มลค. 1:11 พระยาห์เวห์จอมทัพตรัสว่า ตั้งแต่ที่ดวงอาทิตย์ขึ้นถึงที่ดวงอาทิตย์ตก นามของเราก็ใหญ่ยิ่งท่ามกลางประชาชาติทั้งหลาย และเขาถวายเครื่องหอมและของถวายที่บริสุทธิ์แด่นามของเราทุกที่ทุกแห่ง เพราะว่านามของเรานั้นใหญ่ยิ่งท่ามกลางประชาชาติ
ขอบคุณพระเจ้าวันเวลาเดือนปีหมุนเร็วยิ่งนัก
สะท้อนให้เห็นว่าเวลาของเราที่อยู่กับพระเจ้าในโลกนี้น้อยลงไปทุกที
พระเจ้าของเราเป็นอยู่เป็นนิจ
แต่เรามนุษย์ดินเสื่อมสลายได้ในพริบตา
ปี2014กำลังล่วงไป
ปี2015กำลังเข้ามา
สิ่งที่ไม่ได้ทำหลายอย่างในปีเก่าขอให้เริ่มต้นใหม่รอบใหม่ตั้งต้นตั้งใจแสวงหา
รักพระเจ้า รักพระคำ รักการอธิษฐาน รักการประชุมนมัสการ
ทำทุกสิ่งทุกอย่างถวายตอบแทนพระคุณพระเจ้าของเรา
พระเยซูคริสต์ทำเพื่อเรามาก่อนสองพันกว่าปีแล้ว
วันนี้เราต้องทำให้กับพระองค์เพื่อแสดวงว่าเรารักพระองค์ยำเกรงพระองค์
ขอพระเยซูคริสต์พระเจ้าองค์สันติสุขดำรงอยู่กับพี่น้องทุกท่าน เอเมน.
ในฐานะที่เป็นมนุษ์ตัวเล็กๆๆคนหนึ่งที่พระเจ้าทรงเรียกและเลี้ยงดูมาตลอดเวลาช่วงชีวิตต่อแต่นี้ไป 24ชั่วโมงคือการรับใช้พระเจ้าในทุกๆๆด้าน ขอพระเจ้าทรงนำพาหนทางให้แก่ข้าพระองค์ด้วยเถิดเอเมน
วันพุธที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2557
การพิพากษาอนาคตขึ้นอยู่กับพระเจ้า
การพิพากษาและอนาคตขึ้นอยู่กับพระเจ้า
ปญจ. 3:16 ยิ่งกว่านั้นอีก ที่ภายใต้ดวงอาทิตย์ข้าพเจ้าเห็นว่า ในที่ของความยุติธรรมมีความอธรรมอยู่ด้วย และในที่ของความชอบธรรมมีความอธรรมอยู่ด้วย
ปญจ. 3:17 ข้าพเจ้ารำพึงในใจว่า พระเจ้าจะทรงพิพากษาคนชอบธรรมและคนอธรรม เพราะมีกาลกำหนดไว้สำหรับทุกเรื่อง และสำหรับการงานทุกอย่าง
ปญจ. 3:18 ข้าพเจ้ารำพึงในใจเกี่ยวกับบรรดามนุษย์ว่า พระเจ้าทรงทดสอบพวกเขาเพื่อจะสำแดงว่า พวกเขาเป็นเพียงสัตว์
ปญจ. 3:19 เพราะว่าเคราะห์ของบรรดามนุษย์กับเคราะห์ของสัตว์นั้นเหมือนกัน ฝ่ายหนึ่งตาย อีกฝ่ายหนึ่งก็ตายเหมือนกัน ทั้งสองมีลมหายใจอย่างเดียวกัน และมนุษย์ไม่มีอะไรดีกว่าสัตว์ เพราะสารพัดก็อนิจจัง
ปญจ. 3:20 ทุกอย่างไปสู่ที่เดียวกัน ทุกอย่างเป็นมาจากผงคลีดิน และทุกอย่างกลับเป็นผงคลีดินอีก
ปญจ. 3:21 ใครจะรู้ได้ว่าวิญญาณของมนุษย์ไปสู่เบื้องบน และวิญญาณของสัตว์ลงไปสู่แผ่นดินโลก?
ปญจ. 3:22 เพราะฉะนั้นข้าพเจ้าจึงเห็นว่า ไม่มีอะไรดีไปกว่าที่มนุษย์จะเปรมปรีดิ์ในการงานของตน เพราะว่านั่นเป็นรางวัลของเขา ใครจะนำเขาให้เห็นว่าอะไรจะเป็นมาภายหลังเขา?
เราเป็นแค่ผงคลีดินแต่วันนี้เรามีโอกาสต่างจากสัตว์ตรงที่เรามีพระวิญญาณของพระเจ้าอยูภายในเราเรามีพระเจ้าตรีเอกภาพภายในเรา
เรามีพระคัมภีร์ไว้อ่าน เรามีเวลาอ่านเรามีเวลาอธิษฐานเรามีเวลาประชุมนมัสการพระเจ้า เรามีการดำเนินชีวิตคริสตจักร
ขอบพระคุณพระเจ้าที่พระองค์ส่งบุตรคนองค์เดียวมาไถ่มนุษย์บาปอย่างข้าพระองค์
คนบาปคนหนึ่งวันนี้ได้รับพระคุณที่ล้นเหลือแล้ว
ไม่มีสิ่งใดตอบแทนพระองค์ได้เท่ากับเป็นข้ารับใช้พระองค์เท่านั้น
สรรเสริญพระเยซูขอบคุณพระเจ้า เอเมน.
ปญจ. 3:16 ยิ่งกว่านั้นอีก ที่ภายใต้ดวงอาทิตย์ข้าพเจ้าเห็นว่า ในที่ของความยุติธรรมมีความอธรรมอยู่ด้วย และในที่ของความชอบธรรมมีความอธรรมอยู่ด้วย
ปญจ. 3:17 ข้าพเจ้ารำพึงในใจว่า พระเจ้าจะทรงพิพากษาคนชอบธรรมและคนอธรรม เพราะมีกาลกำหนดไว้สำหรับทุกเรื่อง และสำหรับการงานทุกอย่าง
ปญจ. 3:18 ข้าพเจ้ารำพึงในใจเกี่ยวกับบรรดามนุษย์ว่า พระเจ้าทรงทดสอบพวกเขาเพื่อจะสำแดงว่า พวกเขาเป็นเพียงสัตว์
ปญจ. 3:19 เพราะว่าเคราะห์ของบรรดามนุษย์กับเคราะห์ของสัตว์นั้นเหมือนกัน ฝ่ายหนึ่งตาย อีกฝ่ายหนึ่งก็ตายเหมือนกัน ทั้งสองมีลมหายใจอย่างเดียวกัน และมนุษย์ไม่มีอะไรดีกว่าสัตว์ เพราะสารพัดก็อนิจจัง
ปญจ. 3:20 ทุกอย่างไปสู่ที่เดียวกัน ทุกอย่างเป็นมาจากผงคลีดิน และทุกอย่างกลับเป็นผงคลีดินอีก
ปญจ. 3:21 ใครจะรู้ได้ว่าวิญญาณของมนุษย์ไปสู่เบื้องบน และวิญญาณของสัตว์ลงไปสู่แผ่นดินโลก?
ปญจ. 3:22 เพราะฉะนั้นข้าพเจ้าจึงเห็นว่า ไม่มีอะไรดีไปกว่าที่มนุษย์จะเปรมปรีดิ์ในการงานของตน เพราะว่านั่นเป็นรางวัลของเขา ใครจะนำเขาให้เห็นว่าอะไรจะเป็นมาภายหลังเขา?
เราเป็นแค่ผงคลีดินแต่วันนี้เรามีโอกาสต่างจากสัตว์ตรงที่เรามีพระวิญญาณของพระเจ้าอยูภายในเราเรามีพระเจ้าตรีเอกภาพภายในเรา
เรามีพระคัมภีร์ไว้อ่าน เรามีเวลาอ่านเรามีเวลาอธิษฐานเรามีเวลาประชุมนมัสการพระเจ้า เรามีการดำเนินชีวิตคริสตจักร
ขอบพระคุณพระเจ้าที่พระองค์ส่งบุตรคนองค์เดียวมาไถ่มนุษย์บาปอย่างข้าพระองค์
คนบาปคนหนึ่งวันนี้ได้รับพระคุณที่ล้นเหลือแล้ว
ไม่มีสิ่งใดตอบแทนพระองค์ได้เท่ากับเป็นข้ารับใช้พระองค์เท่านั้น
สรรเสริญพระเยซูขอบคุณพระเจ้า เอเมน.
