู้เนรมิตสร้าง ส่วนพระเมษโปดก เป็นเครื่องหมายเล็งถึง พระผู้ไถ่ที่ประทับบนพระที่นั่ง. จากพระที่นั่งที่พระเจ้า และพระเมษโปดกทรงประทับอยู่นั้น มีแม่น้ำของน้ำที่มีชีวิตไหลออกมา ซึ่งเป็นเครื่องหมายเล็งถึง พระวิญญาณผู้เป็นผู้ให้บังเกิดใหม่. พระเจ้าทรงเนรมิตสร้าง, พระเมษโปดกทรงไถ่, และพระวิญญาณผู้หลั่งไหลนั้น ทำให้บังเกิดใหม่.



ท่านจำต้องบอกคนบาปว่า พวกเขาสามารถรับสุขพระเจ้า เป็นผู้เนรมิตสร้างของเขา, รับสุขพระเมษโปดก เป็นพระผู้ไถ่ของเขา, และรับสุขน้ำแห่งชีวิต ซึ่งก็คือพระวิญญาณนั้น ผู้ทำให้บังเกิดใหม่. พวกเขาจะได้รับการบังเกิดใหม่ และการบังเกิดใหม่ของพวกเขา จะเป็นทางเข้าสู่การรับสุขที่ดีเลิศ, ครบสมบูรณ์, และอัศจรรย์. ข้าพเจ้าเชื่อว่าคนบาป จะสามารถเข้าใจสิ่งนี้....หากเราทำการ "ปรุง" เรื่องราวเหล่านี้ เราก็จะสามารถประกาศกิตติคุณที่ดีที่สุด ซึ่งมาแต่กรุงเยรูซาเล็มใหม่. (Elders' Training, Book 2: The Vision of the Lord's Recovery, pp. 66-68)



เราต้องสังเกตว่าในที่นี้ ไม่ได้มีสองพระที่นั่ง พระที่นั่งหนึ่งสำหรับพระเจ้า และอีกพระที่นั่งหนึ่ง สำหรับพระเมษโปดก. จากการใช้วิธีการพูด ตามขนบธรรมเนียม ในศาสนาคริสต์ การอ้างถึงพระเจ้า และพระเมษโปดกนั้น เป็นสองตัวตนที่แยกออกจากกัน แต่ประทับอยู่บนพระที่นั่งเดียวกัน. แล้วพระเจ้ากับพระเมษโปดก จะประทับอยู่บนพระที่นั่งเดียวกันได้อย่างไร? ทั้งสองพระองค์ ทรงประทับขนานกันหรือ? ใน วว.21:23 เราพบการเชื่อมโยง ที่จะให้คำตอบที่ถูกต้องแก่คำถามนี้. ในข้อนี้พระเจ้า ทรงเปรียบเหมือนความสว่าง ส่วนพระเมษโปดก ทรงเปรียบเหมือนดวงประทีป. ความสว่างกับดวงประทีปนั้น ไม่สามารถแยกออกจากกันได้; และก็ไม่สามารถอยู่ขนานกันได้ด้วย. ทว่าความสว่างนั้น ส่องสว่างออกมาจากภายในดวงประทีป. ดังนั้นพระเจ้าผู้เป็นความสว่าง ทรงอยู่ในพระเมษโปดกผู้เป็นดวงประทีป. พระเจ้าและพระเมษโปดก ไม่ได้ทรงประทับอยู่ข้างๆ กัน ทว่าพระเจ้าผู้นี้ ทรงอยู่ภายในพระเมษโปดก ผู้ทรงเป็นดวงประทีป และส่องสว่างออกมาผ่านพระองค์....ข้อเท็จจริงที่ว่าทั้งสองพระองค์ ทรงประทับอยู่บนพระที่นั่งเดียวกันนั้น บ่งชี้ว่าทั้งสองไม่ได้เป็นสอง แต่เป็นหนึ่งเดียวกัน.



พระองค์ผู้ทรงประทับอยู่บนพระที่นั่งนั้น เป็นทั้งพระเจ้าผู้เนรมิตสร้าง และพระเมษโปดกผู้ทรงไถ่. ดังนั้นเราสามารถเรียกพระองค์ว่า พระเจ้าพระเมษโปดก. นี่หมายความว่า พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าพระผู้ไถ่. พระเจ้าพระผู้ไถ่นี้ ทรงอยู่บนพระที่นั่ง แห่งการบริหารของพระองค์ เพื่อพระองค์จะได้ทรงแจกจ่ายตัวของพระองค์เอง เข้าสู่ผู้ที่พระองค์ทรงไถ่ทุกคน. (Life-study of Revelation, pp. 740-741)



ในประสบการณ์คริสเตียนของเรา สิ่งที่พิเศษเพียงสิ่งเดียว ควรจะเป็นพระที่นั่งของพระองค์ ผู้ตั้งพระประสงค์ และของพระองค์ผู้ทำการไถ่. พระที่นั่งเช่นนี้ จะต้องถูกตั้งขึ้นภายในเรา และสิ่งนี้ก็ควรจะเป็นศูนย์กลาง แห่งชีวิตคริสเตียนของเรา. นี่หมายความว่า เราได้ยอมรับพระเจ้า ผู้ตั้งพระประสงค์และ พระคริสต์ผู้ทำการไถ่มาเป็นประมุข, องค์พระผู้เป็นเจ้า, และอำนาจของเรา. เราควรจะยินดีที่จะสยบตัวเรา ต่อฐานะประมุขเช่นนี้. เราชื่นชมนมัสการพระองค์ เป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า และเราก็ยึดพระองค์ เป็นอำนาจของเรา. เราให้พระองค์ทรงตั้งพระที่นั่งในตัวของเรา และในชีวิตคริสเตียนของเรา

แม่น้ำแห่งชีวิต 1





วว.3:12 ผู้ใดมีชัยชนะ เราจะทำให้ผู้นั้นเป็นเสาในพระวิหาร แห่งพระเจ้าของเรา...และเราจะจารึก พระนามของพระเจ้าของเรา และชื่อเมืองแห่งพระเจ้าของเราไว้ที่ผู้นั้น (คือกรุงเยรูซาเล็มใหม่ ที่ลอยลงมาจากสวรรค์จากพระเจ้าของเรา) และจะจารึกนามใหม่ของเราไว้บนผู้นั้นด้วย.



