วันอาทิตย์ที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

ข้อพระคำของพระเจ้าก่อนอนคืนนี้ ฮีบรูบทที่1ข้อ3

ฮบ. 1:3
พระบุตรทรงเป็นแสงสะท้อนสง่าราศีของพระเจ้า
และทรงมีสภาวะเป็นพิมพ์เดียวกันกับพระองค์
และทรงผดุงสรรพสิ่งไว้โดยพระดำรัสอันทรงฤทธิ์ของพระองค์ เมื่อพระบุตรได้ทรงชำระบาปของเราด้วยพระองค์เองแล้ว
ก็ได้ทรงประทับนั่ง ณ เบื้องขวาพระหัตถ์ของผู้ทรงเดชานุภาพเบื้องบน
 
......................................................................................
 
ขอบคุณพระเจ้าค่ำคืนวันนี้ข้าพระองค์ขอวิงวอนกับพระเจ้าผู้ทรงพระชนย์อยู่เป็นนิจ เบื้องขวาพระหัตถ์ของพระเจ้า
พระคุณอันล้นเหลือของพระองค์ได้ชำระบาปให้ข้าพเจ้าแล้ว
เพราะพระเมตตาคุณของพระองค์
สรรเสริญพระองค์ เอเมน.







เราต้องเป็นนาษารีษผู้ถวายตัวด้วยความสมัครใจ

เราต้องเป็นนาษารีษผู้ถวายตัวด้วยความสมัครใจ

ซามูเอลเป็นนาษารีษ. 
นาษารีษเป็นบุคคลที่ถวายตัวเอง ด้วยความสมัครใจ (อฤธ.6). .
..เมื่อมองอย่างผิวเผินแล้ว ดานิเอลไม่ใช่นาษารีษ. แต่จริงๆ แล้วเขาเป็นนาษารีษ เพราะนาษารีษเป็นบุคคลที่ไม่ดื่มเหล้าองุ่น และเหล้าแก่แต่อย่างใด. 

ความหมายของการไม่ดื่มเหล้าองุ่น และเหล้าแก่นั้นคืออะไร? ก็หมายถึง การยอมไม่รับสุขความรื่นเริงแห่งชีวิตนี้. นี่คือหลักการที่อยู่บนตัวของดานิเอล. 

เหตุใดดานิเอลจึงไม่ดื่มเหล้าองุ่น และเหล้าแก่หรือ กินเครื่องเสวยของกษัตริย์? เพราะสิ่งเหล่านั้น ล้วนเกี่ยวข้องกับรูปเคารพ. 

สิ่งที่กษัตริย์แห่งบาบิโลนดื่ม ล้วนต้องถูกนำไปถวายแก่รูปเคารพ เช่นเดียวกับเนื้อและธัญญาหาร

• • • • • • • • • • • • • • • • • • • • 

ทุกคนที่สามารถให้องค์พระผู้เป็นเจ้าใช้ ในการหันเปลี่ยนยุคสมัยได้นั้น ต้องเป็นนาษารีษ; พวกเขาต้องเป็นผู้ที่ถวายตัว ด้วยความสมัครใจ. 

กรณีนี้ก็หมายความว่า ในเมื่อคนอื่นๆ ที่อยู่บนโลกแสวงหาโลกนี้ และรับสุขโลกนี้ 

ข้าพเจ้าก็ขอแบ่งแยกตัวข้าพเจ้าเอง จากสิ่งเหล่านั้น. การแบ่งแยกนี้ก็คือ การถวายตัวด้วยความสมัครใจนั่นเอง

เราต้องยืนหยัดอยู่ในอีกฐานะหนึ่ง. 
คนอื่นๆ นั้นไม่มีพระเจ้า และไม่ได้เป็นอยู่เพื่อพระเจ้า 
แต่เราเป็นอยู่เพื่อพระเจ้า.

ขณะที่ทั่วแผ่นดินโลก ปฏิเสธอำนาจของพระเจ้า 
พวกเขากลับยอมรับอำนาจของพระเจ้า. 

ขณะที่ทั่วแผ่นดินโลก มีมนุษย์เป็นกษัตริย์ 
พวกเขากลับมีพระเจ้า เป็นกษัตริย์ของพวกเขา. 
• • • • • • • • • • • • • • • • • • • 

ดานิเอลและสหายสามคนของเขา ยังมีอายุน้อยมาก 
แต่พวกเขาก็ยืนขึ้น เป็นพยานที่ต่อต้าน. 

พยานที่ต่อต้านนี้ก็คือ การแบ่งแยกอย่างหนึ่ง. ทันทีที่พวกเขายืนขึ้น ก็มีการแบ่งแยกจากโลกนี้อย่างชัดเจน. .

..ขณะที่เราอ่านดานิเอล บทที่ 1  คนเหล่านี้ ไม่ได้ไหลไปตามกระแสของบาบิโลน แต่ประการใด. 

พวกเขาเป็นผู้ที่ได้รับการแบ่งแยก. พวกเขาไม่กินสิ่งที่ผู้อื่นกิน. พวกเขาไม่ดื่มสิ่งที่ผู้อื่นดื่ม.(เพราะเป็นสิ่งของที่ผ่านการไหว้บูชารูปเคารพมาแล้วทั้งสิ้น)
 พวกเขาไม่ทำสิ่งที่ผู้อื่นทำ. พวกเขาแตกต่างจากผู้อื่น ในทุกสิ่งอย่างชัดเจน.
• • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • 
อันติปา" ในภาษากรีกหมายถึง "ต่อต้านทุกสิ่ง." 
อันติปาผู้เป็นพยานบุคคลที่สัตย์ซื่อ ขององค์พระผู้เป็นเจ้าผู้นี้ ยืนหยัดต่อต้านทุกสิ่ง ที่คริสตจักรฝ่ายโลกได้นำเข้ามา และมีภาคปฏิบัติ. ดังนั้นเขาจึงเป็นผู้พลีชีพ ขององค์พระผู้เป็นเจ้า. 

อันติปาผู้ที่เป็นพยาน ในด้านตรงกันข้ามนั้น 
ได้เป็นพยานเพื่อต่อต้านทุกสิ่ง ที่เบี่ยงเบนไปจากพยานของพระเยซู. 
• • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • 
เราต้องรับสุขพระองค์เป็นการรับสุขที่ยั่งยืนนิรันดร์
ดานีลเอลถวายตัวเป็นนาษารีษด้วยความสมัครใจ
แสวงหาพระองค์ด้วยการหลีกเลี่ยงของที่เป็นมลทิน
ต่างๆ

วันเสาร์ที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

ผู้ได้รับเอกสิทธิ์ในการงานแห่งการเคลื่อนไหวแห่งยุคสมัยเพื่อเข้าสู่ยุคแห่งอาณาจักร


 เราคือผู้ได้รับเอกสิทธิ์ในการงานแห่งการเคลื่อนไหวแห่งยุคสมัยเพื่อเข้าสู่ยุคแห่งอาณาจักร

การเคลื่อนไหวแห่งยุคสมัย ทุกครั้งจะนำมาซึ่งหนทางใหม่ของพระเจ้า. 

การเคลื่อนไหวแห่งยุคสมัย ที่สำคัญที่สุดของพระองค์นั้น อยู่ในวิวรณ์บทที่ 12. 
พระองค์ทรงต้องการ ที่จะสิ้นสุดยุคสมัยนี้ และนำมาซึ่งยุคแห่งอาณาจักร.

