วันพุธที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2556

นิมิตแห่งรูปปฏิมากรใหญ่ นิมิตที่ควบคุมอยู่ในหนังสือดานิเอล

นิมิตแห่งรูปปฏิมากรใหญ่ นิมิตที่ควบคุมอยู่ในหนังสือดานิเอล

รูปปฏิมากรใหญ่นี้ เป็นเครื่องหมายเล็งถึง
การรวบยอด แห่งการปกครองทั้งหมดของมนุษย์

การปกครองของมนุษย์ ได้กระทำสามสิ่งนี้มาโดยตลอด:
1.  กบฏต่อพระเจ้า,
2. ยกชูมนุษย์,
3. กราบไหว้รูปเคารพ

การรวบยอดแห่งจักรวรรดิของมนุษย์ ซึ่งเริ่มจากนิมโรดที่บาเบล ก็จะสำเร็จสุดยอด ที่ซีซาร์องค์สุดท้าย ของจักรวรรดิโรมันกับกษัตริย์สิบองค์.

ดังนั้น ถ้าว่าตามพระคัมภีร์ ในวันนี้เราก็ยังคงอยู่ ในจักรวรรดิโรมัน.

วันนี้เรายังคงอยู่ภายใต้ อิทธิพลของวัฒนธรรมโรมัน โดยเฉพาะในเรื่องของกฎหมาย, การเมือง, และการปกครอง จึงอาจกล่าวได้ว่า จักรวรรดิโรมันยังคงดำรงอยู่ และเราก็ยังคงอยู่ในจักรวรรดินี้.
ในสายพระเนตรของพระเจ้า การปกครองทั้งหมดของมนุษย์ ตั้งแต่นิมโรดจนถึงผู้ต่อต้านพระคริสต์ คือบาบิโลน.

วันนี้เราอยู่ในส่วนใด ของปฏิมากรใหญ่รูปมนุษย์นี้. ผลจากการศึกษาพระคัมภีร์ และสถานการณ์ของโลก มากว่าหกสิบปี
เชื่อว่าวันนี้ เรากำลังอยู่ที่เท้าของรูปปฏิมากร ใกล้กับนิ้วเท้าสิบนิ้วเต็มที. สถานการณ์ของโลก โดยเฉพาะสถานการณ์ของทวีปยุโรป กำลังถูกเปลี่ยนลักษณะ ให้สอดคล้องกับคำพยากรณ์ ที่อยู่ในพระคัมภีร์. หากเรามีความชัดเจนต่อเรื่องนี้ เราก็จะรู้ว่าตอนนี้เราอยู่ที่ไหน และเราควรจะทำอะไร. วัฒนธรรม, แก่นแท้, และธาตุแท้ของจักรวรรดิโรมัน ยังคงดำรงอยู่ต่อไป

และการปรากฏ ของนิ้วเท้าทั้งสิบนิ้ว ซึ่งจะนำพระคริสต์ ผู้เป็นก้อนหินที่มาทุบทำลาย การรวบยอด แห่งการปกครองของมนุษย์เข้ามา และนำมาซึ่งอาณาจักรที่นิรันดร์ ของพระเจ้าบนแผ่นดินโลก.

ส่วนเท้ากับนิ้วเท้า ที่เป็นเหล็กปนดิน (ข้อ 41-43) เป็นเครื่องหมายเล็งถึง นานาประเทศที่อยู่ในช่วงเวลา หลังจากการล่มสลายของกรุงโรม

และก่อนการเสด็จมา ครั้งที่สองของพระคริสต์. นานาประเทศเหล่านี้ เป็นเผด็จการปนกับประชาธิปไตย.

เท้าทั้งสิบของรูปปฏิมากร เป็นเครื่องหมายเล็งถึง กษัตริย์สิบองค์ ของจักรวรรดิโรมัน ที่เฟื่องฟูและฟื้นฟู ซึ่งอยู่ภายใต้การครอบครอง ของผู้ต่อต้านพระคริสต์

และอธิบายว่า เรากำลังอยู่ในช่วงของเหล็กปนดิน ของรูปปฏิมากร.

ผู้คนนับล้านกำลังลุกฮือขึ้น ในยุโรปตะวันออก. เมื่อไม่นานมานี้ ก็มีผู้คนนับล้าน ลุกขึ้นมาในจีนแดง เพื่อเรียกร้องอิสรภาพ. เมื่อดินลุกขึ้นมา เหล็กก็จะอ่อนกำลังลง.

ชะตากรรมของปฏิมากรใหญ่รูปมนุษย์คือ เมื่อก้อนหินที่ถูกตัดออกมาโดยไม่เห็นมือ ได้ปรากฏออกมา ทำการบดขยี้มันจนแหลกละเอียด (ดนอ.2:34-35ก, 44ข-45; 7:13-14).

ก้อนหินที่ถูกตัดออกมา โดยไม่เห็นมือนี้ก็คือพระคริสต์. ในฐานะก้อนหิน ที่จะมาบดขยี้ การปกครองทั้งหมดของมนุษยชาติ

พระคริสต์จะไม่ถูกตัดออกมา โดยมือมนุษย์ (ดังที่ได้บ่งชี้โดยวลี "โดยไม่เห็นมือ" ใน 2:34, 45).

แต่ถูกพระเจ้าตัด โดยผ่านการตรึงตาย และการเป็นขึ้นของพระองค์.