ผปก.3:11 ...แม้พระองค์ทรงบรรจุนิรันดร์ ไว้ในใจของมนุษย์ แต่มนุษย์ยังไม่อาจค้นพบว่า พระเจ้าทรงกระทำอะไรไว้ ตั้งแต่แรกเริ่มจนกาลสุดปลาย



เมื่อเราเข้าสู่บทบันทึกทั้งหมด ที่เกี่ยวข้องกับกรุงเยรูซาเล็มใหม่ เราก็จะเข้าใจโดยอัตโนมัติว่า สิ่งนี้มีความเกี่ยวข้องอย่างยิ่ง ต่อประสบการณ์ส่วนตัว ที่มีต่อพระเจ้าตรีเอกภาพ. อย่าได้คิดว่ากรุงเยรูซาเล็มใหม่ เป็นเพียงเรื่องทางทัศนะภายนอก ที่อยู่ในอนาคต ที่มีไว้สำหรับกลุ่มคนบางกลุ่มเท่านั้น. เราจะต้องตระหนักว่า สิ่งที่ได้บันทึกไว้ในวิวรณ์ บทที่ 21-22 ควรจะเป็นกลายเป็นประสบการณ์ อย่างเป็นส่วนตัวของเราในวันนี้. หากพูดตามประสบการณ์แล้ว คริสเตียนที่ถูกต้อง และปกติทุกคนล้วนเป็น "กรุงเยรูซาเล็มใหม่ขนาดย่อม." สิ่งใดก็ตามที่มีความเกี่ยวข้อง กับกรุงเยรูซาเล็มใหม่อย่างเป็นกลุ่มชน ก็ควรจะกลายเป็นประสบการณ์ของเรา อย่างเป็นปัจเจกชนและเป็นส่วนตัวด้วย. ภายในเราแต่ละคน ล้วนมีประตูสามประตู แห่งตรีเอกภาพอันศักดิ์สิทธิ์. ยิ่งไปกว่านั้น ภายในเราแต่ละคน ก็จะต้องมีพระที่นั่งของพระเจ้า และของพระเมษโปดก. เราจะต้องให้พระองค์ ประทับบนพระที่นั่งในใจและ ในวิญญาณของเรา. กล่าวอีกอย่างหนึ่งก็คือ ในศูนย์กลางแห่งทั้งตัวของเรานั้น ควรจะกลายเป็นพระที่นั่งของพระเจ้า และของพระเมษโปดก. (God's New Testament Economy, pp. 387-388)



มุมมองของพระเจ้านั้น คือจากนิรันดร์กาลไปจนถึงนิรันดร์กาล....พระเจ้าประสงค์ที่จะได้รับมาซึ่งมนุษย์; พระองค์ประสงค์ให้มนุษย์ มาถวายสง่าราศีแด่พระองค์. การประกาศกิตติคุณของเรา และการได้คนของเรานั้น ล้วนมีเพื่อบรรลุถึงพระประสงค์นี้. ดังนั้นบุตรของพระเจ้า จึงต้องมีนิมิต คือนิมิตที่เกี่ยวกับนิรันดร์. นิมิตจะมาเปลี่ยนแปลงการงาน, มุมมอง, และชีวิตคริสเตียนของเรา. ทันทีที่เรามองเห็นนิมิต เราก็ไม่อาจคงอยู่ ในการงานที่เล็กน้อยของเราได้อีก. เราไม่อาจยึดติดกับมุมมอง และวิธีการของเราในอดีต และเราก็ไม่สามารถคำนึงถึงผลได้ผลเสีย อันเล็กน้อยเหล่านั้นได้อีก.



เราต้องตระหนักว่า เป็นการง่ายที่เราจะลืมสิ่งที่เราได้ยิน แต่สิ่งที่เราได้เห็นนั้นไม่ง่ายที่จะลืม. การลืมหลักธรรมต่างๆ นั้นก็เป็นเรื่องง่าย แต่การลืมนิมิตนั้นไม่ง่ายเลย....การงานทั้งหมดของเรา ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ จะต้องมีความเกี่ยวข้องกับ โครงการของพระเจ้า. ถ้าการงานเหล่านั้น ไม่เชื่อมโยงกับโครงการของพระองค์ ก็ไม่อาจนับว่าเป็นการงานของพระเจ้าได้. (CWWN, vol.36, pp. 42-44)



[ใน ผปก.3:11 นิรันดร์คือ] "ความรู้สึกที่มีจุดประสงค์ ซึ่งพระเจ้าทรงปลูกถ่ายไว้ และได้ดำเนินการมาตลอดทุกยุคทุกสมัย โดยที่ไม่มีสิ่งอื่นใดภายใต้ตะวัน สามารถทำให้มีความรู้สึกที่อิ่มหนำได้ นอกจากพระเจ้าเท่านั้น" (The Amplified Bible). พระเจ้าทรงเนรมิตสร้างมนุษย์ ตามพระฉายาของพระองค์ และทรงสร้างวิญญาณใส่ไว้ในมนุษย์ เพื่อมนุษย์จะได้ต้อนรับ และบรรจุพระองค์ (ยนซ.1:26 และคำอธิบาย 3; 2:7 และคำอธิบาย 5). นอกจากนี้ พระเจ้ายังทรงเอานิรันดร์ ซึ่งก็คือความปรารถนา อยากได้สิ่งที่เป็นนิรันดร์ มาใส่ไว้ในใจของมนุษย์ เพื่อมนุษย์จะได้แสวงหาพระเจ้า ผู้เป็นนิรันดร์. ดังนั้นสิ่งที่ดำรงอยู่ชั่วคราว จึงไม่สามารถทำให้มนุษย์อิ่มหนำได้; มีเพียงพระเจ้าองค์นิรันดร์ ซึ่งก็คือพระคริสต์เท่านั้น จึงจะสามารถทำให้ความรู้สึก ที่มีจุดประสงค์ ในส่วนลึกแห่งใจของมนุษย์นั้นอิ่มหนำ (เทียบ 2กธ.4:18). (ผปก.3:11 คำอธิบาย 1)