วันอังคารที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2557
พระคุณหรือผลประโยชน์ต่างตอบแทน
มธ. 6:1 “จงระวัง อย่าทำศาสนกิจเพื่ออวดคนอื่น ถ้าทำอย่างนั้นท่านทั้งหลายจะไม่ได้รับบำเหน็จจากพระบิดาของท่านผู้สถิตในสวรรค์
พระคุณหรือผลประโยชน์ต่างตอบแทน
พี่น้องทั้งหลายท่านเชื่อพระเจ้าเพราะอะไร
พี่น้องทั้งหลายท่านรับใช้พระเจ้าเพราะอะไร.
จะสิ้นปีแล้วต้องมานั่งทบทวนพระคำแห่งความจริง
เมื่อพระเยซูเจ้านำเราหลุดพ้นจากยุคกฎบัญญัติหลั่งพระโลหิตตรึงชีวิตเก่าตายแล้วเป็นขึ้นมาเพื่อไถ่เราทั้งหลายในวันนี้
ดังนั้นเราจึงไม่มีไม่เป็นอะไรเลยที่จะเรียกร้องผลประโยชน์ต่างตอบแทนจากพระเจ้าของเราได้อีก
ดังนั้นวันนี้เราเชื่อเรารับใช้พระเจ้าเพราะพระคุณอันล้นเหลือของพระองค์ที่มีต่อเราก่อนเราจึงต้องเชื่อและรับใช้พระองค์ด้วยพระคุณไม่ใช่ด้วยการหวังผลประโยชน์ที่เราจะได้รับจากพระองค์
จะสิ้นปีอีกแล้วพี่น้องทั้งหลายท่านต้องกลับใจใหม่เปลี่ยนใหม่ถอดด้ามเป็นคนใหม่ในพระองค์ ทำทุกสิ่งทุกอย่างถวายแด่พระเจ้าด้วยความรักในพระเจ้าด้วยพระคุณที่พระเจ้ามีต่อพีน้องทั้งหลาย
มธ. 6:33 แต่พวกท่านจงแสวงหาแผ่นดินของพระเจ้า และความชอบธรรมของพระองค์ก่อน แล้วพระองค์จะทรงเพิ่มเติมสิ่งทั้งปวงนี้ให้ เอเมน
พระคุณหรือผลประโยชน์ต่างตอบแทน
พี่น้องทั้งหลายท่านเชื่อพระเจ้าเพราะอะไร
พี่น้องทั้งหลายท่านรับใช้พระเจ้าเพราะอะไร.
จะสิ้นปีแล้วต้องมานั่งทบทวนพระคำแห่งความจริง
เมื่อพระเยซูเจ้านำเราหลุดพ้นจากยุคกฎบัญญัติหลั่งพระโลหิตตรึงชีวิตเก่าตายแล้วเป็นขึ้นมาเพื่อไถ่เราทั้งหลายในวันนี้
ดังนั้นเราจึงไม่มีไม่เป็นอะไรเลยที่จะเรียกร้องผลประโยชน์ต่างตอบแทนจากพระเจ้าของเราได้อีก
ดังนั้นวันนี้เราเชื่อเรารับใช้พระเจ้าเพราะพระคุณอันล้นเหลือของพระองค์ที่มีต่อเราก่อนเราจึงต้องเชื่อและรับใช้พระองค์ด้วยพระคุณไม่ใช่ด้วยการหวังผลประโยชน์ที่เราจะได้รับจากพระองค์
จะสิ้นปีอีกแล้วพี่น้องทั้งหลายท่านต้องกลับใจใหม่เปลี่ยนใหม่ถอดด้ามเป็นคนใหม่ในพระองค์ ทำทุกสิ่งทุกอย่างถวายแด่พระเจ้าด้วยความรักในพระเจ้าด้วยพระคุณที่พระเจ้ามีต่อพีน้องทั้งหลาย
มธ. 6:33 แต่พวกท่านจงแสวงหาแผ่นดินของพระเจ้า และความชอบธรรมของพระองค์ก่อน แล้วพระองค์จะทรงเพิ่มเติมสิ่งทั้งปวงนี้ให้ เอเมน
วันอาทิตย์ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2557
จงหายเหนื่อยเป็นสุขในพระคริสต์วันนี้
จงหายเหนื่อยเป็นสุขในพระคริสต์วันนี้
มธ. 11:28 บรรดาผู้ทำงานเหน็ดเหนื่อยและแบกภาระหนัก จงมาหาเรา และเราจะให้ท่านทั้งหลาย หายเหนื่อยเป็นสุข
(สองสามวันก่อนพ่อฟังรายการวิทยุ พ่อได้ยินถ้อยคำของคนที่ไม่มีความเชื่อในพระเจ้า เขาใช้เวลายาวนานมาก พยายามพิสูจน์ว่าเรื่องพระเจ้าเป็นเรื่องไร้สาระและไม่มีเหตุผล เพราะศาสนาต้องเป็นศาสนาแห่งเหตุผล... ปฏิเสธความเชื่อในพระเจ้า เขาใช้เวลาพูดอยู่ยาวนาน พ่อก็ฟังไปก็อมยิ้ม... “เหนื่อยนะครับที่จะพยายามปฏิเสธพระเจ้า... เพราะถ้าไม่มีอยู่จริงแล้วจะมานั่งปฏิเสธทำไมหนอ...” และเน้นว่าต้องใช้เหตุผลพิสูจน์ได้... เหตุผลของเราคือพระเจ้าเอง เหนือกว่าเหตุผลใดๆ... เหนื่อยครับ... “เราคริสตชนเชื่อเถอะ ความเชื่อ คือ ความจริงในความเชื่อ และเหตุผลคือความเชื่อเอง... มีความสุขถ้าได้เชื่อ... คนที่เขาพยายามปฏิเสธแล้วปฏิเสธอีก เขาก็เชื่อในความพยายามของเขาครับแม้ต้องแจวเรือในอ่างน้ำก็ตาม... “วน”
o เราได้เห็น “ความรัก” ของพระองค์ เชื่อมั่นในพระองค์ได้เลยครับ “มีความสุขในความเชื่อเถอะครับ”)
ขอยกตัวอย่างมาจากรำพึงพระวาจาประจำวันของคุณพ่อสมเกียรติ ตรีนิกรประจำวันจันทร29ธันวาคม2014
เหนื่อยจริงๆๆ ความเชื่อต้องหาเหตุผลมากมายมายืนยันนั่นไม่ใช่เชื่อพระเจ้าแล้วแต่เชื่อต้นไม้แห่งความรู้ดีและรู้ชั่ว เหตุผลคือความคิดเห็นส่วนตัวบางคนตั้งเหตุผลไว้ว่าต้องแบบนี้ถึงจะถูกต้องพิสูจน์ได้ก่อนถึงจะเชื่อ ต้องเชื่อแบบวิทยาศาตร์
การเชื่อในพระเจ้าเป็นเรื่องเฉพาะตัวจริงๆๆ
บางคนเชื่อทันทีว่ามีพระเจ้าจริงมีพระเยซูคริสต์จริง
แต่บางคนนานมากกว่าจะเชื่อใช้เวลาร่วมหมดสินอายุขัยของชีวิตเหนื่อยนะ
แต่บางคนก็เหนื่อยจนตายในที่สุดก็ว่างเปล่าตายไปแบบไร้ความเชื่อเพราะเขากินต้นไม้แ่ห่งความรู้มากไป
มีพี่น้องคริสเตียนบางคนมักใช้คำว่ารู้เขารู้เรา คือศึกษาในเรื่องพระเจ้าแบบประวัติศาตร์ นักเทสน์คนนี้คณะนี้ยุคนี้เป็นโพสโมเดิอน์เป็นโน่นนี่นั่นแต่ไม่เอาเรื่องความหมายฝ่ายวิญญาณของพระคำของพระเจ้าในพระคัมภีร์ แต่แกเรียนรู้หลายสำนักจบมาหลายที่หลายหลักสูตรประกาศนีบัตรมากมายแก่เชื่อแบบไหนรู้ใหม ใครวางมือที่ไหนไปเอาหมด เชื่อในเรื่องวางมือการมหัศจรรย์ทางตาเห็น แต่ไม่เอาพระคำพระเจ้าทั้งหมดมาแสวงหาหลักความจริง พี่น้องแบบนี้เรียกว่าเชื่อแบบกินต้นไม้แห่งความรู้ดีชั่ว ไม่ได้กินพระคำแห่งชีวิตถ้าให้อ่านหนังสือฝ่ายวิญญาณไม่อ่านแต่ถ้าให้อ่านเรื่องการมหัศจรรย์สารพัดมีขนนกเกล็ดนกของฑูตสวรรค์พยานเทียมเท็จอ่านจริงอ่านจังแบบนี้เหนื่อยมากมาย ที่จริงพวกเทียมเท็จนี่มันเก่งมากการทำให้เหนื่อยยกเอาต้นไม้แห่งรู้ดีชั่วมาใช้แบบนี้มันเก่งจริงๆๆ