 พระองค์จะทรงสิ้นสุดยุคสมัยนี้ และนำมาซึ่งยุคสมัยใหม่ได้อย่างไร? 
พระองค์จะต้องมีเครื่องมือ หรือสื่อกลางแห่งยุคสมัย. 
นี่คือสิ่งที่พระเจ้าทรงต้องการ ที่จะกระทำในวันนี้.

เราอย่าได้ลืมว่า พระเจ้าก็สามารถถูกจำกัดได้. การเคลื่อนไหว ทุกอย่างของพระองค์ ล้วนต้องรอคอยมนุษย์. 

พระเจ้าจะผูกมัดสิ่งใดในสวรรค์ ก็ขึ้นอยู่กับการผูกมัดของเรา 
บนแผ่นดินโลก; 

พระเจ้าจะปลดปล่อยสิ่งใด ในสวรรค์ก็ขึ้นอยู่กับ การปลดปล่อยของเรา บนแผ่นดินโลก. ดังนั้นทุกสิ่งจึงขึ้นอยู่กับคริสตจักร. 

พระเจ้าทรงปรารถนา ให้สิ่งทรงสร้างมาจัดการ กับสิ่งทรงสร้างที่ตกต่ำ. 

องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงมีการงาน อยู่บนโลกนี้สองอย่าง
คือ การไถ่ และการก่อสร้างคริสตจักร. 

คริสตจักรนั้นถูกก่อสร้างอยู่บน "ศิลานี้" (มธ.16:18).

 เหล่าอัครทูตคือ คนกลุ่มแรกที่ยืนหยัดอยู่บนศิลานี้. 

พวกเขาก็คือ สื่อกลางแห่งยุคสมัย. .

..พวกอัครทูตและเหล่าสาวก ได้รอคอยและร่วมใจกันอธิษฐาน อยู่ในกรุงเยรูซาเล็มเป็นเวลาสิบวัน. 
ดังนั้นตอนนี้ จึงไม่ใช่เวลาที่เราควรพักผ่อน.
" พวกเขาจึงอธิษฐาน. คนเหล่านี้มีเพียง 120 คน 

คนอื่นๆ ที่เคยติดตามองค์พระผู้เป็นเจ้า ไปไหนกันหมด? 
เราเห็นได้ชัดว่า ไม่ใช่ทุกคนจะร่วมงานกับพระเจ้า. 
ทั้ง 120 คนนี้ก็คือเหล่าผู้มีชัยชนะ. 
เราคือผู้ได้รับเอกสิทธิ์ ให้มีชีวิตอยู่ ในช่วงเวลาที่พิเศษที่สุด เป็นช่วงเวลาที่เราจะทำการงาน เพื่อพระเจ้าได้มากที่สุด. 

ความสว่างจะสำแดงให้เราเห็นหนทาง แต่ถ้าจะเดินตามหนทางนั้น เราต้องมีกำลังและฤทธิ์เดช. 

ถ้าเราอยากเป็นผู้ที่ให้พระเจ้า ทรงใช้การได้ในวันนี้ เราจำต้องจ่ายราคา และต้องจ่ายราคาอย่างใหญ่หลวง.

เพลง เรามาเพื่อร้องเพลงนมัสการ

เพลง เรามาเพื่อร้องเพลงนมัสการ

  D                          G          D                  A
เรามาเพื่อร้องเพลงนมัสการ  เรามาเพื่อชื่นชมยินดี
D                  G                      D          G    A        D
เต้นรำถวายองค์พระผู้ไถ่      ร้องเพลงสรรเสริญแด่พระองค์
                A                          G        D
เพราะพระเยโฮวาห์    เป็นพระเจ้ายิ่งใหญ่
  A          G          D
องค์จอมราชาใหญ่ยิ่งเหนือ พระใด
  A            G        D
องค์พระศิลาแห่งความรอด ของเรา
    Bm      A    Bm
เราร้องเพลง    เต้นรำ
A    Bm    A    Bm
นมัสการ และชื่นชม
      G                        A
ยินดีในความยิ่งใหญ่พระองค์
  Bm        F#m      Em    A
ที่ลึกของแผ่นดิน  อยู่ในพระหัตถ์
  Bm      F#m      G/D      A
ที่สูงของภูเขา  เป็นของพระองค์

• • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • •
ขอบคุณพระเจ้าสรรเสริญพระองค์ ขอพระองค์สัมผัสข้า
ให้ข้ามุ่งหน้าในหนทางของพระองค์
สู่แผ่นดินใหม่อันอุดมสมบูรณ์. เอเมน.

วันศุกร์ที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

ผู้ที่เสียสละ ย่อมเป็นผู้ที่มีความสุข.



เราจะเป็นผู้ที่เสียสละได้อย่างไร?
เราไม่มีกำลังพอที่จะเป็นผู้ที่เสียสละ
เพราะชีวิตของเราเป็นชีวิตธรรมชาติ
เป็นชีวิตที่เห็นแก่ตัว.

มีเพียงชีวิตของพระคริสต์เท่านั้น
ที่เป็นชีวิตแห่งการเสียสละ.
ถ้าเราติดต่อกับพระคริสต์
และมีประสบการณ์ต่อชีวิต ที่เสียสละของพระองค์
พระองค์จะทรงทำให้เรามีพลัง
พระองค์จะทรงเพิ่มกำลังให้แก่เรา
ในการเสียสละเพื่อพระเจ้าและเพื่อผู้อื่น.

จากนั้นเราก็จะเป็นบุคคล ที่มีความสุขที่สุด
เราจะกลายเป็นผู้ที่เมามาย ไปด้วยความสุข.
นี่คือการที่เรามีประสบการณ์ต่อพระคริสต์
ในฐานะที่ทรงเป็นต้นองุ่น.

โดยการมีประสบการณ์เช่นนี้
เราก็จะกลายเป็นเถาองุ่น สำหรับผู้อื่น.

ทุกคนที่มาติดต่อกับเรา
ก็จะมีความสุขร่วมกับเรา
และเราก็จะทำให้พระเจ้าชื่นพระทัย.

ถ้าจะทำให้พระเจ้า และผู้อื่นมีความสุข
เราก็ต้องถูกบีบคั้น. .

..ผลองุ่นต้องถูกบีบคั้น เพื่อทำให้พระเจ้าและมนุษย์ชื่นใจ.
เราก็ต้องถูกบีบคั้นเช่นกัน.

เรายิ่งดื่มเหล้าองุ่นของพระคริสต์ ไปมากเท่าใด
เราก็จะยิ่งตระหนักว่า เราต้องถูกบีบคั้นมากขึ้นเท่านั้น.
 (The All-inclusive Christ, p.59)

ความรักที่ซาบซึ้งของพระคริสต์
ได้บังคับเราให้มีชีวิตเป็นอยู่ต่อพระองค์
และตายต่อพระองค์
(2กธ.5:14-15; รม.14:7-9).

...ความรักของพระคริสต์ ทำให้ผู้เชื่อทั้งหลาย
กลายเป็นผู้พลีชีพเพื่อพระองค์
(วว.2:10; 12:11; รม.8:35-37).

เราจะไม่กระทำบางอย่าง
ไม่ใช่เพียงเพราะสิ่งเหล่านั้น ไม่ถูกต้อง
หรือเพราะยำเกรงพระเจ้าเท่านั้น

แต่เพราะเรารักพระองค์.
"ข้าแต่องค์พระเยซูเจ้า ข้าพเจ้ารักพระองค์
ดังนั้นข้าพเจ้าจึงไม่อาจทำสิ่งนี้ได้.