[พระนามของพระคริสต์ คืออิมมานูเอล] ซึ่งแปลว่า "พระเจ้าอยู่กับเรา"....การสำเร็จเป็นจริงที่สุดยอด [ของเครื่องหมายใน ยซย. 7:14] ก็คือการกลายเป็นเนื้อหนัง ซึ่งพระเยซูคริสต์ได้บังเกิดจากมาเรีย หญิงพรหมจารีย์ เป็นทารกที่มีสองสภาพ คือสภาพพระเจ้ากับสภาพมนุษย์ ซึ่งได้นำมาซึ่งอิมมานูเอล นั่นก็คือพระเจ้าอยู่กับเรา เพื่อมาเป็นการช่วยให้รอด แห่งพลไพร่ของพระเจ้า ซึ่งครอบคลุม ทั้งชาวอิสราเอลทั้งหลาย และคริสตจักร (มธ.1:20-23 และคำอธิบาย). พระคริสต์ผู้เป็นมนุษย์พระเจ้า ที่เป็นการผสมกลมกลืน ระหว่างพระเจ้ากับมนุษย์ ผู้เป็นหน่อของพระยะโฮวา และผลของแผ่นดินนั้น (ยซย.4:2) ทรงเป็นอิมมานูเอล ซึ่งก็คือพระเจ้าอยู่กับเรา (มธ.18:20; 28:20). อิมมานูเอลนั้น ทรงครอบคลุมสรรพสิ่ง; ก่อนอื่นพระองค์ทรงเป็น พระผู้ช่วยของเรา (ลก.2:11) ต่อมาทรงเป็นพระผู้ไถ่ของเรา (ยฮ.1:29) จากนั้นก็ทรงเป็น ผู้ประทานชีวิตของเรา (1กธ.15:45ข) และต่อจากนั้นทรงเป็น พระวิญญาณผู้ครอบคลุมสรรพสิ่ง ที่อาศัยอยู่ภายใน (ยฮ.14:16-20; รม.8:9-11). อันที่จริง เนื้อหาของพันธสัญญาใหม่ทั้งเล่ม ก็คืออิมมานูเอล (มธ.1:23; 18:20; 28:20; วว.21:3) และผู้เชื่อทุกคนที่อยู่ในพระคริสต์ ซึ่งเป็นเหล่าอวัยวะของพระคริสต์นั้น ก็คือส่วนหนึ่ง ของอิมมานูเอลที่ยิ่งใหญ่ผู้นี้ นั่นคือพระคริสต์แห่งกลุ่มชน (1กธ.12:12; กซ.3:10-11).หมายสำคัญแห่งอิมมานูเอลนี้ จะสำเร็จสุดยอดในกรุงเยรูซาเล็มใหม่ ซึ่งจะเป็นการรวบยอด แห่งอิมมานูเอล หรือการรวมยอด ของพระเจ้าสถิตอยู่กับเรา. (ยซย.7:14 คำอธิบาย 1)

เลือกอ่านค้นคว้า: God's New Testament Economy, ch.38; CWWN,vol.36, "A Prayer for Revelation", pp.33-57

พระคำที่มีชีวิต





พระคำที่มีชีวิต.

ฮบ. 4:12

เพราะว่าพระวจนะของพระเจ้านั้นมีชีวิตและทรงพลานุภาพอยู่เสมอ

และคมยิ่งกว่าดาบสองคมใดๆ แทงทะลุกระทั่งแยกจิตและวิญญาณ

ทั้งข้อกระดูกและไขในกระดูก

และสามารถวินิจฉัยความคิดและความมุ่งหมายในใจด้วย

ขอบพระคุณพระเจ้าสำหรับพระคำของพระเจ้าในวันนี้ได้ย้ำเตือนข้าพระองค์อีกครั้งหนึ่งที่ข้าพระองค์จำต้องมุ่งมั่นยึดหลักในพระคำของพระเจ้าที่มีชีวิตอยู่ พระคำก็คือพระเจ้า พระเจ้าก็คือพระคำที่เป็นชีวิตหล่อเลี้ยงข้าพระองค์ พระคำของพระเจ้าเป็นต้นไม้แห่งชีวิตที่ข้าพระองค์จะกินเพื่อความเจริญเติบโตในการดำเนินชีวิต่ายวิญญาณ การดำเนิชีวิต่ายจิตพระคำของพระองค์เป็นพระคำที่แทงทะลุแยกจิตและวิญญาณของข้าพระองค์ พระคำของพระเจ้าสามารถวินิจฉัยความรักชอบเนื้อหนังข้าพระองค์ตลอดจนวินิจฉัยการดำเนินชีิวิตให้เป็นไปตามพระวิญญาณบริสุทธิ์

ทุกๆๆเช้าพระคำของพระองค์และตลอดทั้งวันข้าพระองค์ติดสนิทกับพระคำของพระองค์ตราบใดที่พระองค์ยังพระราชทานลมหายใจให้แก่ข้าพระองค์ในการมีชีวิตอยู่ข้าพระองค์จะมอบลมหายใจนี้ถวายแด่พระคำของพระองค์

ขอบคุณพระเจ้าที่พระราชทานตาให้ข้าพระองค์ได้ไว้อ่านแสวงหาพระคำของพระเจ้านี่คือความมหัศจรรย์ที่ยิ่งใหญ่ของข้าพระองค์จริงๆๆ