พี่น้องหลงทางไปเยอะกว่าจะรู้ตัวอีกทีหมดบ้านหมดช่องหมดเงินไปเยอะเพราะพวกนี้มหัศจรรย์ช้อนเงินช้อนทองแถมบ้านรถเอาหมด สอนพี่น้องต้องถวายเยอะๆๆจะได้รับพระพรเยอะมั่งคั่งร่ำรวยมีเงินทองใช้ไม่จบสิ้นไม่ขัดสนไม่ลำบากไม่เจ็บป่วยไข้ แต่ถ้าไม่ถวายความมหัศจรรย์ก็ไม่บังเกิดนั่นไงลงที่เงินอีกแล้วเหนื่อยจริงๆๆ
เหตุแห่งความเหนื่อยเพราะพี่น้องไม่กินต้นไม้แห่งชีวิต ไม่ยอมจำนนต่อการเป็นขึ้นใหม่อย่างแท้จริง ไม่ยอมตรึงมนุษย์เก่าคนบาปไว้บนไม้กางเขนบังไปแบกมันมาอยู่ได้เหนื่อยนะแบบนี้
เงินทองนำหน้าความเชื่อเหตุผลรู้เขารู้เรานำหน้าความเชื่อ มากกว่าให้พระวิญญาณบริสุทธิ์นำพาอันนี้เหนื่อย
พี่น้องต่อให้หมดเงินหมดทองหาเหตุผลรู้เขารู้เราสารพัดตรงนี้ช่วยพี่น้องเขาแผ่นดินสวรรค์ไม่ได้ง่ายๆๆในพระคำของพระเจ้ามมีบอกไว้ถ้าอย่านี้เราจะแย่กว่าคนที่ยังไม่เชื่อพระเจ้าเสียอีก เพราะคนที่ไม่เชื่อเขาไม่รู้ไม่เห็นไม่เคยฟังพระคำของพระเจ้าแต่เรารู้เห็นฟังพระคำของพระเจ้าแต่ไม่แสวงหาหลักความจริงในพระคำไม่กินพระคำของพระเจ้าอย่างแท้จริง แต่ดันไปกินต้นไม้รู้ดีชั่วเหนื่อยนะ
การไม่เหนื่อยต้องกินต้นไม้แห่งชีวิต นั่นคืออ่านพระคัมภีร์ อธิษฐาน แล้วเชื่อในพระเยซูคริสต์เท่านั้นพอ อาจารย์คนอื่นไม่ต้องเชื่อมากเพราะเขาเป็นคนคนส่งจดหมายของพระเจ้าเองเราก็เป็นคนรับจดหมายที่พระเจ้าส่งมานั่นคือพระคำของพระเจ้ามาเปิดอ่านมากินเพื่อความเจริญเติบโตในชีวิตฝ่ายวิญญาณ
ไหนๆๆก้ไหนเรื่อเงินทองในพระคัมภีร์ใหม่ไม่มีเน้นย้ำสักข้อ
เรื่องการมอบถวายเงินทองเลิกเถอะยกเอามาลาคีมาหลอกเอาเงินพี่น้องนั่นยังอยู่ในยุคกฎบัญญัติก่อนพระเยซูคริสมาบังเกิดสี่ร้อบกว่าปี ในยุคพระเยซูคริสไม่มีเรื่องเิงนทองแล้วสิบลดสิบเปอร์เซ็นต์ตรงนี้แม้แต่โรงเรียนพระคริสตธรรมทั้งหลายก็สอนนักเรียนกันแต่เพื่อความอยู่รอดรู้ว่าสอนผิดสอนไม่ตรงนั่นเอง หญิงหมายกับเงินสองเหรียญสุดท้ายนั่นถวายหมดตัวให้ด้วยเต็มใจถวายให้ไม่นึกเสียดาย ก็ดีกว่าให้สิบลดแล้วเสียมากมายจริงใหมเหนื่อยนะแบบนี้
ว่ากันด้วยเรื่องความเหนื่อยแล้วนึกถึงนางมาธากับมารีย์สองพี่น้องคนมาธาทำสารพัดวิธีแห่งความเหนื่อยนึกว่าจะได้รับความดีความชอบบำเหน็จมากมายแต่เปล่าเลยกลายเป็นมารีย์นั่งฟังพระเจ้าพระเยซูตรัสไปพลางๆๆอย่างเงียบๆๆสบายๆๆไม่เหนื่อยไม่ทำอะไรแต่เข้าใจน้ำพระทัยของพระเจ้าเข้าใจถึงพระประสงค์ของพระเจ้าเรื่องนี้เมื่อมาเปรียบเทียบกลับสมัยนี้มาธาก็คือคนที่ทำสารพัดวิธีคิดค้นรูปแบบสารพัดนำเรื่องทางโลกด้วยเข้ามาใช้ในสถานที่ประชุมในคริสตจักร ต้องจัดอบรมสัมนาฟื้นฟูมากมาย การพูดต้องมีเครื่องเสียงดีๆๆแพงๆๆแจ่มๆๆเครื่องดนตรีเต็มวงเหนื่อยมาก เพื่อต้องการหาสาวกคนมาเชื่อพระเจ้านี่ไม่ต่างอะไรกับตอนไม่เชื่อพระเจ้าในศาสนาอื่น ถ้าไปเจอพวกที่ศึกษาพระธรรมแบบจริงจังมาฟังมาดูพวกพี่น้องทำแบบนี้เข้าว่าไร้สาระจริงๆๆทำอะไรแบบเด็กอนุบาลการแสดงชัดๆๆไม่จริงใจไม่ออกมาจากใจ.
ส่วนมารีย์นั่นเรียบง่ายพูดเรื่องพระเจ้าก็ไม่ต้องใช้ลูกล่อลูกชนลีลาสำนวนโวหารตลกโปฮาเพราะเราประกาศพระกิตติคุณข่าวดีเรื่องของพระเจ้าไม่ได้มาดูมาฟังเดี่ยวไมค์โครโฟนถูกต้องใหมแล้วก็ไม่เหนื่อย เวลานมัสการพระเจ้าก็อ่านพระคัมภีร์เพียวๆๆดนตรีมีประกอบพอเพียงเคล้าไปกับเสียงร้องสรรเสริญไม่ต้องกระโดดโลดเต้นเป็นแบบบางที่เล่นเอานึกว่าอยู่ลานโลกดนตรีฟรีที่ไหนสักแห่ง
ชีวิตคริสเตียนแบบมารีย์มีแค่อ่านพระคัมภีร์อธิษฐานประชุมสามัคคีธรรมแบ่งปันประกาศกิตติคุณเรียบง่ายไม่เหนื่อย
ทั้งหมดนี้ชีวิตคริสเตียนที่ปกติจะไม่เหนื่อยต้องดำเนินตามพระวิญญาณล้วนๆๆแล้วทุกสิ่งจะเป็นไปอย่างอัตโนมัติไม่เหนื่อยเบาสบายที่สุด
พระคำของพระเจ้าบอกว่าบรรดาผู้ลำบากเหน็ดเหนื่อยจงมาหาเราท่านจะได้หายเหนื่อยเป็นสุข
หากมองย้อนไปยุคอาดัมนี่ถ้าอาดัมเอวาเชื่อฟังพระเจ้าป่านนี้ไม่ต้องเหนื่อยมายันลูกหลานในสมัยนี้คงนั่งกินอนกินต้นไม้แห่งชีวิตสบายใจเฉิบแน่นอนนั่งกินนอนกินกระดิกขาสบายเลย.
แต่เพราะความที่อยากรู้เขารู้เราอยากหาเหตุผลอยากทดสอบความเชื่อเลยต้องเหนื่อย ไปกินต้นไม้แห่งความรู้ดีชั่วงานเลยเขามาจนป่านนี้ พวกเรารุ่นลูกหลายเลยเป็นเผ่าพันธุ์แห่งความตกต่ำความบาปสารพัด
แต่ขอบคุณพระเจ้ามากมายพระคุณของพระองค์เหลือล้นจริงๆๆที่ส่งพระบุตรองค์เดียวของพระองค์มาตายเพื่อไถ่เราทั้งหลายพระคริสต์ได้มาเป็นบุตรหัวปีทำให้เราที่เชื่อตามๆๆคลานกันมาหลังได้รับความรอดเป็นบุตรของพระเจ้าด้วยเช่นกันวันนี้เราเป็นพี่น้องที่รักในพระคริสต์แล้วเอเมนเราต้องไม่เหนื่อยมานั่งกินนอนกินต้นไม้แห่งชีวิตกันเถอะพี่น้องแล้วท่านจะหายเหนื่อยเป็นสุขเอเมน.