เราต้องร่วมประสานเป็นหนึ่งเดียวในพระกายอันศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้า

องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเรียกโมเซ และทรงเตรียมอาโรนไว้ เป็นคู่ร่วมประสานของเขา.
(อซด.4:14-16    ...เจ้ามีพี่ชายคืออาโรน เป็นคนเลวี)
"เจ้าจงพูดกับเขา และนำคำพูดที่ควรจะพูด ใส่ในปากของเขา แล้วเราจะสถิตอยู่ กับปากของเจ้า และกับปากของเขา จะได้สอนเจ้าทั้งสองให้รู้ว่า ควรทำประการใด.
เขาจะเป็นผู้พูดแก่พลไพร่แทนเจ้า เขาจะเป็นเหมือนปาก สำหรับเจ้า และเจ้าจะเป็นเหมือนพระเจ้า สำหรับเขา. "

เมื่ออัครทูตเปาโล ออกมาปรนนิบัติองค์พระผู้เป็นเจ้า เขาก็ไม่ได้ทำตัวเอกเทศ. เขาจะมีคนอื่นเป็นคู่ร่วมประสาน อยู่ตลอดเวลา.
กรณีนี้พิสูจน์ได้จาก 1กธ.1:1 ซึ่งกล่าวว่า
"เปาโลผู้เป็นอัครทูต ที่ถูกเรียกของพระคริสต์เยซู ตามน้ำพระทัยของพระเจ้า กับโซษะเธเนผู้เป็นพี่น้อง."
ขณะที่เปาโลเขียนจดหมายฉบับนี้ ทั้งติโมเธียว และบาระนาบาต่างก็ไม่ได้อยู่ด้วย.
ดังนั้นเปาโลจึงให้โซษะเธเน ซึ่งเป็นพี่น้อง ที่เราแทบไม่รู้จักชื่อของเขาเลย มาเป็นคู่ร่วมประสานของเขา

เมื่อองค์พระเยซูเจ้า ทรงใช้เหล่าสาวกออกไป พระองค์ก็ใช้พวกเขาออกไปเป็นคู่ๆ (ลก.10:1) คือใช้ไปในหลักการของการมีสองคน เพื่อเป็นพยาน.
การอยู่คนเดียวคือการเป็นเอกเทศ แต่การถูกใช้ไปร่วมกับผู้อื่น คือการถูกใช้ไป ตามหลักการของพระกาย

เราสามารถนำหลักการนี้ มาปรับใช้กับตัวเองได้ ในการดำเนินชีวิตคริสตจักร.

ในการรักษาไว้ ซึ่งหลักการอันศักดิ์สิทธิ์นี้ องค์พระผู้เป็นเจ้า ย่อมไม่ทรงยอมให้ผู้รับใช้ของพระองค์ เป็นเอกเทศ.

ในเรื่องนี้ การควบคุมจัดการของมนุษย์ ไม่มีฐานะเลย.
ทุกสิ่งล้วนเป็นไปตาม แผนการบริหารอันศักดิ์สิทธิ์
ตามหลักการอันศักดิ์สิทธิ์.

วันนี้ในแผนการบริหาร แห่งพันธสัญญาใหม่
การเป็นเอกเทศคือ การละเมิดหลักการแห่งพระกาย.

เราไม่ควรทำตัวเอกเทศ แต่ควรเคลื่อนไหว และกระทำการตามหลักการ แห่งการร่วมประสาน

โดยต้องมีอวัยวะอื่นอีกคนหนึ่ง เป็นอย่างน้อย คอยเป็นคู่ร่วมประสานอยู่เสมอ.

อวัยวะที่จะมาเป็นคู่ร่วมประสานกับเรา ยิ่งมากก็ยิ่งดี. ปัจเจกชน ย่อมไม่อาจเป็นตัวแทนของพระกาย.
• • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • •
สรรเสริญขอบคุณพระเจ้า. เราจำต้องมีคู่ร่วมประสาน เพื่อความเป็นหนึ่งแห่งพระกายในการบริหารอันศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้า เอเมน.

เข้าสนิทกับพระคำของพระเจ้าและการอธิษฐานอยู่เสมอ



ดานิเอลไม่เพียงเป็นบุคคล ที่อ่านพระคำของพระเจ้า เป็นประจำเท่านั้น แต่ยังเป็นบุคคลเข้าสนิท กับพระคำของพระเจ้าด้วย

ไม่ได้อ่านพระคัมภีร์ ในลักษณะที่ตายแล้ว.

ทันทีที่เขาสัมผัสกับ ความปรารถนาของพระเจ้า ผ่านพระคำ เขาก็นำตัวเองเข้าสนิท กับความปรารถนานั้นทันที.

วิธีที่เขาใช้อ่านพระคัมภีร์. คือสาเหตุที่เขาสามารถ ได้รับการสัมผัสโดยทุกๆ ถ้อยคำ, โดยความสว่าง, และโดยคำสอนในพระคัมภีร์.

ประเด็นใดที่เขาได้อ่านแล้ว เขาก็จะนำตัวเอง ไปเข้าสนิทกับประเด็นนั้น. .

..ทุกครั้งที่เราค้นพบ ความปรารถนาของพระเจ้า เราก็ต้องนำตัวเราเข้าสนิทกับ ความปรารถนานั้นทันที

ถ้าเราต้องการได้รับพระพร จากพระคำของพระเจ้า เราก็ต้องจัดการ กับใจของเราก่อน และต้องหันสู่องค์พระผู้เป็นเจ้า ด้วยสุดใจอย่างเด็ดขาด
เรายังต้องจัดการกับ สิ่งของด้านลบทุกอย่าง ที่อยู่ในใจของเรา ตลอดจนทุกสิ่ง ที่ทำให้เรากับองค์พระผู้เป็นเจ้า ต้องแยกจากกัน.

พระคัมภีร์เรียกร้องให้เรา ต้องถ่อมตัวเองลง วางลงซึ่งความมั่นใจในตัวเอง และความพอใจในตัวเอง. .

พระคำของพระเจ้าก็คือ ความสว่างที่ฉายส่อง.
ความสว่างนี้ ก็คือพระเจ้าที่อยู่ในพระคำ


อ่านพระคำของพระเจ้า เราก็ต้องเปิดออก...และใช้ทุกส่วนในตัวเราคือ ทั้งกาย, จิต, และวิญญาณของเรา.

การศึกษาพระคัมภีร์ ยังเรียกร้องให้เราฝึกอารมณ์ของเรา มารักพระคำ และฝึกความตั้งใจของเรา มาต้อนรับหลักเกณฑ์ของพระเจ้า ที่อยู่ในพระคำของพระองค์.

เมื่อเราได้ประสบการณ์ ต่อการฉายส่อง, การหล่อเลี้ยงแห่งชีวิต, และการรดน้ำ เราก็จะได้พระพรอย่างอื่น จากพระคำนี้ด้วย
ไม่ว่าจะเป็นการฟื้นชื่นขึ้น (บพส.19:7ก), การช่วยปลดปล่อย (119:41, 170), กำลัง (ข้อ 28), การปลอบโยน (ข้อ 76), การบำรุงเลี้ยง (ข้อ 103), การค้ำชู (ข้อ 117), และการคุ้มกัน.


สิ่งสำคัญที่เป็นพื้นฐาน สำหรับเรื่องนี้ก็คือ การอธิษฐาน
เพื่อให้มนุษย์ภายในของเรา ได้รับการเพิ่มกำลัง.
ถ้าเราใช้ทุกส่วนของตัวเรา ในการติดต่อกับพระคำ เราก็จะได้รับความสว่าง และการหล่อเลี้ยงแห่งชีวิต.