การได้อ่านพระคำของพระเจ้าสิ่งที่เราจะได้คือการแยกจิต กับวิญญาณออกจากกัน

ดังนั้นคริสเตียนคือสาวกของพระเยซูคริสต์ต้องอ่านพระคำของพระเจ้าในพระคัมภีร์

พี่น้องที่รักในพระคริสต์วันนี้ท่านต้องจ่ายราคาอันมีค่าถวายแด่พระคำของพระเจ้า

การซื้อพระคัมภีร์ไม่ว่าจะเวอร์ชั่นไหนนั่นล้วนเป็นการสำแดงความรักของพี่น้องที่มีต่อพระคริสต์อย่างแท้จริง

ข้อให้เราผูกติดกับพระคำเป็นดั่งลมหายใจเข้าออก กินและดื่มพระคำของพระเจ้าเป็นอาหารแห่งชีวิตที่ครบถ้วนสมบูรณ์ทำให้ร่างกาน่ายวิญญาณและชีวิต่ายจิตได้รับความเจริญเติบโตพัฒนาชีวิตคริสเตียนได้ก้าวหน้าในวิญญาณไปเรื่อย

การอ่านพระคำจะได้รับการเปิดเผยจากพระเจ้าอย่างมหัศจรรย์ขึ้นเรื่อยอ่านหลายๆๆรอบหลายๆๆเที่ยวข้อลับลึกในพระคำของพระเจ้านั้นจะเปิดเผยแก่พี่น้องเองในที่สุด

นี่คือพระประสงค์ของพระเจ้าจริงๆๆที่ต้องการให้เราแสวงหาพระคำแห่งชีวิต

สรรเสริญพระเจ้า

ทีนี้ให้มาดูในพระคัมภีร์ฉับบฟื้นฟู

เฮ็บรายบทที่4ข้อ12

เพราะว่าพระคำของพระเจ้านั้น มีชีวิตและมีประสิทธิฺภาพคมยิ่งกว่า ดาบสองคมใดๆ และสามารถแทงทะลุกระทั้งแยกได้ทั้งจิต และวิญญาณทั้งข้อกระดูกและไขกระดูก

และไขในกระดูก อีกทั้งสามารถวินิจฉัยความนึกคิด และความมุ่งหมายในใจได้

พระคำของพระเจ้าที่อ้างอิงมาจากพระคัมภีร์เดิมสามารถแทงทะลุเข้าไปในความสงสัยและความสับสนของพี่น้องได้ บ่อยครั้งพี่น้องไม่สามารถหาคำตอบได้ด้วความสามารถของเนื้อหนัง แต่ได้รับการดลใจมาจากพระคำของพระเจ้า เมื่อพี่น้องเปิดตาอ่านพระคำของพระเจ้านั่นเอง

ในหลักการแยกจิตออกจากวิญญาณนั้น จิตจำเป็นต้องแตกหักเสียก่อนแตกหักในเรื่องความสงสัยในพระเจ้า พระคำ ความรอด ความเชื่อ และผลประโยชน์ต่อตนเองฝ่ายเดียวซึ่งทั้งหมดนี้อยู่ในจิตของเรานั่นเอง

ดังนั้นจำเป็นที่จิตของเราจะต้องถูกขจัดจัดการเสียก่อน จากพระคำของพระเจ้าที่มีชีวิตและมีประสิทธิภาพนั่นเองที่จะสามารถแทงทะลุจิตของเราทำให้จิตได้แตกหักเสียเพื่อช่วยให้วิญญาณของเราได้ถูกแยกออกจากจิตได้นั่นเอง

จิตในที่นี้ก็คือตัวของเรานั่นเอง ในการติดตามองค์พระผู้เป็นเจ้าเราจำเป็นต้องปฎิเสธชีวิต่ายจิตอย่างสิ้นเชิง นั่นก็คือตัวของเราเอง

(ให้อ่านมธ.16ข้อ25 และลูกา9ข้อ25)

ส่วนวิญญาณของเรานั้นเป็นส่วนที่อยู่ลึกที่สุด เป็นอวัยวะ่ายวิญญาณในการที่เราใช้ติดต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า เมื่อเาได้รับการบังเกิดใหม่พระวิญญาณของพระเจ้าคือพระวิญญาณบริสุทธิ์ได้ผสมผสานกับวิญญาณของเรา

รม. 8:16 พระวิญญาณนั้นเป็นพยานร่วมกับจิตวิญญาณของเราว่า เราเป็นลูกของพระเจ้า

เมื่อมาถึงตรงนี้สิ่งที่เราควรจะทำคือปฎิเสธจิตของตัวเอง มุ่งหน้าเข้าสู่วิญญาณของตนอย่างแท้จริง

เพื่อจะได้มีส่วนรับสุขพระคริสต์ฝ่ายสวรรค์

เพื่อจะมีส่วนในการพักสงบในอาณาจักรพันปี

หากเรายังคงวนเวียนเร่ร่อนอยู่ในจิตเราก็อยากที่จะเข้าถึงเป้าหมาของพระเจ้า และจะสูญเสียการรับสุขที่สมบูรณ์ และการพักสงบในอาณาจักรด้วย

ด้วยเหตุนี้ใจของเราต้องรักพระเจ้าก่อนนั่นเอง

ถ้าใจของเรารักพระเจ้า เราก็จะรักในการอ่านพระคำของพระเจ้า

ถ้าใจของเรารักพระเจ้าจิตของเราก็จะยอมจำนนต่อการถูกปฎิเสธชีวิต่ายจิต

ถ้าใจของเรารักพระเจ้า เราก็จะได้รับการเติบโตฝ่ายวิญญาณในที่สุด

ดั้งนั้นสิ่งสำคัญที่สุดในวันนี้เราต้องให้ใใจเรารักพระเจ้าเราต้องให้ใจเรารักการอ่านพระคำของพระเจ้า เราต้องให้ใจช่วยกำจัดจิตของเราเสียก่อน

มาถึงตรงนี้สิ่งหนึ่งทีพบคือการเติบโตทางวิญญาณของเรานั้นต้องอาศัยพระคำที่มีชีวิตนั่นเอง ขอพระเจ้านำพาให้พี่น้องรักชอบในพระคำของพระเจ้าดั่งเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตที่ขาดไม่ได้เลย เอเมน