มธ. 11:28 บรรดาผู้ทำงานเหน็ดเหนื่อยและแบกภาระหนัก จงมาหาเรา และเราจะให้ท่านทั้งหลาย หายเหนื่อยเป็นสุข
(สองสามวันก่อนพ่อฟังรายการวิทยุ พ่อได้ยินถ้อยคำของคนที่ไม่มีความเชื่อในพระเจ้า เขาใช้เวลายาวนานมาก พยายามพิสูจน์ว่าเรื่องพระเจ้าเป็นเรื่องไร้สาระและไม่มีเหตุผล เพราะศาสนาต้องเป็นศาสนาแห่งเหตุผล... ปฏิเสธความเชื่อในพระเจ้า เขาใช้เวลาพูดอยู่ยาวนาน พ่อก็ฟังไปก็อมยิ้ม... “เหนื่อยนะครับที่จะพยายามปฏิเสธพระเจ้า... เพราะถ้าไม่มีอยู่จริงแล้วจะมานั่งปฏิเสธทำไมหนอ...” และเน้นว่าต้องใช้เหตุผลพิสูจน์ได้... เหตุผลของเราคือพระเจ้าเอง เหนือกว่าเหตุผลใดๆ... เหนื่อยครับ... “เราคริสตชนเชื่อเถอะ ความเชื่อ คือ ความจริงในความเชื่อ และเหตุผลคือความเชื่อเอง... มีความสุขถ้าได้เชื่อ... คนที่เขาพยายามปฏิเสธแล้วปฏิเสธอีก เขาก็เชื่อในความพยายามของเขาครับแม้ต้องแจวเรือในอ่างน้ำก็ตาม... “วน”
o เราได้เห็น “ความรัก” ของพระองค์ เชื่อมั่นในพระองค์ได้เลยครับ “มีความสุขในความเชื่อเถอะครับ”)
ขอยกตัวอย่างมาจากรำพึงพระวาจาประจำวันของคุณพ่อสมเกียรติ ตรีนิกรประจำวันจันทร29ธันวาคม2014
เหนื่อยจริงๆๆ ความเชื่อต้องหาเหตุผลมากมายมายืนยันนั่นไม่ใช่เชื่อพระเจ้าแล้วแต่เชื่อต้นไม้แห่งความรู้ดีและรู้ชั่ว เหตุผลคือความคิดเห็นส่วนตัวบางคนตั้งเหตุผลไว้ว่าต้องแบบนี้ถึงจะถูกต้องพิสูจน์ได้ก่อนถึงจะเชื่อ ต้องเชื่อแบบวิทยาศาตร์
การเชื่อในพระเจ้าเป็นเรื่องเฉพาะตัวจริงๆๆ
บางคนเชื่อทันทีว่ามีพระเจ้าจริงมีพระเยซูคริสต์จริง
แต่บางคนนานมากกว่าจะเชื่อใช้เวลาร่วมหมดสินอายุขัยของชีวิตเหนื่อยนะ
แต่บางคนก็เหนื่อยจนตายในที่สุดก็ว่างเปล่าตายไปแบบไร้ความเชื่อเพราะเขากินต้นไม้แ่ห่งความรู้มากไป
มีพี่น้องคริสเตียนบางคนมักใช้คำว่ารู้เขารู้เรา คือศึกษาในเรื่องพระเจ้าแบบประวัติศาตร์ นักเทสน์คนนี้คณะนี้ยุคนี้เป็นโพสโมเดิอน์เป็นโน่นนี่นั่นแต่ไม่เอาเรื่องความหมายฝ่ายวิญญาณของพระคำของพระเจ้าในพระคัมภีร์ แต่แกเรียนรู้หลายสำนักจบมาหลายที่หลายหลักสูตรประกาศนีบัตรมากมายแก่เชื่อแบบไหนรู้ใหม ใครวางมือที่ไหนไปเอาหมด เชื่อในเรื่องวางมือการมหัศจรรย์ทางตาเห็น แต่ไม่เอาพระคำพระเจ้าทั้งหมดมาแสวงหาหลักความจริง พี่น้องแบบนี้เรียกว่าเชื่อแบบกินต้นไม้แห่งความรู้ดีชั่ว ไม่ได้กินพระคำแห่งชีวิตถ้าให้อ่านหนังสือฝ่ายวิญญาณไม่อ่านแต่ถ้าให้อ่านเรื่องการมหัศจรรย์สารพัดมีขนนกเกล็ดนกของฑูตสวรรค์พยานเทียมเท็จอ่านจริงอ่านจังแบบนี้เหนื่อยมากมาย ที่จริงพวกเทียมเท็จนี่มันเก่งมากการทำให้เหนื่อยยกเอาต้นไม้แห่งรู้ดีชั่วมาใช้แบบนี้มันเก่งจริงๆๆ
พี่น้องหลงทางไปเยอะกว่าจะรู้ตัวอีกทีหมดบ้านหมดช่องหมดเงินไปเยอะเพราะพวกนี้มหัศจรรย์ช้อนเงินช้อนทองแถมบ้านรถเอาหมด สอนพี่น้องต้องถวายเยอะๆๆจะได้รับพระพรเยอะมั่งคั่งร่ำรวยมีเงินทองใช้ไม่จบสิ้นไม่ขัดสนไม่ลำบากไม่เจ็บป่วยไข้ แต่ถ้าไม่ถวายความมหัศจรรย์ก็ไม่บังเกิดนั่นไงลงที่เงินอีกแล้วเหนื่อยจริงๆๆ
เหตุแห่งความเหนื่อยเพราะพี่น้องไม่กินต้นไม้แห่งชีวิต ไม่ยอมจำนนต่อการเป็นขึ้นใหม่อย่างแท้จริง ไม่ยอมตรึงมนุษย์เก่าคนบาปไว้บนไม้กางเขนบังไปแบกมันมาอยู่ได้เหนื่อยนะแบบนี้
เงินทองนำหน้าความเชื่อเหตุผลรู้เขารู้เรานำหน้าความเชื่อ มากกว่าให้พระวิญญาณบริสุทธิ์นำพาอันนี้เหนื่อย
พี่น้องต่อให้หมดเงินหมดทองหาเหตุผลรู้เขารู้เราสารพัดตรงนี้ช่วยพี่น้องเขาแผ่นดินสวรรค์ไม่ได้ง่ายๆๆในพระคำของพระเจ้ามมีบอกไว้ถ้าอย่านี้เราจะแย่กว่าคนที่ยังไม่เชื่อพระเจ้าเสียอีก เพราะคนที่ไม่เชื่อเขาไม่รู้ไม่เห็นไม่เคยฟังพระคำของพระเจ้าแต่เรารู้เห็นฟังพระคำของพระเจ้าแต่ไม่แสวงหาหลักความจริงในพระคำไม่กินพระคำของพระเจ้าอย่างแท้จริง แต่ดันไปกินต้นไม้รู้ดีชั่วเหนื่อยนะ
การไม่เหนื่อยต้องกินต้นไม้แห่งชีวิต นั่นคืออ่านพระคัมภีร์ อธิษฐาน แล้วเชื่อในพระเยซูคริสต์เท่านั้นพอ อาจารย์คนอื่นไม่ต้องเชื่อมากเพราะเขาเป็นคนคนส่งจดหมายของพระเจ้าเองเราก็เป็นคนรับจดหมายที่พระเจ้าส่งมานั่นคือพระคำของพระเจ้ามาเปิดอ่านมากินเพื่อความเจริญเติบโตในชีวิตฝ่ายวิญญาณ
ไหนๆๆก้ไหนเรื่อเงินทองในพระคัมภีร์ใหม่ไม่มีเน้นย้ำสักข้อ
เรื่องการมอบถวายเงินทองเลิกเถอะยกเอามาลาคีมาหลอกเอาเงินพี่น้องนั่นยังอยู่ในยุคกฎบัญญัติก่อนพระเยซูคริสมาบังเกิดสี่ร้อบกว่าปี ในยุคพระเยซูคริสไม่มีเรื่องเิงนทองแล้วสิบลดสิบเปอร์เซ็นต์ตรงนี้แม้แต่โรงเรียนพระคริสตธรรมทั้งหลายก็สอนนักเรียนกันแต่เพื่อความอยู่รอดรู้ว่าสอนผิดสอนไม่ตรงนั่นเอง หญิงหมายกับเงินสองเหรียญสุดท้ายนั่นถวายหมดตัวให้ด้วยเต็มใจถวายให้ไม่นึกเสียดาย ก็ดีกว่าให้สิบลดแล้วเสียมากมายจริงใหมเหนื่อยนะแบบนี้
ว่ากันด้วยเรื่องความเหนื่อยแล้วนึกถึงนางมาธากับมารีย์สองพี่น้องคนมาธาทำสารพัดวิธีแห่งความเหนื่อยนึกว่าจะได้รับความดีความชอบบำเหน็จมากมายแต่เปล่าเลยกลายเป็นมารีย์นั่งฟังพระเจ้าพระเยซูตรัสไปพลางๆๆอย่างเงียบๆๆสบายๆๆไม่เหนื่อยไม่ทำอะไรแต่เข้าใจน้ำพระทัยของพระเจ้าเข้าใจถึงพระประสงค์ของพระเจ้าเรื่องนี้เมื่อมาเปรียบเทียบกลับสมัยนี้มาธาก็คือคนที่ทำสารพัดวิธีคิดค้นรูปแบบสารพัดนำเรื่องทางโลกด้วยเข้ามาใช้ในสถานที่ประชุมในคริสตจักร ต้องจัดอบรมสัมนาฟื้นฟูมากมาย การพูดต้องมีเครื่องเสียงดีๆๆแพงๆๆแจ่มๆๆเครื่องดนตรีเต็มวงเหนื่อยมาก เพื่อต้องการหาสาวกคนมาเชื่อพระเจ้านี่ไม่ต่างอะไรกับตอนไม่เชื่อพระเจ้าในศาสนาอื่น ถ้าไปเจอพวกที่ศึกษาพระธรรมแบบจริงจังมาฟังมาดูพวกพี่น้องทำแบบนี้เข้าว่าไร้สาระจริงๆๆทำอะไรแบบเด็กอนุบาลการแสดงชัดๆๆไม่จริงใจไม่ออกมาจากใจ.