ข้อเท็จจริงนี้ย่อมบ่งชี้ว่า
พระคำของพระเจ้า ได้แจกจ่ายองค์ประกอบทางอินทรียภาพ เข้าสู่ตัวเรา.

วันพฤหัสบดีที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

ดานิเอล...เป็นมนุษย์ที่อธิษฐานอยู่เสมอ

ดานิเอล...เป็นมนุษย์ที่อธิษฐานอยู่เสมอ
ดานิเอล...เป็นมนุษย์ที่อธิษฐานอยู่เสมอ.
การอธิษฐานของเขา ไม่ใช่การอธิษฐานทั่วๆ ไป.
การอธิษฐานของเขา เป็นการอธิษฐาน ที่หันเปลี่ยนยุคสมัย.
ทุกครั้งที่เขาเผชิญหน้า กับเรื่องราวที่สำคัญบางอย่างนั้น เขาได้อธิษฐาน ต่อเบื้องพระพักตร์พระเจ้า. ...
เขาเชื่อในการอธิษฐาน เพราะเขาเชื่อในพระเจ้า และไม่ใช่ในตัวเขาเอง.
การอธิษฐานของดานิเอลใน 9:17 นั้นได้บรรลุถึงจุดสูงสุดแล้ว. เขาทูลขอให้พระเจ้า ทรงกระทำบางสิ่งเพื่อพระองค์เอง. ..
การอธิษฐานของดานิเอลนี้ ทำให้พระเจ้าปรากฏออกมา ในฐานะพระเจ้า ผู้ทรงพระชนม์อยู่. บนตัวดานิเอลนั้น
พระเจ้าได้ทำให้ตัวของพระองค์ ปรากฏออกมาอย่างแท้จริง ในฐานะพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่. และการปรากฏออกมาของพระเจ้านี้ ก็เนื่องมาจากการอธิษฐาน ของดานิเอลนั่นเอง
ให้เราวงเล็บคำว่า "เพราะเห็นแก่องค์พระผู้เป็นเจ้า" เอาไว้.
การอธิษฐานของเขานั้น มีเพื่อพระเจ้าอย่างสิ้นเชิง และไม่ได้มีเพื่อตัวเขาเอง.
"คำวิงวอนของข้าพเจ้าที่นี่ในวันนี้ ไม่ได้มีเพื่อตัวข้าพเจ้าเอง แต่มีเพื่อพระองค์.
แม้ว่าข้าพเจ้าทูลขอให้พระองค์ กระทำบางอย่าง แต่ก็ไม่ได้มีเพื่อตัวข้าพเจ้าเอง แต่มีเพื่อพระองค์."
นี่เป็นการอธิษฐานที่พิเศษยิ่งนัก การอธิษฐานนี้ ยังเป็นการอธิษฐานที่สูงสุดด้วย.
การอธิษฐานของเรา 99.9 เปอร์เซ็นต์มีเพื่อตัวเราเอง.
คำอธิษฐานที่มีเพื่อพระเจ้านั้นน้อยมาก.
มีแต่บุคคลที่อธิษฐานต่อพระเจ้า ด้วยใจเดียวอย่างดานิเอลเท่านั้น จึงจะให้พระองค์ทรงใช้ ในการหันเปลี่ยนยุคสมัย
@(การยำเกรงพระเจ้าหมายถึง ต้องการพระเจ้า, ปรารถนาที่จะถือรักษา น้ำพระทัยของพระองค์ด้วยใจเดียว, นอบน้อมต่อพระองค์อย่างเต็มที่,
ไม่ประสงค์สิ่งใดของเราเอง, ไม่ดำเนินชีวิต ตามความตั้งใจของเราเอง, ไม่มองแต่ตัวเอง,
และมองเห็นแต่ความยิ่งใหญ่ ของพระเจ้าเท่านั้น.ล)•

☐ ☐ ☐ ☐ ☐ ☐ ☐ ☐ ☐ ☐ ☐ ☐ ☐ ☐ ☐ ☐ ☐

วันพฤหัสบดีที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

การปกครองแห่งสวรรค์, แผนการบริหารของพระเจ้า, และพระคริสต์ผู้เหนือล้ำ

การปกครองแห่งสวรรค์, แผนการบริหาร

ของพระเจ้า, และพระคริสต์ผู้เหนือล้ำ ใน

ฐานะองค์ผู้ล้ำค่า และเป็นเอก ในการ

เคลื่อนไหวของพระเจ้า-วันจันทร์
(Reader : 14)
ดนอ.4:17 นี่เป็นคำสั่งของเหล่าผู้เฝ้ายาม

และคำตัดสินนี้ เป็นคำกำชับของเหล่าผู้

บริสุทธิ์ เพื่อผู้มีชีวิตอยู่จะรู้ว่า พระเจ้าสูง

สุดทรงครอบครอง เหนือมวลอาณาจักร

ของมนุษย์ ทรงมอบอาณาจักร แก่ผู้ใดก็

ได้ตามแต่ชอบพระทัย...

ดนอ.4:26 ...ก็เป็นที่แน่ใจว่า ฝ่าพระบาท

จะได้รับ อาณาจักรกลับคืนมาอีก หลังจาก

เรียนรู้แล้วว่า ฟ้าสวรรค์นั้นครอบครองอยู่.  

แนวคิดศูนย์กลางของดานิเอล คือการ

ปกครองแห่งสวรรค์ (4:26) โดยพระเจ้า

แห่งสวรรค์ (2:37, 44) ซึ่งอยู่เหนือการ

ปกครอง ทั้งปวงของมนุษย์บนโลก ย่อม

สอดคล้องกับ แผนการบริหารที่นิรันดร์

ของพระเจ้า ซึ่งจะให้พระคริสต์ ทรงสิ้นสุด

สิ่งทรงสร้างเก่า เพื่อการเริ่มต้นแห่งการ

เกิดใหม่ ของสิ่งทรงสร้างใหม่ และให้ทรง

ทุบตีและบดขยี้ การรวบยอดแห่งการ

ปกครองของมนุษย์ แล้วก่อตั้งอาณาจักร ที่

นิรันดร์ของพระเจ้า.
 
พระเจ้าแห่งสวรรค์ ทรงปกครอง เหนือการ

ปกครองทั้งปวงของมนุษย์. การปกครอง

ของมนุษย์ เริ่มจากนิมโรด ในเยเนซิศบทที่

10. ก่อนเยเนซิศ บทที่ 10 นั้นยังไม่มี

ประเทศของมนุษย์ จะมีก็แต่มนุษยชาติ ที่

ยังไม่ได้ก่อตั้ง ประเทศขึ้นมาแต่อย่างใด.

ประเทศทั้งหลายเริ่มก่อตั้งขึ้น โดยนิมโร

ดผู้ก่อสร้างบาเบล
การปกครองของมนุษย์ จะสรุปลงด้วย ผู้

ต่อต้านพระคริสต์ที่จะมาถึง ซึ่งจะกลาย

เป็นซีซาร์องค์สุดท้าย ของจักรวรรดิโรมัน.