พระคำที่มีชีวิต

พระคำที่มีชีวิต.
ฮบ. 4:12 
เพราะว่าพระวจนะของพระเจ้านั้นมีชีวิตและทรงพลานุภาพอยู่เสมอ 
และคมยิ่งกว่าดาบสองคมใดๆ แทงทะลุกระทั่งแยกจิตและวิญญาณ 
ทั้งข้อกระดูกและไขในกระดูก 
และสามารถวินิจฉัยความคิดและความมุ่งหมายในใจด้วย
ขอบพระคุณพระเจ้าสำหรับพระคำของพระเจ้าในวันนี้ได้ย้ำเตือนข้าพระองค์อีกครั้งหนึ่งที่ข้าพระองค์จำต้องมุ่งมั่นยึดหลักในพระคำของพระเจ้าที่มีชีวิตอยู่ พระคำก็คือพระเจ้า พระเจ้าก็คือพระคำที่เป็นชีวิตหล่อเลี้ยงข้าพระองค์ พระคำของพระเจ้าเป็นต้นไม้แห่งชีวิตที่ข้าพระองค์จะกินเพื่อความเจริญเติบโตในการดำเนินชีวิต่ายวิญญาณ การดำเนิชีวิต่ายจิตพระคำของพระองค์เป็นพระคำที่แทงทะลุแยกจิตและวิญญาณของข้าพระองค์ พระคำของพระเจ้าสามารถวินิจฉัยความรักชอบเนื้อหนังข้าพระองค์ตลอดจนวินิจฉัยการดำเนินชีิวิตให้เป็นไปตามพระวิญญาณบริสุทธิ์
ทุกๆๆเช้าพระคำของพระองค์และตลอดทั้งวันข้าพระองค์ติดสนิทกับพระคำของพระองค์ตราบใดที่พระองค์ยังพระราชทานลมหายใจให้แก่ข้าพระองค์ในการมีชีวิตอยู่ข้าพระองค์จะมอบลมหายใจนี้ถวายแด่พระคำของพระองค์
ขอบคุณพระเจ้าที่พระราชทานตาให้ข้าพระองค์ได้ไว้อ่านแสวงหาพระคำของพระเจ้านี่คือความมหัศจรรย์ที่ยิ่งใหญ่ของข้าพระองค์จริงๆๆ
การได้อ่านพระคำของพระเจ้าสิ่งที่เราจะได้คือการแยกจิต กับวิญญาณออกจากกัน
ดังนั้นคริสเตียนคือสาวกของพระเยซูคริสต์ต้องอ่านพระคำของพระเจ้าในพระคัมภีร์
พี่น้องที่รักในพระคริสต์วันนี้ท่านต้องจ่ายราคาอันมีค่าถวายแด่พระคำของพระเจ้า
การซื้อพระคัมภีร์ไม่ว่าจะเวอร์ชั่นไหนนั่นล้วนเป็นการสำแดงความรักของพี่น้องที่มีต่อพระคริสต์อย่างแท้จริง
ข้อให้เราผูกติดกับพระคำเป็นดั่งลมหายใจเข้าออก กินและดื่มพระคำของพระเจ้าเป็นอาหารแห่งชีวิตที่ครบถ้วนสมบูรณ์ทำให้ร่างกาน่ายวิญญาณและชีวิต่ายจิตได้รับความเจริญเติบโตพัฒนาชีวิตคริสเตียนได้ก้าวหน้าในวิญญาณไปเรื่อย
การอ่านพระคำจะได้รับการเปิดเผยจากพระเจ้าอย่างมหัศจรรย์ขึ้นเรื่อยอ่านหลายๆๆรอบหลายๆๆเที่ยวข้อลับลึกในพระคำของพระเจ้านั้นจะเปิดเผยแก่พี่น้องเองในที่สุด
นี่คือพระประสงค์ของพระเจ้าจริงๆๆที่ต้องการให้เราแสวงหาพระคำแห่งชีวิต
สรรเสริญพระเจ้า
ทีนี้ให้มาดูในพระคัมภีร์ฉับบฟื้นฟู
เฮ็บรายบทที่4ข้อ12
เพราะว่าพระคำของพระเจ้านั้น มีชีวิตและมีประสิทธิฺภาพคมยิ่งกว่า ดาบสองคมใดๆ และสามารถแทงทะลุกระทั้งแยกได้ทั้งจิต และวิญญาณทั้งข้อกระดูกและไขกระดูก
และไขในกระดูก อีกทั้งสามารถวินิจฉัยความนึกคิด และความมุ่งหมายในใจได้
พระคำของพระเจ้าที่อ้างอิงมาจากพระคัมภีร์เดิมสามารถแทงทะลุเข้าไปในความสงสัยและความสับสนของพี่น้องได้ บ่อยครั้งพี่น้องไม่สามารถหาคำตอบได้ด้วความสามารถของเนื้อหนัง แต่ได้รับการดลใจมาจากพระคำของพระเจ้า เมื่อพี่น้องเปิดตาอ่านพระคำของพระเจ้านั่นเอง
ในหลักการแยกจิตออกจากวิญญาณนั้น จิตจำเป็นต้องแตกหักเสียก่อนแตกหักในเรื่องความสงสัยในพระเจ้า พระคำ ความรอด ความเชื่อ และผลประโยชน์ต่อตนเองฝ่ายเดียวซึ่งทั้งหมดนี้อยู่ในจิตของเรานั่นเอง
ดังนั้นจำเป็นที่จิตของเราจะต้องถูกขจัดจัดการเสียก่อน จากพระคำของพระเจ้าที่มีชีวิตและมีประสิทธิภาพนั่นเองที่จะสามารถแทงทะลุจิตของเราทำให้จิตได้แตกหักเสียเพื่อช่วยให้วิญญาณของเราได้ถูกแยกออกจากจิตได้นั่นเอง
จิตในที่นี้ก็คือตัวของเรานั่นเอง ในการติดตามองค์พระผู้เป็นเจ้าเราจำเป็นต้องปฎิเสธชีวิต่ายจิตอย่างสิ้นเชิง นั่นก็คือตัวของเราเอง
(ให้อ่านมธ.16ข้อ25 และลูกา9ข้อ25)
ส่วนวิญญาณของเรานั้นเป็นส่วนที่อยู่ลึกที่สุด เป็นอวัยวะ่ายวิญญาณในการที่เราใช้ติดต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า เมื่อเาได้รับการบังเกิดใหม่พระวิญญาณของพระเจ้าคือพระวิญญาณบริสุทธิ์ได้ผสมผสานกับวิญญาณของเรา
รม. 8:16 พระวิญญาณนั้นเป็นพยานร่วมกับจิตวิญญาณของเราว่า เราเป็นลูกของพระเจ้า
เมื่อมาถึงตรงนี้สิ่งที่เราควรจะทำคือปฎิเสธจิตของตัวเอง มุ่งหน้าเข้าสู่วิญญาณของตนอย่างแท้จริง
เพื่อจะได้มีส่วนรับสุขพระคริสต์ฝ่ายสวรรค์
เพื่อจะมีส่วนในการพักสงบในอาณาจักรพันปี
หากเรายังคงวนเวียนเร่ร่อนอยู่ในจิตเราก็อยากที่จะเข้าถึงเป้าหมาของพระเจ้า และจะสูญเสียการรับสุขที่สมบูรณ์ และการพักสงบในอาณาจักรด้วย
ด้วยเหตุนี้ใจของเราต้องรักพระเจ้าก่อนนั่นเอง
ถ้าใจของเรารักพระเจ้า เราก็จะรักในการอ่านพระคำของพระเจ้า
ถ้าใจของเรารักพระเจ้าจิตของเราก็จะยอมจำนนต่อการถูกปฎิเสธชีวิต่ายจิต
ถ้าใจของเรารักพระเจ้า เราก็จะได้รับการเติบโตฝ่ายวิญญาณในที่สุด
ดั้งนั้นสิ่งสำคัญที่สุดในวันนี้เราต้องให้ใใจเรารักพระเจ้าเราต้องให้ใจเรารักการอ่านพระคำของพระเจ้า เราต้องให้ใจช่วยกำจัดจิตของเราเสียก่อน
มาถึงตรงนี้สิ่งหนึ่งทีพบคือการเติบโตทางวิญญาณของเรานั้นต้องอาศัยพระคำที่มีชีวิตนั่นเอง ขอพระเจ้านำพาให้พี่น้องรักชอบในพระคำของพระเจ้าดั่งเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตที่ขาดไม่ได้เลย เอเมน