ส่วนมารีย์นั่นเรียบง่ายพูดเรื่องพระเจ้าก็ไม่ต้องใช้ลูกล่อลูกชนลีลาสำนวนโวหารตลกโปฮาเพราะเราประกาศพระกิตติคุณข่าวดีเรื่องของพระเจ้าไม่ได้มาดูมาฟังเดี่ยวไมค์โครโฟนถูกต้องใหมแล้วก็ไม่เหนื่อย เวลานมัสการพระเจ้าก็อ่านพระคัมภีร์เพียวๆๆดนตรีมีประกอบพอเพียงเคล้าไปกับเสียงร้องสรรเสริญไม่ต้องกระโดดโลดเต้นเป็นแบบบางที่เล่นเอานึกว่าอยู่ลานโลกดนตรีฟรีที่ไหนสักแห่ง
ชีวิตคริสเตียนแบบมารีย์มีแค่อ่านพระคัมภีร์อธิษฐานประชุมสามัคคีธรรมแบ่งปันประกาศกิตติคุณเรียบง่ายไม่เหนื่อย
ทั้งหมดนี้ชีวิตคริสเตียนที่ปกติจะไม่เหนื่อยต้องดำเนินตามพระวิญญาณล้วนๆๆแล้วทุกสิ่งจะเป็นไปอย่างอัตโนมัติไม่เหนื่อยเบาสบายที่สุด
พระคำของพระเจ้าบอกว่าบรรดาผู้ลำบากเหน็ดเหนื่อยจงมาหาเราท่านจะได้หายเหนื่อยเป็นสุข
หากมองย้อนไปยุคอาดัมนี่ถ้าอาดัมเอวาเชื่อฟังพระเจ้าป่านนี้ไม่ต้องเหนื่อยมายันลูกหลานในสมัยนี้คงนั่งกินอนกินต้นไม้แห่งชีวิตสบายใจเฉิบแน่นอนนั่งกินนอนกินกระดิกขาสบายเลย.
แต่เพราะความที่อยากรู้เขารู้เราอยากหาเหตุผลอยากทดสอบความเชื่อเลยต้องเหนื่อย ไปกินต้นไม้แห่งความรู้ดีชั่วงานเลยเขามาจนป่านนี้ พวกเรารุ่นลูกหลายเลยเป็นเผ่าพันธุ์แห่งความตกต่ำความบาปสารพัด
แต่ขอบคุณพระเจ้ามากมายพระคุณของพระองค์เหลือล้นจริงๆๆที่ส่งพระบุตรองค์เดียวของพระองค์มาตายเพื่อไถ่เราทั้งหลายพระคริสต์ได้มาเป็นบุตรหัวปีทำให้เราที่เชื่อตามๆๆคลานกันมาหลังได้รับความรอดเป็นบุตรของพระเจ้าด้วยเช่นกันวันนี้เราเป็นพี่น้องที่รักในพระคริสต์แล้วเอเมนเราต้องไม่เหนื่อยมานั่งกินนอนกินต้นไม้แห่งชีวิตกันเถอะพี่น้องแล้วท่านจะหายเหนื่อยเป็นสุขเอเมน.
1ยอห์น บทที่2
1ยน. 2:1 ลูกที่รักทั้งหลาย ข้าพเจ้าเขียนเรื่องนี้ถึงท่าน เพื่อท่านจะได้ไม่ทำบาป แต่ถ้าใครทำบาป เรายังมีทนายแก้ต่างให้เฉพาะพระพักตร์ของพระบิดา คือพระเยซูคริสตเจ้า ผู้ทรงเที่ยงธรรม
1ยน. 2:2 พระองค์ทรงเป็นเครื่องบูชาชดเชยบาปของเรา และไม่เพียงแต่ชดเชยเฉพาะบาปของเราเท่านั้น แต่ชดเชยบาปของมนุษย์ทั้งโลกด้วย
1ยน. 2:3 ถ้าเราปฏิบัติตามบทบัญญัติของพระองค์ เรามั่นใจว่าเรารู้จักพระองค์
1ยน. 2:4 ผู้ที่พูดว่า “ข้าพเจ้ารู้จักพระองค์” แต่ไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติของพระองค์ เขาเป็นคนพูดคำเท็จ และ “ความจริง”ไม่อยู่ในตัวเขา
1ยน. 2:5 แต่ผู้ที่ปฏิบัติตามพระวาจาของพระองค์ ความรักของพระเจ้าในผู้นั้นย่อมสมบูรณ์ โดยวิธีนี้เราจึงรู้ว่า เราอยู่ในพระเจ้า
1ยน. 2:6 ผู้ที่พูดว่าเขาอยู่ในพระองค์ ก็ต้องดำเนินชีวิตเหมือนกับที่พระองค์ทรงดำเนินชีวิต
1ยน. 2:7 ท่านที่รักทั้งหลาย สิ่งที่ข้าพเจ้าเขียนถึงท่าน มิใช่บทบัญญัติใหม่ แต่เป็นบทบัญญัติเก่า ที่ท่านมีอยู่ตั้งแต่แรกเริ่ม บทบัญญัติเก่านี้คือถ้อยคำที่ท่านได้ฟังมา
1ยน. 2:8 บทบัญญัติที่ข้าพเจ้าเขียนถึงท่านนั้น ก็ยังนับว่าใหม่ ใหม่จริงทั้งสำหรับพระองค์และสำหรับท่าน เพราะความมืดกำลังผ่านพ้นไป ความสว่างแท้จริงกำลังทอแสงขึ้นมาแล้ว
1ยน. 2:9 ผู้ที่อ้างว่าตนอยู่ในความสว่าง แต่เกลียดชังพี่น้องของตน ผู้นั้นยังจมอยู่ในความมืด
1ยน. 2:10 ส่วนผู้ที่รักพี่น้องของตน ก็ดำรงอยู่ในความสว่าง และไม่มีสิ่งใดในตัวเขาที่ทำให้เขาล้มลงได้
1ยน. 2:11 แต่ผู้ที่เกลียดชังพี่น้องของตน ก็อยู่ในความมืด และเดินวนเวียนอยู่ในความมืด โดยไม่รู้ว่าเขากำลังเดินไปทิศทางใด เพราะความมืดทำให้ตาของเขาบอด
1ยน. 2:12 ลูกที่รักทั้งหลาย ข้าพเจ้าเขียนถึงท่าน เพราะบาปของท่านได้รับการอภัยแล้วเดชะพระนามของพระองค์
1ยน. 2:13 ท่านทั้งหลายที่เป็นบิดา ข้าพเจ้าเขียนถึงท่าน เพราะท่านมารู้จักพระองค์ผู้ทรงดำรงอยู่ตั้งแต่แรกเริ่ม เยาวชนทั้งหลาย ข้าพเจ้าเขียนถึงท่าน เพราะท่านชนะมารร้ายแล้ว
1ยน. 2:14 เด็กที่รักทั้งหลาย ข้าพเจ้าเขียนถึงเธอ เพราะเธอได้มารู้จักพระบิดา ท่านทั้งหลายที่เป็นบิดา ข้าพเจ้าเขียนถึงท่าน เพราะท่านมารู้จักพระองค์ผู้ทรงดำรงอยู่ตั้งแต่แรกเริ่ม เยาวชนทั้งหลาย ข้าพเจ้าเขียนถึงท่าน เพราะท่านเป็นคนแข็งแรง และพระวาจาของพระเจ้าก็สถิตอยู่ในท่าน และท่านชนะมารร้ายแล้ว
1ยน. 2:15 จงอย่ารักโลก และสิ่งที่อยู่ในโลกเลย ถ้าผู้ใดรักโลก ความรักของพระบิดาก็ไม่อยู่ในตัวเขา
1ยน. 2:16 เพราะทุกสิ่งที่อยู่ในโลก ได้แก่ ความมัวเมาในโลกีย์ ความโลภอยากได้ทุกสิ่ง และความหยิ่งทะนงโอ้อวดในทรัพย์สมบัติ ล้วนไม่ได้มาจากพระบิดา แต่มาจากโลกทั้งสิ้น
1ยน. 2:17 และโลกพร้อมกับความมัวเมาในโลกีย์ของโลกนั้น กำลังผ่านพ้นไป แต่ผู้ที่ทำตามพระประสงค์ของพระเจ้า จะดำรงอยู่ตลอดนิรันดร
1ยน. 2:18 ลูกที่รักทั้งหลาย นี่เป็นวาระสุดท้าย ท่านได้ฟังแล้วว่า ปฏิปักษ์ของพระคริสตเจ้ากำลังมา และเวลานี้ ปฏิปักษ์จำนวนมากของพระคริสตเจ้าก็มาถึงแล้ว เพราะเหตุนี้เราจึงรู้ว่า เป็นวาระสุดท้าย
