วันศุกร์ที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ดำเนินชีวิตแบบพระคริสต์ 72

ดำเนินชีวิตแบบพระคริสต์ 72
มีพี่น้องชายคนหนึ่งเกิดความรู้สึกเบื่อหน่ายต่อการดำรงชีวิตในปัจจุบันนี้เป็นอย่างมาก ตลอดชีวิตที่ผ่านมานั้นพี่น้องชายคนนี้ได้เกิดและเติบโตมาจากครอบครัวชนชั้นกลาง เมื่อตอนเยาวัยคิดว่าต้องเรียนให้สูงๆๆเพื่อที่โต่ขึ้นมาจะมีชีวิตความเป็นอยู่ที่สุขสบายมีครบถ้วนทุกอย่างบ้านหลังใหญ่ๆมีรถหรูหรามีหน้าที่การงานที่มั่นคง มีทรัพย์สินที่มั่งคั่ง แต่เมื่อเขาได้มาพบหนทางแห่งความเที่ยงแท้หลังจากได้รับเชื่อพระเจ้าแล้ว ความคิดของพี่น้องชายคนนี้มีถ้าทีที่เปลี่ยนแปลงไป
เนื่องด้วยกระแสเรียกของพระเจ้าได้เรียกร้องให้พี่น้องชายคนนี้ออกมารับใช้พระเจ้ามาปรนนิบัติพระองค์ สิ่งนี้ได้ทำให้พี่น้องชายคนนี้เกิดความทุกข์ใจลำบากใจเป็นอย่างมากไม่รู้จำทำประการใดดีวันแล้ววันเล่าผ่านไปพระเจ้าก็ยังคงเรียกร้องให้พี่น้องชายคนนี้ออกมารับใช้พระเจ้า ทำให้พี่น้องชายคนนี้เกิดการต่อสู้ภายในจิตของเขาอย่างมากว่าจะเลือกความสบายในลาภยศสรรเสริญในชีวิตวันนี้ดี หรือว่าจะมาเดินหนทางแห่งความยากลำบากของพระเจ้าดีหนอ
จนในวันหนึ่งพี่น้องชายคนนี้ได้มาที่ประชุมตามปกติในวันขององค์พระผู้เป็นเจ้า ได้ร่วมประชุมร้องเพลงสรรเสริญ และร่วมพิธีศีลระลึกหักขนมปังและดื่มน้ำองุ่นตามปกติที่เคยปฎิบัติเป็นประเจ้าทุกวันอาทิตย์วันขององค์พระผู้เป็นเจ้า ในวันนี้เองพี่น้องชายได้ตอบสนองต่อกระแสเรียกของพระเจ้าด้วยการอธิษฐานต่อพระองค์ ว่าข้าแต่องค์พระเยซูคริสต์เจ้าข้าพระองค์มีใจปราถนาที่จะตอบสนองต่อการทรงเรียกของพระเจ้าให้มาปรนนิบัติเป็นทาสรับใช้พระองค์ไปตลอดชีวิตสุดท้ายที่เหลือนี้ ทั้งนี้ขอให้การอธิษฐานนี้เป็นไปตามน้ำพระทัยของพระองค์อย่าได้เป็นไปตามใจปราถนาของข้าพระองค์เลย วันนั้นเมื่อพี่น้องชายคนนี้เดินทางกลับบ้านเขาได้พบความสงบสุขและสันติสุขขึ้นมาทันที เมื่อก่อนเคยทุกข์ใใจเกิดการสู้รบภายในจิตนั้นก็มีแต่ความเบาสบายใจขึ้นมาไม่ทุกข์ร้อนใจอีกเลย คืนนั้นพี่น้องชายคนนี้นอนหลับสนิทและใบหน้าอิ่มเอิบซาบซ่านไปด้วยพระคุณแห่งการทรงเรียกของพระเจ้า เอเมน
สามปีต่อมาพี่น้องชายคนนี้ได้ยื่นใบลาออกจากหน้าที่การงานที่รับผิดชอบเป็นครั้งที่ห้าก็ได้รับอนุญาติจากหัวหน้างานให้ลาออกได้ในที่สุดหลังจากใช้ความพยายามมาเป็นเวลานานยื่นใบลาออกครั้งแล้วครั้งเล่าก็ได้รับการคัดค้านยับยั้งจากหัวหน้างาน
วันที่มีคำสั่งให้พี่น้องชายคนนี้ออกจากงานได้นั้นตัวพี่น้องชายคนนี้รู้สึกว่าเบาสบายไม่ต้องแบกภาระที่โลกนี้ให้เขาถือไว้จนหนักอึ่ง เหมือนดั่งคำที่ว่าเราจะให้แผ่นดินและอาณาจักรและสิ่งของทั้งโลกเพียงท่านละทิ้งพระคริสต์แล้วตามโลกนี้ไป