การปกครองทั้งปวงของมนุษย์ นับตั้งแต่นิ

มโรด ไปจนถึงผู้ต่อต้านพระคริสต์นั้น อยู่

ภายใต้การปกครองแห่งสวรรค์ โดยพระ

เจ้าแห่งสวรรค์มาตลอด.
แผนการบริหารของพระเจ้านั้น พระคริสต์

ทรงสิ้นสุดสิ่งทรงสร้างเก่า เพื่อการเริ่มต้น

แห่งการเกิดใหม่ ของสิ่งทรงสร้างใหม่ ใน

การเป็นขึ้นของพระองค์ โดยการตายของ

พระองค์. สิ่งนี้ได้สำเร็จไปแล้ว ในการเสด็จ

มาครั้งแรกของพระองค์. ในแผนการ

บริหารของพระเจ้า โดยการปรากฏของ

พระคริสต์ ที่กำลังจะมาถึงนั้น พระองค์จะ

ทรงทุบตี และบดขยี้ การรวบยอดแห่งการ

ปกครองของมนุษย์
หนังสือดานิเอลแสดงให้เห็นว่า บรรดา

กษัตริย์ และอาณาจักรทั้งปวงแห่งโลกนี้

ล้วนอยู่ภายใต้ การบริหารของพระเจ้า
ดังนั้นพระเจ้าจึงทรงใช้ จักรวรรดิบาบิโลน

มาสำเร็จพระประสงค์ ในการทำให้ ผู้ที่

พระองค์ทรงเลือกสรร ซึ่งเสื่อมเสียและ

พ่ายแพ้ ให้ถูกจับไปเป็นเชลย. หลังจาก 70

ปีของการเป็นเชลย พระเจ้าก็ทรงทำให้มี

เดีย และเปอร์เซียกลายเป็นหนึ่งเดียว เพื่อ

พระประสงค์ ในการทำให้จักรวรรดิบาบิโลน

ถึงจุดสิ้นสุด และปลดปล่อยพลไพร่ของ

พระองค์ จากการเป็นเชลยในบาบิโลน. นี่ก็

คือตัวอย่างที่บรรยายว่า กษัตริย์และ

อาณาจักรทั้งปวง ล้วนอยู่ภายใต้การควบคุม

ปกครองของพระเจ้าทั้งสิ้น.

นะบูคัศเนซัร เป็นหนึ่งกับซาตาน
ไซรัส กลับตรงข้ามกัน ยะซายากล่าวว่า

พระเจ้าทรงชื่นชอบในตัวเขา และกระทั่ง

ทำให้เขา กลายเป็นผู้เลี้ยง เพื่อมาดูแลพล

ไพร่ของพระองค์. ในปีแรกที่เขาขึ้นครอง

ราชย์ ไซรัสได้ป่าวประกาศ ให้พลไพร่

ของพระเจ้า กลับคืนสู่แผ่นดินยูดา (อษร

.1:1-4). เขายังได้จัดแจงภาชนะ แห่งพระ

นิเวศน์ของพระเจ้า ซึ่งนะบูคัศเนซัร ได้นำ

ไปยังบาบิโลน กลับคืนไปยังกรุงเยรูซาเล็ม

ด้วย. ด้วยเหตุนี้ไซรัส จึงได้ถูกนำเสนอไว้

ในลักษณะ ที่เป็นด้านบวกอย่างมาก
ดานิเอล 4:31 กล่าวว่า "กษัตริย์นะบูคัศเน

ซัรเอ๋ย นี่คือประกาศิตสำหรับเจ้า

อาณาจักรถูกพรากไปจากเจ้าแล้ว." พระ

เจ้าจะทรงสอนเขาให้รู้ว่า เขาไม่เป็นอะไร

เลย และรู้ว่าพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ ทรง

เป็นทุกสิ่ง พระองค์เป็นผู้ปกครอง เหนือ

อาณาจักรของมนุษย์ทั้งปวง และเป็นผู้

ประทานอาณาจักร แก่ผู้ที่พระองค์ทรง

ชอบพระทัย

โครงการของพระเจ้านั้น ถูกซ่อนไว้ใน

สวรรค์. เมื่อพระเจ้าทรงพบมนุษย์คนหนึ่ง

บนแผ่นดินโลก ที่สอดคล้องกับ พระทัย

ของพระองค์ สวรรค์ย่อมเปิดออกต่อเขา.

สวรรค์ได้เปิดออกต่อยาโคบ (ยนซ

.28:12-17), ยะเอศเคล, (ยอค.1:1), พระ

เยซู (มธ.3:16), ซะเตฟาโน (กจ.7:56),

และเปโตร (กจ.10:11). ในวิวรณ์ 4:1 และ

ใน 19:11 สวรรค์ได้เปิดออกต่อโยฮัน ผู้

เขียนหนังสือเล่มนี้ และสวรรค์ก็จะเปิดออก

ต่อผู้เชื่อทุกคน ในองค์พระผู้เป็นเจ้า ตราบ

ชั่วนิรันดร์ (ยฮ.1:51). (Life-study of

Revelation, p.213)

ในสวรรค์นั้น สิ่งแรกคือมีพระที่นั่ง และจุด

ศูนย์รวมของหนังสือวิวรณ์ ก็อยู่ในสิ่งนี้

(เทียบ 4:2). เริ่มต้นตั้งแต่บทที่ 4 หนังสือนี้

ได้เปิดเผยให้เห็นถึง การบริหารแห่ง

จักรวาลของพระเจ้า. พระที่นั่งของพระเจ้า

ในหนังสือวิวรณ์นั้น
โดยเฉพาะแผ่นดินโลก ล้วนอยู่ภายใต้พระ

ที่นั่งนี้
สิ่งใดก็ตามที่ซาตาน กระทำในท้องฟ้าและ

สิ่งใดๆ ที่มนุษย์กระทำบนแผ่นดินโลก ล้วน

อยู่ภายใต้พระที่นั่ง ของพระเจ้าในสวรรค์.

ทุกวันนี้

หนังสือวิวรณ์ การสำเร็จสุดยอดนั้น เป็น

ผลมาจากการสำเร็จครบถ้วน แห่งการ

ดำเนินการ พิพากษาของพระเจ้า. การ

พิพากษานี้ เกิดขึ้นจากพระที่นั่ง และได้

กระทำการชำระสะสาง ความสับสนวุ่นวาย

ทั้งในสวรรค์ และบนแผ่นดินโลก ซึ่งมี

สาเหตุมาจาก การกบฏของซาตาน และ

การตกต่ำของมนุษย์

หนังสือดานิเอลและวิวรณ์นั้น เปิดเผยถึง

แผนการบริหารของพระเจ้า.

...พระคริสต์ทรงเป็นศูนย์กลางและ การ

แพร่หลาย แห่งแผนการบริหารของพระเจ้า

และแผนการบริหารของพระเจ้านั้น มีไว้

เพื่อทำให้พระคริสต์ กลายเป็นศูนย์กลาง

และการแพร่หลาย ในการเคลื่อนไหวของ

พระเจ้า. นี่คือสิ่งที่เราต้องมองเห็น ในขณะ

ที่เราอ่านหนังสือดานิเอล. บทเรียนฝ่าย

วิญญาณหลายอย่าง และรายละเอียดทาง

ประวัติศาสตร์ ที่ได้กล่าวไว้ในหนังสือเล่มนี้

ดีมาก แต่สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องรอง. สิ่งที่เป็น

เรื่องหลักนั้น เป็นสิ่งที่อยู่ใน แผนการ

บริหารของพระองค์,

หนังสือดานิเอล ครอบคลุมถึง 5 ประเด็น

หลัก เกี่ยวกับพระคริสต์ผู้เป็นศูนย์กลาง

และการแพร่หลาย แห่งการเคลื่อนไหว

ของพระเจ้า บนแผ่นดินโลก: การตายของ

พระคริสต์, การปรากฏของพระคริสต์

ทรงกำลังจะมาถึง, พระคริสต์ในฐานะบุตร

มนุษย์ ผู้เสด็จมาเบื้องหน้า พระที่นั่งของ

พระเจ้า เพื่อจะรับอำนาจครอบครอง และ

อาณาจักร, พระคริสต์ผู้ทรงเป็นสหาย

ของพยานบุคคล ที่กำลังทนทุกข์ของพระ

เจ้า, และความเหนือล้ำของพระคริสต์.