1ยน. 2:19 เขาทั้งหลายออกไปจากเรา แต่เขาไม่ได้เป็นพวกของเราอย่างแท้จริง เพราะถ้าเขาเป็นพวกเดียวกันกับเราจริง เขาคงจะอยู่กับเรา แต่ที่เป็นดังนี้ก็เพื่อแสดงว่า เขาเหล่านั้นทุกคนไม่เป็นพวกเดียวกับเรา
1ยน. 2:20 ท่านทั้งหลายได้รับการเจิมจากองค์ผู้ศักดิ์สิทธิ์ และทุกคนต่างได้รับความรู้
1ยน. 2:21 การที่ข้าพเจ้าเขียนถึงท่านทั้งหลายนั้น มิใช่เพราะท่านไม่รู้ความจริง แต่เขียนเพราะท่านรู้ดีอยู่แล้ว และเพราะไม่มีความเท็จใดมาจากความจริงได้
1ยน. 2:22 ใครเป็นคนพูดคำเท็จ ถ้าไม่ใช่คนที่พูดว่า พระเยซูไม่ใช่พระคริสตเจ้า ผู้นี้คือปฏิปักษ์ของพระคริสตเจ้า เขาปฏิเสธทั้งพระบิดาและพระบุตร
1ยน. 2:23 ทุกคนที่ปฏิเสธพระบุตรก็ไม่มีพระบิดา คนที่ยอมรับพระบุตรย่อมมีพระบิดาด้วย
1ยน. 2:24 ขอให้สิ่งที่ท่านทั้งหลายฟังมาตั้งแต่แรกเริ่มนั้นคงอยู่ในท่าน ถ้าสิ่งที่ท่านฟังมาตั้งแต่แรกเริ่มนั้นคงอยู่ในท่าน ท่านก็ดำรงอยู่ในพระบุตร และในพระบิดา
1ยน. 2:25 พระสัญญาที่พระองค์ประทานไว้ก็คือชีวิตนิรันดร
1ยน. 2:26 ข้าพเจ้าเขียนถึงท่านทั้งหลายมามากแล้ว เกี่ยวกับบุคคลที่พยายามชักนำให้หลงผิด
1ยน. 2:27 แต่สำหรับท่าน การได้รับเจิมจากพระองค์ยังคงอยู่ในท่าน และไม่จำเป็นต้องให้ใครมาสอนท่านอีก เพราะการเจิมของพระองค์นั้นสอนทุกสิ่งให้ท่าน และเพราะการเจิมนั้นเป็นจริงและไม่หลอกลวง จงดำรงอยู่ในพระองค์ตามคำสั่งสอนที่ท่านได้รับมา
1ยน. 2:28 ลูกที่รักทั้งหลาย บัดนี้จงดำรงอยู่ในพระองค์ เพื่อเมื่อพระองค์ทรงปรากฏ เราจะได้มีความมั่นใจ ไม่ต้องหลบเลี่ยงไปจากพระองค์ด้วยความอับอาย ในวันที่พระองค์เสด็จมา
1ยน. 2:29 ถ้าท่านรู้ว่า พระองค์ทรงเที่ยงธรรม ท่านก็ต้องยอมรับว่าทุกคนที่ประพฤติชอบ ย่อมบังเกิดจากพระองค์
1ยอห์น บทที่1
1ยน. 1:1 เราประกาศเรื่องราวเกี่ยวกับพระวจนาตถ์แห่งชีวิตซึ่งเป็นอยู่แล้วตั้งแต่แรกเริ่ม เราได้ฟัง เราได้เห็นด้วยตาของเรา เราได้เฝ้ามอง และเราได้สัมผัสด้วยมือของเรา
1ยน. 1:2 ชีวิตนั้นได้ปรากฏ เราได้เห็นและได้เป็นพยาน เราประกาศให้ท่านทั้งหลายรู้ถึงชีวิตนิรันดร ซึ่งอยู่กับพระบิดา และปรากฏให้เราเห็น
1ยน. 1:3 สิ่งที่เราได้เห็นและได้ฟังนี้ เราประกาศให้ท่านทั้งหลายรู้ด้วย เพื่อท่านจะได้สนิทสัมพันธ์กับเรา ความสนิทสัมพันธ์นี้คือความสนิทสัมพันธ์กับพระบิดา และกับพระบุตรของพระองค์ คือพระเยซูคริสตเจ้า
1ยน. 1:4 เราเขียนเรื่องนี้ถึงท่าน เพื่อความปิติยินดีของเราจะได้สมบูรณ์
1ยน. 1:5 นี่คือสิ่งที่เราได้ฟังจากพระองค์ และเรากำลังประกาศให้ท่านทั้งหลายรู้ คือ พระเจ้าทรงเป็นความสว่าง และไม่มีความมืดใดๆ อยู่ในพระองค์เลย
1ยน. 1:6 ถ้าเราพูดว่า เราสนิทสัมพันธ์กับพระองค์ แต่ยังดำเนินชีวิตอยู่ในความมืด เราก็กำลังพูดเท็จ เพราะเราไม่ดำเนินชีวิตอยู่ในความจริง
1ยน. 1:7 แต่ถ้าเราดำเนินชีวิตในความสว่าง ดังที่พระองค์ทรงดำรงอยู่ในความสว่างแล้ว เราทุกคนก็สนิทสัมพันธ์กันด้วย และพระโลหิตของพระเยซูเจ้า พระบุตรของพระองค์ ก็ชำระเราให้สะอาดจากบาปทั้งปวง
1ยน. 1:8 ถ้าเราพูดว่า “เราไม่มีบาป” เรากำลังหลอกตนเอง และ “ความจริง” ไม่อยู่ในเรา
1ยน. 1:9 พระองค์ทรงซื่อสัตย์และทรงเที่ยงธรรม ถ้าเราสารภาพบาป พระองค์จะทรงอภัยบาปของเรา และจะทรงชำระเราให้สะอาดจากความอธรรมทั้งปวง
1ยน. 1:10 ถ้าเราพูดว่า “เราไม่เคยทำบาป” เราก็ทำให้พระองค์ตรัสคำเท็จ และพระวาจาของพระองค์ไม่อยู่ในเรา
2เปโตร บทที่3
2ปต. 3:1 ท่านที่รักทั้งหลาย นี่เป็นจดหมายฉบับที่สองที่ข้าพเจ้าเขียนถึงท่าน จดหมายทั้งสองฉบับนี้ข้าพเจ้าพยายามเตือนความทรงจำให้ท่านคิดอย่างถูกต้อง
2ปต. 3:2 จงระลึกถึงคำพูดซึ่งบรรดาประกาศกผู้ศักดิ์สิทธิ์กล่าวไว้แล้ว และจงระลึกถึงบทบัญญัติขององค์พระผู้เป็นเจ้าและพระผู้ไถ่ที่บรรดาอัครสาวกเทศน์สอนไว้
2ปต. 3:3 จงรู้เถิดว่าเรื่องสำคัญที่สุด คือในยุคสุดท้ายจะมีผู้เยาะเย้ยที่ใช้คำพูดถากถางตามกิเลสตัณหาของตนพูดว่า
2ปต. 3:4 “พระสัญญาว่าจะเสด็จมานั้นอยู่ที่ไหน ตั้งแต่เวลาที่บรรพบุรุษของเราล่วงหลับไปแล้ว ทุกสิ่งยังคงเป็นอยู่เหมือนเดิมดังเมื่อทรงสร้างโลก”
2ปต. 3:5 เขาเหล่านี้แสร้งลืมไปว่า พระวาจาของพระเจ้าสร้างสวรรค์มานานแล้ว และทรงแยกแผ่นดินจากน้ำและให้น้ำล้อมแผ่นดินไว้
2ปต. 3:6 ต่อมาพระองค์ทรงทำลายโลกด้วยน้ำ คือน้ำวินาศ
2ปต. 3:7 บัดนี้ก็เช่นเดียวกัน พระวาจาเดียวกันนี้รักษาสวรรค์และแผ่นดินไว้เพื่อให้ไฟเผาผลาญ คือเก็บไว้จนกว่าจะถึงวันพิพากษาและทำลายคนบาป
2ปต. 3:8 ท่านที่รักทั้งหลาย สิ่งหนึ่งที่ท่านต้องไม่ลืม คือสำหรับองค์พระผู้เป็นเจ้า เพียงหนึ่งวันก็เหมือนกับหนึ่งพันปี และหนึ่งพันปีก็เหมือนกับหนึ่งวัน
