วันศุกร์ที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

เราต้องร่วมประสานเป็นหนึ่งเดียวในพระกายอันศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้า

องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเรียกโมเซ และทรงเตรียมอาโรนไว้ เป็นคู่ร่วมประสานของเขา.
(อซด.4:14-16    ...เจ้ามีพี่ชายคืออาโรน เป็นคนเลวี)
"เจ้าจงพูดกับเขา และนำคำพูดที่ควรจะพูด ใส่ในปากของเขา แล้วเราจะสถิตอยู่ กับปากของเจ้า และกับปากของเขา จะได้สอนเจ้าทั้งสองให้รู้ว่า ควรทำประการใด.
เขาจะเป็นผู้พูดแก่พลไพร่แทนเจ้า เขาจะเป็นเหมือนปาก สำหรับเจ้า และเจ้าจะเป็นเหมือนพระเจ้า สำหรับเขา. "

เมื่ออัครทูตเปาโล ออกมาปรนนิบัติองค์พระผู้เป็นเจ้า เขาก็ไม่ได้ทำตัวเอกเทศ. เขาจะมีคนอื่นเป็นคู่ร่วมประสาน อยู่ตลอดเวลา.
กรณีนี้พิสูจน์ได้จาก 1กธ.1:1 ซึ่งกล่าวว่า
"เปาโลผู้เป็นอัครทูต ที่ถูกเรียกของพระคริสต์เยซู ตามน้ำพระทัยของพระเจ้า กับโซษะเธเนผู้เป็นพี่น้อง."
ขณะที่เปาโลเขียนจดหมายฉบับนี้ ทั้งติโมเธียว และบาระนาบาต่างก็ไม่ได้อยู่ด้วย.
ดังนั้นเปาโลจึงให้โซษะเธเน ซึ่งเป็นพี่น้อง ที่เราแทบไม่รู้จักชื่อของเขาเลย มาเป็นคู่ร่วมประสานของเขา

เมื่อองค์พระเยซูเจ้า ทรงใช้เหล่าสาวกออกไป พระองค์ก็ใช้พวกเขาออกไปเป็นคู่ๆ (ลก.10:1) คือใช้ไปในหลักการของการมีสองคน เพื่อเป็นพยาน.
การอยู่คนเดียวคือการเป็นเอกเทศ แต่การถูกใช้ไปร่วมกับผู้อื่น คือการถูกใช้ไป ตามหลักการของพระกาย

เราสามารถนำหลักการนี้ มาปรับใช้กับตัวเองได้ ในการดำเนินชีวิตคริสตจักร.

ในการรักษาไว้ ซึ่งหลักการอันศักดิ์สิทธิ์นี้ องค์พระผู้เป็นเจ้า ย่อมไม่ทรงยอมให้ผู้รับใช้ของพระองค์ เป็นเอกเทศ.

ในเรื่องนี้ การควบคุมจัดการของมนุษย์ ไม่มีฐานะเลย.
ทุกสิ่งล้วนเป็นไปตาม แผนการบริหารอันศักดิ์สิทธิ์
ตามหลักการอันศักดิ์สิทธิ์.

วันนี้ในแผนการบริหาร แห่งพันธสัญญาใหม่
การเป็นเอกเทศคือ การละเมิดหลักการแห่งพระกาย.

เราไม่ควรทำตัวเอกเทศ แต่ควรเคลื่อนไหว และกระทำการตามหลักการ แห่งการร่วมประสาน

โดยต้องมีอวัยวะอื่นอีกคนหนึ่ง เป็นอย่างน้อย คอยเป็นคู่ร่วมประสานอยู่เสมอ.

อวัยวะที่จะมาเป็นคู่ร่วมประสานกับเรา ยิ่งมากก็ยิ่งดี. ปัจเจกชน ย่อมไม่อาจเป็นตัวแทนของพระกาย.
• • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • •
สรรเสริญขอบคุณพระเจ้า. เราจำต้องมีคู่ร่วมประสาน เพื่อความเป็นหนึ่งแห่งพระกายในการบริหารอันศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้า เอเมน.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น