(Life-study of Daniel, pp.73-74)

ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ในการมาปรากฏ

ครั้งแรกของพระคริสต์ คือการสิ้นสุด สิ่ง

ทรงสร้างทั้งปวง

ตามดานิเอล 2:35 และ 44 นั้นพระคริสต์จะ

เสด็จมา ในฐานะหินที่ถูกตัดออกมา โดยไม่

เห็นมือ เพื่อมาทุบทำลาย ปฏิมากรมนุษย์

รูปใหญ่ ตั้งแต่นิ้วเท้าไปจนถึงศีรษะ. ในการ

เสด็จมาของพระองค์ ผู้ทรงเป็นศิลาก้อน

หนึ่งนั้น พระองค์จะทรงทุบทำลาย ผู้ต่อ

ต้านพระคริสต์ พร้อมด้วยนิ้วเท้าทั้งสิบ. แต่

พระองค์จะไม่เสด็จมา โดยพระองค์เอง

พระองค์จะเสด็จมา พร้อมกับเจ้าสาวของ

พระองค์ (วว.19:11, 14).
ดานิเอล 7:13-14 เปิดเผยว่า บัดนี้พระ

คริสต์ ในฐานะบุตรมนุษย์ ทรงอยู่เบื้องหน้า

พระที่นั่งของพระเจ้า เพื่อจะรับอำนาจ

ครอบครอง และอาณาจักร. พระองค์ทรง

กำลังตระเตรียมทุกสิ่ง เพื่อจะกลับ

มาปกครองโลกนี้ พร้อมกับอาณาจักรของ

พระองค์

หนังสือดานิเอลยังเปิดเผยว่า พระคริสต์

ทรงกลายเป็นศูนย์กลาง และการแพร่

หลายของพลไพร่ ที่พระเจ้าทรงเลือกสรร
ผู้เชื่อในพระคริสต์อย่างเรา ก็คือพลไพร่ ที่

พระเจ้าทรงเลือกสรร แต่ในอีกด้านหนึ่ง

เราก็เป็นส่วนหนึ่ง ของสิ่งทรงสร้างเก่า ซึ่ง

ครอบคลุมถึง สิ่งของด้านลบอย่างสัตว์ร้าย

ที่ได้บรรยายไว้ ในดานิเอลบทที่ 7. ใน

ฐานะพลไพร่ ที่พระเจ้าทรงเลือกสรรนั้น

เราต้องให้พระคริสต์ ถูกกระทำเข้าสู่ภายใน

เรา มาเป็นศูนย์กลาง และการแพร่หลาย

ของเรา. (Life-study of Daniel, pp. 74-

76)

พระเจ้าทรงเปิดเผย มนุษย์ผู้ล้ำค่าคนหนึ่ง

แก่ดานิเอล. ...ดานิเอลอาจจะไม่รู้ว่า ชาย

ผู้นี้ก็คือ พระมาซีฮา
แต่พระองค์ทรงปรากฏ แก่ดานิเอล ด้วย

ลักษณะพิเศษ ที่อัศจรรย์อยู่หลายประการ.

ประการแรก พระคริสต์ผู้เหนือล้ำ ทรงมา

ปรากฏในฐานะ ปุโรหิตของพระองค์ เพื่อ

จะดูแลพลไพร่ ที่พระองค์ทรงเลือกสรร
ประการที่สอง พระคริสต์ทรงมาปรากฏ แก่

ดานิเอล ในฐานะกษัตริย์ของพระองค์ (ดัง

ที่มีเครื่องหมายเล็งโดย สายคาดเอว

ทองคำ) เพื่อจะปกครอง เหนือพลไพร่ทั้ง

ปวง
กษัตริย์ของพระองค์นั้น คือสภาพพระเจ้า.

นอกจากนี้ เพื่อให้พลไพร่ ของพระองค์ได้

ชื่นชม พระคริสต์ยังทรงมาปรากฏ ในความ

เหนือล้ำ และความสูงศักดิ์ของพระองค์ ดัง

ที่มีเครื่องหมายเล็ง โดยพระวรกาย ที่

เหมือนเพทาย
พระคริสต์ก็ทรงเป็น ผู้ที่รับการทดสอบจาก

ผู้อื่น และเป็นผู้ที่ทดสอบ ผู้อื่นด้วยเช่นกัน.

...
พระคริสต์ที่ดานิเอลได้เห็น ก็เป็นเช่นนี้.

พระองค์ทรงล้ำค่า, ทรงคุณค่า, ครบถ้วน,

และสมบูรณ์. ในฐานะมนุษย์นั้น พระองค์

ทรงเป็นศูนย์กลาง และการแพร่หลาย แห่ง

การเคลื่อนไหวของพระเจ้า เพื่อมาสำเร็จ

แผนการบริหารของพระองค์

สถานการณ์ทั้งหมดของโลกนี้ ล้วนอยู่ภาย

ใต้ การปกครองของสวรรค์ โดยพระเจ้า

แห่งสวรรค์ เพื่อจะสอดคล้อง กับแผนการ

บริหารของพระองค์ ซึ่งมีเพื่อพระคริสต์.

โดยเฉพาะสถานการณ์โลกในยุโรป และ

ประเทศรอบๆ ทะเลเมดิเตอร์เรเนียนในวันนี้

นั้น มีความสมดุล และนำเข้าสู่สภาพการณ์

ที่พร้อมสำหรับการเสด็จกลับมา ของพระ

คริสต์. พระองค์ทรงอยู่ที่ประตู และเวลาก็

ใกล้แล้ว. ขณะที่เรามองเห็นสถานการณ์นี้

เราต้องตื่นขึ้น และตระหนักว่าโลกนี้ ไม่ได้มี

ไว้สำหรับพวกเรา. พวกเรามีไว้ สำหรับ

พระคริสต์ และทุกวันเราก็ต้องตระเตรียมตัว

เพื่อพบกับพระองค์. เพื่อเราก็จะได้รับรางวัล

จากพระองค์.

พระคริสต์ทรงเป็นประมุข และผู้ครอบคลุม

สรรพสิ่ง เป็นศูนย์กลาง และการแพร่หลาย

ของพระเจ้า. หนังสือโกโลซายเปิดเผยว่า

พระคริสต์ทรงเป็นประมุข พระองค์ทรงเป็น

เอกในทุกสิ่ง. ทั้งในการเนรมิตสร้างครั้งแรก

และในสิ่งทรงสร้างใหม่นั้น พระคริสต์ทรง

ยึดครอง ความเป็นเอกไว้

ใน 1:15 บอกกับเราว่า พระคริสต์ทรงเป็น

"ผู้บังเกิดคนแรก ของสิ่งสารพัดที่ถูกสร้าง"

และใน 1:18 บอกว่าพระองค์ทรงเป็น "ผู้

บังเกิดคนแรก ของบรรดาคนตายที่เป็นขึ้น."