2ปต. 3:9 องค์พระผู้เป็นเจ้ามิได้ทรงรีรอที่จะปฏิบัติตามพระสัญญาดังที่บางคนคิด แต่พระองค์ทรงอดกลั้นต่อท่านทั้งหลาย ไม่ทรงประสงค์ให้ผู้ใดต้องพินาศ แต่ทรงประสงค์ให้ทุกคนกลับใจเปลี่ยนวิถีชีวิต
2ปต. 3:10 วันขององค์พระผู้เป็นเจ้าจะมาถึงอย่างไม่รู้ตัวเหมือนขโมย วันนั้นท้องฟ้าจะอันตรธานสูญสิ้นไปด้วยเสียงกึกก้อง โลกธาตุจะลุกเป็นไฟแตกแยกจากกัน แผ่นดินและสรรพสิ่งที่อยู่บนแผ่นดินจะมอดไหม้สูญสิ้นไป
2ปต. 3:11 เมื่อทุกสิ่งจะต้องสลายไปเช่นนี้ ท่านจงตระหนักว่าจะต้องประพฤติตนอย่างไร จะต้องดำเนินชีวิตให้ศักดิ์สิทธิ์และมีความเลื่อมใสศรัทธา
2ปต. 3:12 รอคอยวันของพระเจ้าและพยายามเร่งให้วันนั้นมาถึง ในวันนั้นท้องฟ้าจะถูกไฟเผาผลาญ และโลกธาตุจะถูกไฟเผาละลายไป
2ปต. 3:13 เรากำลังรอคอยฟ้าใหม่และแผ่นดินใหม่ ซึ่งเป็นที่อยู่ถาวรของความชอบธรรมตามพระสัญญา
2ปต. 3:14 ดังนั้น ท่านที่รักทั้งหลาย ขณะที่ท่านกำลังรอคอยเหตุการณ์เหล่านี้ จงพยายามให้พระเจ้าทรงพบท่านดำเนินชีวิตอย่างสันติปราศจากมลทินและไร้ข้อตำหนิ
2ปต. 3:15 จงคิดเถิดว่า ความอดกลั้นขององค์พระผู้เป็นเจ้าคือความรอดพ้นของเรา ดังที่เปาโลน้องที่รักของเราเคยเขียนถึงท่านตามปรีชาญาณที่พระเจ้าประทานให้
2ปต. 3:16 เปาโลกล่าวถึงเรื่องเหล่านี้ในจดหมายทุกฉบับของเขา อาจมีบางข้อที่เข้าใจยากคนโง่และใจโลเลจึงบิดเบือนเสีย เหมือนอย่างที่เขาบิดเบือนข้อความอื่นๆ ในพระคัมภีร์เป็นเหตุให้ตนเองพินาศ
2ปต. 3:17 ท่านที่รักทั้งหลาย เมื่อท่านรู้ล่วงหน้าเช่นนี้แล้ว จงระมัดระวังอย่าปล่อยตัวไปตามความหลงผิดของคนอธรรม และสูญเสียความมั่นคงของท่านไป
2ปต. 3:18 จงเจริญขึ้นในพระหรรษทานและในความรู้จักพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าและพระผู้ไถ่ของเรา ขอพระสิริรุ่งโรจน์จงมีแด่พระองค์ทั้งในปัจจุบันและตลอดนิรันดร อาเมน
2เปโตร บทที่2
2ปต. 2:1 ในอดีต เคยมีผู้ปลอมตนเป็นประกาศกในหมู่ประชากรของพระเจ้า ในหมู่ท่านทั้งหลายจะมีผู้สอนผิดซึ่งพยายามสอดแทรกความคิดมิจฉาทิฐิที่นำความหายนะมาสู่ท่านเช่นเดียวกัน เขาจะปฏิเสธองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงไถ่เขาไว้ เขาจึงนำความหายนะมาสู่ตนอย่างรวดเร็ว
2ปต. 2:2 หลายคนจะเดินตามความประพฤติเสเพลของพวกเขา และทางแห่งความจริงจะถูกกล่าวร้ายเพราะคนเหล่านี้
2ปต. 2:3 เขาจะใช้ถ้อยคำที่หลอกลวงแสวงหาผลประโยชน์จากท่านเพราะความโลภ แต่การตัดสินลงโทษพวกเขาพร้อมนานแล้ว และเขาจะได้รับความหายนะในไม่ช้า
2ปต. 2:4 พระเจ้าไม่ทรงยับยั้งโทษต่อทูตสวรรค์ที่ทำบาปแต่ทรงผลักทูตสวรรค์เหล่านั้นลงไปในขุมนรกมืดมิด และควบคุมไว้จนถึงวันพิพากษา
2ปต. 2:5 พระองค์มิได้ทรงยับยั้งโทษต่อโลกในยุคแรก ทรงส่งน้ำวินาศทำลายโลกของคนอธรรม แต่ทรงไว้ชีวิตโนอาห์ผู้ประกาศความชอบธรรมพร้อมกับที่ทรงไว้ชีวิตคนอื่นอีกเจ็ดคนด้วย
2ปต. 2:6 พระองค์ทรงลงโทษเมืองโสดมและเมืองโกโมราห์ให้พินาศเป็นเถ้าธุลีเพื่อเป็นตัวอย่างแก่คนอธรรมในอนาคต
2ปต. 2:7 พระองค์ทรงช่วยชีวิตของโลทให้รอดพ้นเพราะเขาเป็นผู้ชอบธรรมและถูกบีบคั้นจิตใจจากความประพฤติชั่วร้ายของคนอธรรมเหล่านั้น
2ปต. 2:8 ผู้ชอบธรรมคนนี้อยู่ในหมู่คนอธรรม เขาได้เห็นได้ยินการกระทำเลวร้ายของคนเหล่านี้อยู่ทุกวัน ทำให้จิตใจที่ชอบธรรมของเขาเป็นทุกข์
2ปต. 2:9 องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงช่วยผู้เลื่อมใสศรัทธาให้พ้นจากการทดลองได้ และทรงกันคนอธรรมไว้ให้รับโทษเมื่อถึงวันพิพากษา
2ปต. 2:10 โดยเฉพาะผู้ที่ปล่อยตนตามราคตัณหาตามธรรมชาติมนุษย์ และดูหมิ่นอำนาจของพระเจ้า ○ผู้สอนผิดเหล่านี้ก้าวร้าว หยิ่งยโส ไม่เกรงกลัวที่จะล่วงเกินบรรดาจิตที่ทรงสิริรุ่งโรจน์
2ปต. 2:11 แม้แต่ทูตสวรรค์ผู้ทรงพลังและอำนาจมากกว่ายังไม่กล่าวหาพวกเขาเฉพาะพระพักตร์ขององค์พระผู้เป็นเจ้า
2ปต. 2:12 แต่คนเหล่านี้ประพฤติเหมือนกับสัตว์เดียรัจฉานประเภทที่ตามธรรมชาติเกิดมาเพื่อถูกจับไปฆ่า เขาล่วงเกินสิ่งที่เขาไม่เข้าใจ เขาจะถูกทำลายเช่นเดียวกับสัตว์เดียรัจฉาน
2ปต. 2:13 จะถูกลงโทษเป็นการตอบแทนความอธรรมของเขา เขาคิดว่าความสนุกสนานเพียงหนึ่งวันเป็นความสุขแล้ว เขาทำตนมีมลทินน่ารังเกียจ พึงพอใจสนุกสนานกับการหลอกลวงแม้ขณะกำลังร่วมฉลองอยู่กับท่าน
2ปต. 2:14 มีนัยน์ตาเจ้าชู้ ทำบาปโดยไม่สิ้นสุด คอยล่อลวงคนที่มีใจโลเล มีจิตใจละโมบ คนพวกนี้จะถูกพระเจ้าสาปแช่ง
2ปต. 2:15 เขาทิ้งหนทางตรงหลงไปตามทางของ บาลาอัม บุตรของโบสอร์บาลาอัมต้องการผลประโยชน์จากความอธรรม
2ปต. 2:16 แต่ลาใบ้ตัวหนึ่งพูดภาษามนุษย์ตำหนิความผิดของเขา คำตำหนินั้นยับยั้งความบ้าของประกาศกผู้นี้
2ปต. 2:17 ผู้สอนผิดเหล่านี้เป็นตาน้ำที่ไม่มีน้ำ เป็นเมฆที่ถูกพายุพัดไป พระเจ้าทรงเตรียมความมืดมิดไว้สำหรับเขาแล้ว