ขอบคุณพระเจ้าพี่น้องชายคนนั้นลาออกจากงานไม่มีอะไรติดตัวมาเลยนอกจากเงินเดือนสุดท้าย และบำเหน็จไม่กี่บาทที่พี่น้องชายก็เอาไปชดใช้หนี้สินที่เคยสร้างไว้จนหมด วันนี้เวลานี้พี่น้องชายคนนี้ได้เดินไปกับพระคริสต์โดยมีพระคริสต์นำหน้า ไม่มีทรัพย์สินติดตัวไม่มีเงินฝากในธนาคารสักบาท มีแต่พระคริสต์เท่านั้นที่เรียกดูพี่น้องชายคนนี้ด้วยความเชื่อ เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงในประเทศไทยพี่น้องชายคนนี้และแบบนี้ปัจจุบันมีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆด้วยเห็นแก่ความเที่ยงแท้ในพระคริสต์ยอมมอบถวายเครื่องบูชาอันมีชีวิตอยู่เป็นเครื่องบูชาที่ล้ำค่าที่สุดต่อองค์พระเยซูคริสต์เจ้า
พี่น้องที่รักทั้งหลายในพระคริสต์ขอให้พี่น้องได้อธิษฐานเผื่อพี่น้องที่ยอมทนต่อความยากลำบากออกมารับใช้พระเจ้า ขอให้ในทุกครั้งที่พี่น้องได้อธิษฐานนั้นมีหนึ่งในคำอธิษฐานของพี่น้องคือผู้รับใช้พระเจ้าทั้งหลายในประเทศไทยด้วยความสัตย์ซื่อ สรรเสริญพระเจ้า เอเมน
ยน. 21:15 เมื่อรับประทานอาหารเสร็จแล้ว พระเยซูตรัสกับซีโมนเปโตรว่า “ซีโมนบุตรยอห์นเอ๋ย ท่านรักเรามากกว่าพวกนี้หรือ?” เขาทูลพระองค์ว่า “ใช่ องค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทรงทราบว่าข้าพระองค์รักพระองค์” พระองค์ตรัสสั่งเขาว่า “จงเลี้ยงดูลูกแกะของเราเถิด”
ยน. 21:16 พระองค์ตรัสกับเขาครั้งที่สองว่า “ซีโมนบุตรยอห์นเอ๋ย ท่านรักเราหรือ?” เขาทูลตอบพระองค์ว่า “ใช่ องค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทรงทราบว่าข้าพระองค์รักพระองค์” พระองค์ตรัสกับเขาว่า “จงดูแลแกะของเราเถิด”
ยน. 21:17 พระองค์ตรัสกับเขาครั้งที่สามว่า “ซีโมนบุตรยอห์นเอ๋ย ท่านรักเราหรือ?” เปโตรเสียใจมากที่พระองค์ตรัสถามเขาครั้งที่สามว่า “ท่านรักเราหรือ?” เขาจึงทูลพระองค์ว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทรงทราบทุกสิ่ง พระองค์ทรงรู้ดีว่าข้าพระองค์รักพระองค์” พระเยซูตรัสกับเขาว่า “จงเลี้ยงดูแกะของเราเถิด
ยน. 21:18 เราบอกความจริงกับท่านว่า เมื่อท่านยังหนุ่ม ก็คาดเอวของท่านเองและเดินไปไหนๆ ตามที่ท่านปรารถนา แต่เมื่อแก่แล้ว ท่านจะเหยียดมือออก และจะมีคนมาคาดเอวของท่าน และพาไปที่ที่ท่านไม่ปรารถนาจะไป”
ยน. 21:19 (ที่พระองค์ตรัสอย่างนั้นก็เพื่อชี้ให้เห็นว่าเปโตรจะถวายพระเกียรติแด่พระเจ้าด้วยการตายแบบใด) เมื่อตรัสอย่างนั้นแล้ว พระองค์จึงตรัสกับเปโตรว่า “จงตามเรามาเถิด”
ยน. 21:20 เปโตรเหลียวหลังเห็นสาวกคนที่พระองค์ทรงรักตามมา (สาวกคนนั้นคือคนที่เอนตัวลงใกล้พระองค์ขณะรับประทานอาหารและทูลถามว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้า คนที่จะทรยศพระองค์เป็นใคร?”)
ยน. 21:21 เมื่อเปโตรเห็นสาวกคนนั้นจึงทูลถามพระเยซูว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้า คนนี้จะเป็นยังไงบ้าง?”
ยน. 21:22 พระเยซูตรัสกับเขาว่า “ถ้าเราอยากให้เขาอยู่จนกว่าเราจะมา มันเกี่ยวอะไรกับท่าน? จงตามเรามาเถิด”
ยน. 21:23 เพราะฉะนั้นคำที่ว่าสาวกคนนั้นจะไม่ตาย จึงลือกันไปท่ามกลางพวกพี่น้อง พระเยซูไม่ได้ตรัสกับเขาว่าสาวกคนนั้นจะไม่ตาย แต่ตรัสว่า “ถ้าเราอยากให้เขาอยู่จนกว่าเราจะมา มันเกี่ยวอะไรกับท่าน?”
ยน. 21:24 สาวกคนนี้แหละที่เป็นพยานถึงเหตุการณ์เหล่านี้ และเป็นคนที่บันทึกสิ่งเหล่านี้ไว้ และเราทราบว่าคำพยานของเขาเป็นความจริง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น