สิ่งทรงสร้างใหม่ของพระเจ้า มาจากการ

เป็นขึ้น. สำหรับการที่พระคริสต์ ทรงเป็น

ประมุข ในสิ่งทรงสร้างใหม่นั้น หมายความ

ว่า พระองค์ทรงเป็นคนแรก ที่อยู่ในการ

เป็นขึ้น. พระองค์ทรงเป็นเอก ทั้งในการ

เนรมิตสร้าง และในการเป็นขึ้น. กรณีนี้ก็

หมายความว่า พระองค์ทรงเป็นเอก ในสิ่ง

ทรงสร้างเก่า, ในจักรวาล, และในสิ่งทรง

สร้างใหม่ คือคริสตจักร. จักรวาลนี้ เป็น

สภาพแวดล้อม ที่คริสตจักรดำรงอยู่ ใน

ฐานะพระกายของพระคริสต์ เพื่อมา

สำแดงพระคริสต์ อย่างบริบูรณ์

พระองค์ยังทรงเป็น ผู้ครอบคลุมสรรพสิ่ง

อีกด้วย. พระคริสต์ทรงเป็น ความเที่ยงแท้

ของทุกสิ่ง ที่อยู่ในด้านบวกในจักรวาลนี้.

พระคริสต์ทรงเป็นสวรรค์, แผ่นดินโลก,

ดวงอาทิตย์, ชีวิต, ความสว่าง, ดวงดาว,

ต้นไม้, ดอกไม้, น้ำ, อากาศ, และอาหาร.

สิ่งของฝ่ายวัตถุทั้งหลาย ก็คือรูปภาพ ของ

สิ่งที่พระองค์ทรงเป็น ต่อพวกเรานั่นเอง

พระคริสต์ทรงเป็น คุณลักษณะอัน

ศักดิ์สิทธิ์ทุกอย่าง อย่างเช่นฤทธิ์เดช,

ความบริสุทธิ์, ความชอบธรรม, ความเอ็นดู,

และความรัก.

พระองค์ยังทรงเป็น คุณธรรมของมนุษย์

อีกด้วย อย่างเช่นความถ่อมใจ และความ

อดทน.

พระองค์ทรงเป็นคริสตจักร และอวัยวะทุก

ส่วนของคริสตจักร, การก่อสร้างของพระเจ้า

และศิลาทุกก้อนในการก่อสร้าง

ในฐานะองค์ผู้ครอบคลุมสรรพสิ่ง พระ

คริสต์ทรงเป็นศูนย์กลาง และการแพร่

หลายของพระเจ้า. ...พระคริสต์ทรงเป็น

ศูนย์กลาง และเส้นรอบวง แห่งพระ

ประสงค์ของพระเจ้า
. พระองค์ทรงเป็นดุมล้อ และขอบล้อด้วย.

ในด้านหนึ่งพระคริสต์ ทรงเป็นทุกสิ่ง

ดานิเอล บทที่ 2 กล่าวถึงพระคริสต์ ผู้เสด็จ

มาในฐานะศิลา

วิวรณ์บทที่ 19 ก็กล่าวถึงพระคริสต์ ที่

เสด็จมาพร้อมกับเจ้าสาว

การปกครองของมนุษย์ จะกลายเป็นแกลบ

ที่ปลิวไป ตามสายลม. จากนั้นพระคริสต์

แห่งกลุ่มชน ซึ่งก็คือพระคริสต์ พร้อมกับ

เหล่าผู้มีชัยชนะของพระองค์ จะกลายเป็น

ภูเขาใหญ่ มาเติมเต็มทั่วทั้งแผ่นดินโลก

คือทำให้ทั่วทั้งแผ่นดินโลก กลายเป็น

อาณาจักรของพระเจ้า (ดนอ.2:35, 44).

(Life-study of Daniel, p. 75)

ภูเขาใหญ่ในข้อ 35 เป็นเครื่องหมายเล็งถึง

อาณาจักรที่นิรันดร์ของพระเจ้า

ถ้าจะให้พระคริสต์ทรงเป็นเอก ในสิ่งสารพัด

พระเจ้าก็จำเป็น ต้องมีพลไพร่กลุ่มหนึ่ง.

ถ้าพระเจ้ายังไม่มีพลไพร่กลุ่มนี้ พระคริสต์

ก็ไม่มีทาง ถูกทำให้เป็นเอกได้. ในฐานะ ผู้

ที่พระเจ้าทรงเลือกสรร เราให้มาเป็นพล

ไพร่ของพระองค์นั้น พวกเราล้วนอยู่ภาย

ในการปกครอง ฝ่ายสวรรค์ของพระเจ้า

เราอยู่ภายใต้การปกครอง ฝ่ายสวรรค์ของ

พระเจ้า เพื่อพระคริสต์. จุดประสงค์ของ

การปกครอง ฝ่ายสวรรค์คือ การทำให้พล

ไพร่ ที่พระเจ้าทรงเลือกสรร ได้ครบสมบูรณ์

เพื่อให้พระคริสต์ทรงเป็นเอก เพื่อพระองค์

จะทรงเป็นที่หนึ่ง (ศูนย์กลาง) และทุกสิ่ง

พระคริสต์จึงสถิตอยู่กับเรา ในทุก

สถานการณ์. ยามเราเจ็บป่วย พระองค์ทรง

สถิตอยู่กับเรา. ยามเราเจอมรสุม พระองค์

ก็ทรงสถิตอยู่กับเรา. ข้าพเจ้าสามารถเป็น

พยานได้ว่า เราสามารถรับสุข การสถิตอยู่

ของพระองค์ได้ ในท่ามกลางมรสุมและการ

กบฏได้.

เราทุกคนล้วนต้องเรียนรู้สามสิ่ง คือรู้ว่า

จักรวาลนี้ อยู่ภายใต้การบริหารของพระเจ้า,

รู้ว่าจุดมุ่งหมายของพระเจ้า ในการบริหาร

ของพระองค์ ก็คือการทำให้พระคริสต์ เป็น

เอก, และรู้ว่าเพื่อสำเร็จ จุดมุ่งหมายของ

พระเจ้า พลไพร่ของพระองค์อย่างพวกเรา

ต้องให้ความร่วมมือ และการร่วมประสาน

กับพระองค์ให้ดีที่สุด.

วันพุธที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

เราจำต้องอยู่กับพระคำของพระเจ้าทั้งวันทั้งคืน

สดด. 1:2 ​แต่​ชื่น​ชม​ใน​ธรรม​บัญญัติ​ของ​พระ​ยาห์​เวห์ ท่อง​บ่นธรรม​บัญญัติ​ของ​พระ​องค์​ทั้ง​วัน​ทั้ง​คืน

ในหนังสือพระธรรมสดุดีได้บอกว่าให้เราต้องท่องบ่นหรือในที่นี่หมายถึงการที่เราจำต้องอยู่กับพระคำของพระเจ้าตลอดเวลา

เป็นการเตือนข้าพเจ้าอีกครั้งหนึ่งในการมุ่งแสวงหาพระเจ้าฝ่ายจิตวิญญาณอย่างแท้จริง

บ่อยครั้งข้าพเจ้ามักหมดเวลาไปกับเรื่องไร้สาระมากมาย

เช่นอ่านหนังสือพิมพ์ การอ่านหนังสือพิมเรามักจะอ่านแต่เรื่องไม่มีประโยชน์ซ้ำยังทำให้เราตกต่ำในชีวิตฝ่ายวิญญาณ หากเอาเวลามาอ่านพระคำของพระเจ้า