วันเสาร์ที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2558

ประวัติพลีชีพ วอท์ชแมน นี 2

หัวใจของปฐมกาล 6





มธ.6:13 ...เหตุว่าอาณาจักรและฤทธิ์เดช และสง่าราศีเป็นของพระองค์สืบๆ ไปเป็นนิตย์. อาเมน.



วว.21:11 เมืองนั้นมีสง่าราศีของพระเจ้า. แสงสว่างของเมืองนั้น ดุจเพชรพลอยที่มีราคามาก เหมือนกับแก้วมณีโชติสุกใส ราวกับแก้วผลึก.



แม้ในจักรวาล จะมีผู้เชื่อเป็นจำนวนมาก แต่ก็มีคนใหม่เพียงคนเดียวเท่านั้น. ผู้เชื่อทุกคน ล้วนเป็นส่วนประกอบของคนใหม่ แห่งกลุ่มชนของจักรวาลนี้. ถ้าดูตาม อฟ.4:13 จะเห็นว่า เราต้องเติบโตจนกว่า จะบรรลุถึงการเป็นผู้ใหญ่อย่างเต็มที่ และในข้อ 24 จะเห็นว่าในภาคปฏิบัตินั้น เราต้องสวมใส่คนใหม่.



ในบทที่ 6 เราจะเห็นว่า คริสตจักรคือนักรบ เพื่อจัดการกับศัตรูของพระเจ้า ซึ่งก็คือมาร. ในการสู้รบฝ่ายวิญญาณ เราต้องมีทั้งฤทธิ์เดช ขององค์พระผู้เป็นเจ้า และยุทธภัณฑ์ทั้งชุดของพระเจ้า. คริสตจักรคือนักรบแห่งกลุ่มชน และผู้เชื่อทั้งหลาย ล้วนเป็นส่วนของนักรบ ที่มีเพียงหนึ่งเดียวนี้. เราต้องทำการสู้รบฝ่ายวิญญาณ อยู่ในพระกาย อย่าได้สู้รบตามลำพัง. (Life-study of Ephesians, p. 622-623)