โดยการตรึงตาย พระองค์ทรงถูกตัด โดยถูกประหารให้ตาย (กจ.2:23)

และในการเป็นขึ้น พระองค์ทรงถูกตัด โดยกลายเป็นศิลาหัวมุม เพื่อการก่อสร้างคริสตจักร และศิลาที่มาบดขยี้ เพื่อมาทุบทำลายการสรุปรวม แห่งการปกครองของมนุษย์ (กจ.2:24; มธ.21:42, 44ข). (Life-study of Daniel, p. 16)

ในการมาปรากฏของพระองค์ ในฐานะก้อนหินที่ถูกตัดออกมา ไม่ใช่ด้วยมือมนุษย์ พระคริสต์ทรงบดขยี้รูปปฏิมากรใหญ่ ตั้งแต่นิ้วเท้าไปจนถึงหัว.

กรณีนี้หมายความว่า พระองค์จะทรงทุบทำลาย กษัตริย์สิบองค์ พร้อมกับผู้ต่อต้านพระคริสต์.

วิวรณ์บทที่ 19 พูดถึงสงครามระหว่างพระคริสต์ กับผู้ต่อต้านพระคริสต์. พระคริสต์จะเสด็จมา พร้อมกับเจ้าสาว ที่เพิ่งสมรสกับพระองค์ ซึ่งประกอบขึ้นจากเหล่าผู้มีชัยชนะ

ส่วนผู้ต่อต้านพระคริสต์ จะมาพร้อมกับกษัตริย์สิบองค์ และกองทัพของพวกเขา.

สงครามในครั้งนี้คือ แผ่นดินต่อสู้กับสวรรค์, มนุษย์ต่อสู้กับพระเจ้า. พระคริสต์จะทรงทำลาย ผู้ต่อต้านพระคริสต์ กับกษัตริย์สิบองค์ และทำให้มันพ่ายแพ้ไป.

"ส่วนเหล็ก, ดิน, ทองเหลือง, เงินและทองคำ ก็ถูกบดขยี้จนแหลกละเอียดไป พร้อมๆ กัน กลายเป็นเหมือนแกลบ จากลานนวดข้าวในฤดูร้อน และลมก็พัดพาเอาไป จนหาร่องรอยไม่พบอีก.

" ข้อนี้เป็นเครื่องหมายเล็งถึง การทำลายการปกครองทั้งหมดของมนุษย์ ตั้งแต่นิมโรด จนถึงผู้ต่อต้านพระคริสต์อย่างครบถ้วน. การปกครองของมนุษย์ จะถูกทำลายโดยพระคริสต์ ในการมาปรากฏของพระองค์ ในฐานะก้อนหิน ที่ถูกตัดออกมาโดยพระเจ้า.

พระคริสต์ทรงเป็นศิลาในสามด้าน.

1. ด้านแรก ต่อผู้เชื่อทั้งหลาย พระคริสต์ทรงเป็นศิลาราก ที่พวกเขาเชื่อวางใจ. สำหรับพระคริสต์ ผู้เป็นศิลาในด้านนี้ ยะซายา 28:16 กล่าวว่า "ดูเถิด เราวางศิลาไว้ในซีโอน เพื่อเป็นรากฐาน คือศิลาที่ผ่านการทดสอบ เป็นศิลาหัวมุมอย่างประเสริฐ เป็นรากฐานอันมั่นคง."
2. ด้านที่สอง ต่อชาวยิวที่ไม่เชื่อ พระคริสต์ทรงเป็นศิลา ที่ทำให้สะดุด (ยซย.8:14; รม.9:33). เกี่ยวกับด้านนี้ มัดธาย 21:44ก กล่าวว่า "ผู้ใดล้มทับศิลานี้ ผู้นั้นจะต้องแตกละเอียดไป."
3. ด้านที่สาม ต่อบรรดาประชาชาติ พระคริสต์ทรงเป็นศิลา ที่มาบดขยี้ "ศิลานี้จะตกทับผู้ใด ผู้นั้นจะถูกกระแทกเป็นธุลี และปลิวว่อนไปดังแกลบ" (มธ.21:44ข) (Life-study of Daniel, pp. 16-17)

ชะตากรรมของปฏิมากรใหญ่รูปมนุษย์ คือการถูกบดขยี้ โดยก้อนหินที่ถูกตัดออกมา โดยไม่เห็นมือ (ดนอ.2:34-35ก, 44ข-45). หินก้อนนี้ก็คือพระคริสต์.
หลังจากงานมงคลสมรสของพระคริสต์ พระองค์จะเสด็จมา ทั้งในฐานะศิลาที่มาบดขยี้ และผู้ที่จะมาเหยียบย่ำบ่อองุ่น (วว.19:15; 14:19-20; ยซย.63:2-3).

ผู้ต่อต้านพระคริสต์ จะรวบรวมผีมารจำนวนมหาศาล, มนุษย์ที่กบฏ รอบกรุงเยรูซาเล็ม นั่นก็คือการตระเตรียม "องุ่น" ที่จะถูกพระคริสต์เหยียบย่ำใน "บ่อย่ำองุ่น."

การเสด็จมาของพระองค์ จะเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจ

เพราะผู้ที่กบฏเหล่านั้น จะไม่เชื่อทั้งในพระคริสต์ และในพระเจ้า พวกเขาเชื่อแต่ตัวเองเท่านั้น.

ผู้ต่อต้านพระคริสต์จะกล่าวว่า ตัวมันเองเป็นพระเจ้าด้วยซ้ำไป (2ธซ.2:4; ดนอ.11:36)

จากนั้นพระคริสต์ ในฐานะก้อนหินที่ถูกตัด โดยพระเจ้าก็จะเสด็จมา พร้อมกับเจ้าสาวของพระเจ้า เพื่อกระแทกนิ้วเท้าของรูปปฏิมากร และทำลายรูปนั้นตั้งแต่นิ้วเท้า ไปจนถึงหัว. (Life-study of Daniel, pp. 17-18)
เลือกอ่านค้นคว้า: Life-study of Daniel, msg. 3

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น