จะได้ชีวิตฝ่ายวิญญาณที่ก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น

ซาตานมันฉลาดจริงมาดึดงดูเราจากพระคำของพระเจ้ามากมาย

เช่นรายการทีวี วิทยุ หนังสือ ละครเวทีการแสดง

เสียเวลาไปกับเรื่องไร้สาระพวกนี้มากมายทั้งที่เป็นเรื่องที่ซาตนสร้างขึ้นมาทั้งนั้น

 

โอ้ข้าแต่พระเยซูวันนี้เราจำต้องขัดเกลาชีวิตฝ่ายวิญญาณให้มากๆๆยิ่งขึ้นด้วยการอ่านพระคำของพระเจ้า หนังสือกิตติคุณมากมายที่เราต้องอ่านมากๆๆยิ่งขึ้น

วันนี้พระคำสดุ

ดีได้ย้ำเตือน้พเจ้าให้เอาเวลาทั้งหมดให้ทบทวนไตร่ตรองใคร่ครวญแต่พระคำของพระเจ้าทั้งวันและตลอดเวลา

สรรเสริญพระองค์ขอบคุณพระเจ้าวันนี้เราต้องเอาพระคำของพระเจ้าเป็นใหญ่ในชีวิตของเรา เอเมน.

วันพุธที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

จงออกไปก่อสร้างแผ่นดินของพระเจ้า

ยรม. 1:9 ​แล้ว​พระ​ยาห์​เวห์​ทรง​ยื่น​พระ​หัตถ์​มา​สัมผัส​ปาก​ของ​ข้าพ​เจ้า ​พระ​ยาห์​เวห์​ตรัส​กับ​ข้าพ​เจ้า​ว่า “ดู​ซิ เรา​ใส่​ถ้อยคำ​ของ​เรา​ใน​ปาก​ของ​ท่าน​แล้ว
ยรม. 1:10 ​ดู​ซิ วันนี้​เรา​ตั้ง​ท่าน​เหนือ​นานา​ขา​ติ​และ​เหนือ​อาณา​จักร​ต่างๆ เพื่อ​ถอน​ราก​และ​ทำ​ให้​พัง​ทลาย เพื่อ​ทำลาย​และ​รื้อ​ลง เพื่อ​จะ​ได้​ก่อสร้าง​และ​ปลูก​ขึ้น​ใหม่”

 

ขอบพระคุณพระเจ้า ที่ในเยเรมีย์

พระเจ้าได้ทรงยื่นพระหัตถ์ของพระองค์มาสัมผัสปากของเราให้ออกไปบอกข่าวดีกิติคุณของพระเจ้า

วันนี้หน้าที่ของเราคือช่างก่อสร้างในองค์พระเยซูคริสค์

ที่จะออกไปปลูกสร้างแผ่นดินของพระเจ้าทั่วแผ่นดินโลก เอเมน.


วันพุธที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

โลกีตัณหาราคะก็คือรูปเคารพอย่างหนึ่งเช่นกัน

คส. 3:5 ​ท่าน​ทั้ง​หลาย​จง​ปราบ​โลกีย์​วิสัยใน​ตัว​ท่าน คือ​การ​ผิด​ประเวณี ​ความ​ลามก กิเลส​ตัณหา ​ความ​ปรารถนา​ใน​ทาง​ชั่วร้าย และ​ความ​โลภ​ซึ่ง​เป็น​เหมือน​การ​กราบไหว้​รูป​เคารพ​อย่างหนึ่ง คส. 3:6 ​โลกีย์​วิสัย​เหล่า​นี้​นำ​การ​ตัดสิน​ลงโทษ​ของ​พระ​เจ้า​ลง​มา​ยัง​ผู้​ดื้อรั้น


ขอบพระคุณพระเจ้าที่วันนนี้ได้นำพาให้ได้มาอ่านในพระธรรมโคโลสีบทที่3ข้อ5-6
ในเรื่องของโลกีย์ตัณหาที่เตือยข้าพเจ้าว่าเป็นรูปเคารพอย่างหนึ่งเช่นกัน
ร่างกานของเราเป็นที่อาศัยขององค์พระผู้เป็นเจ้าแล้วเราก็มีชวิตที่ต้องดำเนินตามการทรงนำของพระเจ้า
ร่างกายของเราต้องสะอาดปราศจากมลทินทั้งปวง ในพระธรรมโคโลสีได้ใช้คำว่าจงปราบโลกีย์วิสัยในตัว.ตรงนี้เป็นการย้ำเตือนว่าเราต้องขจัดทำความสะอาดเรื่องราคะตัฒหาของเนื้อหนังให้หมดจากตัวเราทั้งสิ้น
การเที่ยวหลับนอนกับผู้หญิงที่ไม่ใช่ภรรยาของตน การเที่ยวอาบอบนวด หรือหญิงบริการ หรือการคิดแต่เรื่องลามก การดูชมภาพยนตร์ ภาพหนังเกี่ยวกับเรื่องราวทางเพศยิ่งเป็นสิ่งที่ต้องกำจัดออกไปจากตัวเราทั้งสิ้น

ในสังคมทุกวันนี้เรามักจะเห็นว่ามีการหลับนอนกันได้อย่างง่ายดาย ไม่ซ้ำหน้าเสร็จแล้วก็แล้วกันไปพระเจ้าจึงลงโทษมนุษย์ด้วยการให้มีโรคต่างๆๆมากมายเช่นโรคเอดส์เป็นตั้น
การเสียเวลาชมหนังดูภาพอ่านเรื่องราวลามกไร้สาระนั้นทำให้เราพ่ายแพ้ต่อชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณอย่างแท้จริง
หากเราหันกลับอย่าสิ้นเชิ่งมีชีวิตที่บริสุทธิ์ปราศจากมลทินเหล่านี้เราสามารถทำได้ด้วยการมีใจจดจ่ออยู่กับการอธิษฐาน อ่านพระคัมภีร์ อ่านหนังสือกิตติคุณ
และร่วมผสมผสานแบ่งปันข้อมูลกับพี่น้องคริสเตียนด้วยกันอย่างสม่ำเสมอ
เช่นการไปประชุมตามบ้านพี่น้อง การประชุมที่คริสจักร หรือการสนทนากันผ่านสื่อทางอินเตอร์เนตเช่นสกายโฟน ไลน์ หรืออีกหลายช่องทางผ่านอินเตอร์เนต.เป็นต้น
โคโลสีได้บอกเราว่าโลกีวิสัยราคะตัณหานี้ก็เป็นเหมือนรูปเคารพด้วยเช่นกัน
ไม่ใช่แค่รูปปั่นที่มนุษย์ทำขึ้นมาเท่านั้น รวมถึงเรื่องชั่วช้าลามกด้วยเช่นกัน.
วันนี้เราจำต้องละทิ้งเรื่องลามกเหล่านี้เพื่อจะได้ไม่โดนพระเจ้าลงโทษทั้งตอนที่มีชีวิตอยู่ด้วยการเป็นโรคชั่วร้ายอย่างโรคเอดส์หรือจะได้โดนพระเจ้าปรับโทษให้ลงในนรกบึงไฟเช่นกัน.

รูปเคารพโลกีราคะตัณหาเช่นนี้ไม่ควรมีแก่เราทั้งหลายที่เป็นผู้ที่กลับใจใหมหันสู่พระเจ้า และจะเป็นตัวอย่างที่ดีเป็นพยานแก่พระเจ้าด้วยเช่นกันขอบพระคุณพระเจ้า.