ถ้าดูตาม ดนอ.2:35 และ 44 จะเห็นว่า พระคริสต์จะเสด็จมาในฐานะหิน ซึ่งถูกตัดออกมามิใช่ด้วยมือมนุษย์ เพื่อจะบดขยี้ปฏิมากรใหญ่รูปมนุษย์ ตั้งแต่นิ้วเท้าไปจนถึงศีรษะ.... ทว่าพระองค์จะไม่เสด็จมาตามลำพัง แต่พระองค์จะเสด็จมา พร้อมกับเจ้าสาวของพระองค์ (วว.19:11, 14). ก่อนที่จะเสด็จมา พระองค์จะมีการสมรส เพื่อให้เหล่าผู้มีชัยชนะของพระองค์ จะได้เข้าสนิทเป็นกายจริง กายเดียวกับพระองค์ (ข้อ 7-9). ดานิเอลบทที่ 2 กล่าวถึงพระคริสต์ผู้เสด็จมา ในฐานะหินที่ถูกตัดออกมา ไม่ใช่ด้วยมือมนุษย์ วิวรณ์บทที่ 19 กล่าวถึงพระคริสต์ ผู้เสด็จมาพร้อมกับเจ้าสาว ที่เป็นกองทัพของพระองค์.... หลังจากที่บดขยี้ การปกครองของมนุษย์แล้ว พระเจ้าจะทรงสะสางทั้งจักรวาลนี้. สิ่งทรงสร้างเก่าจะผ่านพ้นไป และอำนาจแห่งการปกครองของมนุษย์ ก็จะกลายเป็นแกลบ ที่ถูกลมพัดกระจายไป. จากนั้นพระคริสต์แห่งกลุ่มชน ซึ่งก็คือพระคริสต์ พร้อมด้วยเหล่าผู้มีชัยชนะ ของพระองค์ ก็จะกลายเป็นภูเขาใหญ่ ที่เติมเต็มทั่วแผ่นดินโลก เพื่อทำให้แผ่นดินโลก กลายเป็นอาณาจักรของพระเจ้า (ดนอ.2:35, 44). ในเวลานั้น ทั้งแผ่นดินโลกและสวรรค์ ก็จะถูกเปลี่ยนใหม่ เพื่อให้พระเจ้าดำเนินการ ในอาณาจักรของพระองค์. (Life-study of Daniel, p.75)



ในยุคหน้า การเข้าสู่อาณาจักรของพระเจ้า และการเข้าสู่สง่าราศีของพระเจ้า จะเกิดขึ้นพร้อมกัน. เมื่อเราเป็นอยู่โดยชีวิตอันศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งก็คือชีวิตของพระเจ้า เราย่อมจะสำแดง พระเจ้าอย่างแน่นอน และพระเจ้าที่สำแดงออกมา ก็คือสง่าราศีอันศักดิ์สิทธิ์. ในเมื่อเราดำเนินชีวิตเช่นนี้ เราจึงอยู่ในสง่าราศีอันศักดิ์สิทธิ์. จากนั้นเราก็จะอยู่ในอาณาจักร ของพระเจ้าอย่างอัตโนมัติ เพราะอาณาจักรของพระเจ้า ก็คือการปรากฏของพระเจ้า ในสง่าราศี พร้อมด้วยอำนาจของพระองค์ เพื่อการบริหารอันศักดิ์สิทธิ์ ของพระองค์. ดังนั้นการเข้าสู่อาณาจักรของพระเจ้า และการเข้าสู่สง่าราศี ที่สำแดงออกมาของพระเจ้า จึงเกิดขึ้นในเวลาเดียวกัน และเป็นเรื่องเดียวกัน.... [มัดธาย 6:13] บ่งชี้ว่าสง่าราศีของพระเจ้า ย่อมควบคู่ไปกับ อาณาจักรของพระองค์ และสำแดงออกมา ในขอบเขตแห่งอาณาจักรของพระองค์. อาณาจักรคือ ขอบเขตที่ให้พระเจ้าทรงใช้ ฤทธิ์เดชของพระองค์ เพื่อจะสำแดงสง่าราศีของพระองค์. (The Conclusion of the New Testament, p. 2662)



ในเวลาที่องค์พระผู้เป็นเจ้าเสด็จมา พระองค์จะทรงรับ ผู้มีชัยชนะไปเท่านั้น ผู้เชื่อที่เหลือจะถูกทิ้งไว้ เป็นอีกประเภทหนึ่ง เพราะพวกเขายังไม่สุกงอม ในชีวิตอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์. ในอาณาจักรพันปี เหล่าผู้เชื่อที่มีชัยชนะ จะอยู่ร่วมกับพระคริสต์ ในสง่าราศีที่สว่างไสวแห่งอาณาจักร. (The Overcomers, p.10)



ทั้งกรุงเยรูซาเล็มใหม่ ได้สำแดงพระเจ้า โดยมีลักษณะที่ปรากฏ เหมือนกับพระเจ้า. กรุงเยรูซาเล็มใหม่ ยังใช้อำนาจของพระเจ้า มาผดุงไว้ ซึ่งอำนาจครอบครองของพระเจ้า ไปตราบชั่วนิรันดร์อีกด้วย. ทุกวันนี้เมล็ดพันธุ์ทั้งสองนี้ ก็กำลังเติบโตขึ้นอยู่ภายในท่าน และข้าพเจ้า. พระฉายาของพระเจ้า และอำนาจของพระเจ้า กำลังเติบโตขึ้นอยู่ภายในเรา อย่างต่อเนื่อง. (บทเรียนชีวิตเยเนซิศ, หน้า 98)



แก้วมณีโชติคือ ลักษณะที่ปรากฏของพระเจ้า (วว.4:3). ดังนั้นกำแพงแก้วมณีโชติ [ใน 21:11] จึงเป็นเครื่องหมายเล็งว่า ทั้งเมืองนั้น ซึ่งเป็นการสำแดง แห่งกลุ่มชนของพระเจ้า ที่อยู่ในโลกนิรันดร์ ล้วนมีลักษณะที่ปรากฏของพระเจ้า. เมื่อเราอยู่ในกรุงเยรูซาเล็มใหม่ เราจะแปลกใจที่ได้เห็นว่า ลักษณะที่ปรากฏทางภายนอก ของทั้งเมืองนั้น ล้วนเหมือนกัน คือเหมือนแก้วมณีโชติ. (Life-study of Revelation, p. 699)



บรรดาประชาชาติ จะเดินไปด้วยแสงสว่าง ของกรุงเยรูซาเล็มใหม่ ซึ่งเป็นการก่อสร้างทางอินทรียภาพ. ดังนั้นทั้งอาณาจักร ที่นิรันดร์ของพระเจ้า จะอยู่ภายใต้การฉายส่อง แห่งสง่าราศีของพระเจ้า ที่อยู่ในพระผู้ไถ่ ผ่านเหล่าผู้ที่ได้รับการไถ่ ซึ่งเป็นตัวกระจายแสง. อาณาจักรที่นิรันดร์ของพระเจ้า ครอบคลุมทั้งกรุงเยรูซาเล็มใหม่ และบรรดาประชาชาติ ที่รายล้อมเมืองนั้น.(The Conclusion of the New Testament, p. 4461)

วันศุกร์ที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2558

การรับบัพติสมาด้วยน้ำและพระวิญญาณบริสุทธิ์ อธิบายยอหฺ์น3ข้อ5-6





ยน. 3:5 พระเยซูตรัสว่า “เราบอกความจริงกับท่านว่า ถ้าใครไม่ได้เกิดจากน้ำและพระวิญญาณ คนนั้นจะเข้าในแผ่นดินของพระเจ้าไม่ได้

ยน. 3:6 ที่เกิดจากเนื้อหนังก็เป็นเนื้อหนัง และที่เกิดจากพระวิญญาณก็เป็นวิญญาณ

คำว่าน้ำ

เป็นแนวคิดศูนย์กลางแห่งการปฎิบัติของโยฮันผู้ให้บัพติสมา เพื่อให้มนุษย์แห่งการทรงสร้างเก่าได้สิ้นสุดลง

ส่วนพระวิญญาณ

เป็นแนวคิดศูนย์กลางแห่งการปฎิบัติของพระเยซูซึ่งมีเพื่อให้มนุษย์ได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ในสิ่งทรงสร้างใหม่

เมื่อรวมคิดที่สำคัญทั้งสองนี้เข้าด้วยกัน หมายถึงความครบถ้วนของการบังเกิดใหม่

การบังเกิดใหม่คือ การสิ้นสุดมนุษย์สิ่งทรงสร้างเก่ารวมถึงการประพฤติด้วย ทำให้มนุษย์เริ่มต้นชีวิตใหม่ในสิ่งทรงสร้างใหม่ด้วยชีวิตของพระเจ้า

ในข้อ6 วิญญาณคำแรกคือพระวิญญาณอันศักดฺ์สิทธิ์คือพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้า ในส่วนวิญญาณคำที่สองเป็นวิญญาณของมนุษย์ที่ได้รับการบังเกิดใหม่

พระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้าได้กระทำให้การบังเกิดใหม่ได้สำเร็จในวิญญาณของมนุษย์โดยชีวิตของพระเจ้าซึ่งเป็นชีวิตนิรันดร์และไม่ได้ถูกสร้าง

ดังนั้นการบังเกิดใหม่ก็คือการที่มนุษย์ได้รับชีวิตนิรันดร์ของพระเจ้า มาเป็นแหล่งกำเนิดใหม่ เป็นองค์ประกอบใหม่ของคนใหม่นั่นเอง

ขอบคุณพระเจ้าสำหรับวันนี้ที่เราทั้งหลายได้เกิดใหม่มีชีวิตใหม่จากน้ำและพระวิญญาณบริสุทธิ์แล้ว เราทั้งหลายจึงมีสิทธิอันชอบธรรมที่จะเข้าไปในอาณาจักรของพระเจ้าแผ่นดินของพระเจ้าได้ นี่คือข่าวดีที่สุดสำหรับวันนี้ของพี่น้องที่รักในพระคริสต์. เอเมน.

ข่าวดีวันนี้เราทั้งหลายเข้าในแผ่นดินของพระเจ้าได้แล้ว

ยน. 3:5 พระเยซูตรัสว่า “เราบอกความจริงกับท่านว่า ถ้าใครไม่ได้เกิดจากน้ำและพระวิญญาณ คนนั้นจะเข้าในแผ่นดินของพระเจ้าไม่ได้
ยน. 3:6 ที่เกิดจากเนื้อหนังก็เป็นเนื้อหนัง และที่เกิดจากพระวิญญาณก็เป็นวิญญาณ
คำว่าน้ำ
เป็นแนวคิดศูนย์กลางแห่งการปฎิบัติของโยฮันผู้ให้บัพติสมา เพื่อให้มนุษย์แห่งการทรงสร้างเก่าได้สิ้นสุดลง
ส่วนพระวิญญาณ
เป็นแนวคิดศูนย์กลางแห่งการปฎิบัติของพระเยซูซึ่งมีเพื่อให้มนุษย์ได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ในสิ่งทรงสร้างใหม่
เมื่อรวมคิดที่สำคัญทั้งสองนี้เข้าด้วยกัน หมายถึงความครบถ้วนของการบังเกิดใหม่
การบังเกิดใหม่คือ การสิ้นสุดมนุษย์สิ่งทรงสร้างเก่ารวมถึงการประพฤติด้วย ทำให้มนุษย์เริ่มต้นชีวิตใหม่ในสิ่งทรงสร้างใหม่ด้วยชีวิตของพระเจ้า
ในข้อ6 วิญญาณคำแรกคือพระวิญญาณอันศักดฺ์สิทธิ์คือพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้า ในส่วนวิญญาณคำที่สองเป็นวิญญาณของมนุษย์ที่ได้รับการบังเกิดใหม่
พระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้าได้กระทำให้การบังเกิดใหม่ได้สำเร็จในวิญญาณของมนุษย์โดยชีวิตของพระเจ้าซึ่งเป็นชีวิตนิรันดร์และไม่ได้ถูกสร้าง
ดังนั้นการบังเกิดใหม่ก็คือการที่มนุษย์ได้รับชีวิตนิรันดร์ของพระเจ้า มาเป็นแหล่งกำเนิดใหม่ เป็นองค์ประกอบใหม่ของคนใหม่นั่นเอง

ขอบคุณพระเจ้าสำหรับวันนี้ที่เราทั้งหลายได้เกิดใหม่มีชีวิตใหม่จากน้ำและพระวิญญาณบริสุทธิ์แล้ว เราทั้งหลายจึงมีสิทธิอันชอบธรรมที่จะเข้าไปในอาณาจักรของพระเจ้าแผ่นดินของพระเจ้าได้ นี่คือข่าวดีที่สุดสำหรับวันนี้ของพี่น้องที่รักในพระคริสต์. เอเมน.