2ปต. 2:18 เขาพูดโอ้อวดไร้สาระ ใช้ความใคร่ในกิเลสตัณหาล่อลวงผู้ที่เพิ่งหนีพ้นจากความประพฤติผิด
2ปต. 2:19 เขาสัญญาจะให้อิสรภาพแต่ตนเองยังเป็นทาสของความเสื่อม เพราะผู้ใดพ่ายแพ้สิ่งใด ย่อมเป็นทาสของสิ่งนั้น
2ปต. 2:20 ผู้ใดก็ตามที่หนีพ้นความเสื่อมของโลกเมื่อได้รู้จักพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าและพระผู้ไถ่ของเราแล้ว ถ้าเขากลับไปติดบ่วงและพ่ายแพ้ความเสื่อมนี้อีก บั้นปลายของเขาก็จะประสบสิ่งร้ายยิ่งกว่าตอนต้น
2ปต. 2:21 การที่เขาไม่เคยรู้จักทางแห่งความชอบธรรมเลย ยังดีกว่าการที่เขารู้ทางแห่งความชอบธรรมแล้ว แต่กลับหันหลังให้บทบัญญัติศักดิ์สิทธิ์ที่พระเจ้าประทาน
2ปต. 2:22 เขาประพฤติตรงกับสุภาษิตที่กล่าวไว้ว่า “สุนัขกลับมากินสิ่งที่มันสำรอก” และ “สุกรที่เพิ่งอาบน้ำกลับไปกลิ้งเกลือกโคลนอีก”
การเปิดเผยอันศักดิ์สิทธิ์มาจากพระวิญญาณบริสุทธิ์
การเปิดเผยอันศักดิ์สิทธิ์มาจากพระวิญญาณ
2ปต. 1:20 จงรู้เถิดว่า สิ่งสำคัญที่สุดคือการตีความถ้อยคำของบรรดาประกาศกในพระคัมภีร์มิใช่เรื่องส่วนบุคคล
2ปต. 1:21 เพราะไม่เคยมีถ้อยคำใดของบรรดาประกาศกที่มาจากเจตนารมณ์ของมนุษย์ แต่มนุษย์กล่าวถ้อยคำซึ่งมาจากพระเจ้าตามที่พระจิตเจ้าทรงดลใจ
อ่านตรงนี้แล้วพี่น้องต้องระมัดระวังในการตีความพระคำของพระเจ้ามาจากความนึกคิดอารมณ์ความรู้สึก
แต่ส่วนใหญ่ก็ตีความแบบอารมณ์คิดมาจากสภาพแวดล้อมความพื้นฐานดั่งเดิมของมนุษย์ทั้งนั้น
ตรงนี้ภัยอันตรายทั้งนั้น
การตีความต้องมาจากพระวิญญาณบริสุทธิ์
ที่เราต้องแสวงหาด้วยความอดทนนาน
ไม่ใช่ตีความแบบคริสเตียนทารกส่งๆๆไป เปโตรเตือนสติในวันนี้ให้เราต้องระมัดระวังการตีความที่เป็นเรื่องส่วนบุคคลส่วนตัว อย่านำความรู้ส่วนตัวประสบการณ์เนื้อหนังมาเจือปนกับพระคำอันศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้าเด็ดขาด
ไม่เช่นนั้นผลที่ได้จะตกแก่ผู้ตีความผิดนั่นเอง. เอเมน
2ปต. 1:20 จงรู้เถิดว่า สิ่งสำคัญที่สุดคือการตีความถ้อยคำของบรรดาประกาศกในพระคัมภีร์มิใช่เรื่องส่วนบุคคล
2ปต. 1:21 เพราะไม่เคยมีถ้อยคำใดของบรรดาประกาศกที่มาจากเจตนารมณ์ของมนุษย์ แต่มนุษย์กล่าวถ้อยคำซึ่งมาจากพระเจ้าตามที่พระจิตเจ้าทรงดลใจ
อ่านตรงนี้แล้วพี่น้องต้องระมัดระวังในการตีความพระคำของพระเจ้ามาจากความนึกคิดอารมณ์ความรู้สึก
แต่ส่วนใหญ่ก็ตีความแบบอารมณ์คิดมาจากสภาพแวดล้อมความพื้นฐานดั่งเดิมของมนุษย์ทั้งนั้น
ตรงนี้ภัยอันตรายทั้งนั้น
การตีความต้องมาจากพระวิญญาณบริสุทธิ์
ที่เราต้องแสวงหาด้วยความอดทนนาน
ไม่ใช่ตีความแบบคริสเตียนทารกส่งๆๆไป เปโตรเตือนสติในวันนี้ให้เราต้องระมัดระวังการตีความที่เป็นเรื่องส่วนบุคคลส่วนตัว อย่านำความรู้ส่วนตัวประสบการณ์เนื้อหนังมาเจือปนกับพระคำอันศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้าเด็ดขาด
ไม่เช่นนั้นผลที่ได้จะตกแก่ผู้ตีความผิดนั่นเอง. เอเมน
วันเสาร์ที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2557
1เปโตร บทที่5
1ปต. 5:1 โดยเหตุที่ข้าพเจ้าเป็นผู้อาวุโสคนหนึ่ง เป็นพยานถึงพระทรมานของพระคริสตเจ้า และมีส่วนจะรับพระสิริรุ่งโรจน์ที่จะปรากฏในอนาคตด้วยข้าพเจ้าขอร้องบรรดาผู้อาวุโสในกลุ่มของท่านทั้งหลาย
1ปต. 5:2 จงเลี้ยงดูฝูงแกะของพระเจ้าที่อยู่ในความดูแลของท่าน จงดูแลด้วยความเต็มใจตามพระประสงค์ของพระเจ้ามิใช่ดูแลด้วยจำใจ จงดูแลด้วยความสมัครใจ มิใช่ดูแลเพราะเห็นแก่อามิสสินจ้าง
1ปต. 5:3 จงเป็นแบบอย่างแก่ฝูงแกะมิใช่เป็นเหมือนเจ้านายเหนือผู้ที่อยู่ใต้ปกครอง
1ปต. 5:4 เมื่อพระคริสตเจ้าพระผู้เลี้ยงสูงสุดจะทรงแสดงพระองค์ ท่านจะได้รับสิริรุ่งโรจน์เป็นมงกุฎที่ไม่มีวันร่วงโรยเลย
1ปต. 5:5 คนหนุ่มทุกคนจงอยู่ใต้อำนาจบรรดาผู้อาวุโส จงมีความถ่อมตนต่อกันเถิดเพราะพระเจ้าทรงต่อต้านคนเย่อหยิ่งจองหอง แต่ประทานพระหรรษทานแก่ผู้ถ่อมตน
1ปต. 5:6 ดังนั้น จงถ่อมตนลงอยู่ใต้พระหัตถ์ทรงฤทธิ์ของพระเจ้า เพื่อพระองค์จะได้ทรงยกย่องท่านขึ้นเมื่อถึงเวลาอันควร
1ปต. 5:7 จงละความกระวนกระวายทั้งมวลของท่านไว้กับพระองค์ เพราะพระองค์ทรงห่วงใยท่าน
1ปต. 5:8 จงมีสติสัมปชัญญะและตื่นตัวอยู่เสมอ เพราะศัตรูของท่านคือมารกำลังดักวนเวียนอยู่รอบๆ ดุจสิงห์โตคำราม เสาะหาคนที่มันจะกัดกินได้
1ปต. 5:9 จงต่อสู้มันด้วยใจมั่นคงในความเชื่อ จงรู้ว่าบรรดาพี่น้องผู้มีความเชื่อทั่วโลกก็ประสบความทุกข์ลำบากเช่นเดียวกัน
1ปต. 5:10 และเมื่อท่านได้ทนทุกข์อยู่ชั่วขณะหนึ่งแล้ว พระเจ้าผู้ประทานพระหรรษทานทุกประการ ผู้ทรงเรียกท่านให้มารับพระสิริรุ่งโรจน์นิรันดรในพระคริสตเจ้า จะทรงฟื้นฟูท่านให้มั่นคง มีกำลังเข้มแข็ง และจะทรงพยุงท่านไว้
1ปต. 5:11 ขอพระอานุภาพจงมีแด่พระองค์ตลอดนิรันดร อาเมน
1ปต. 5:12 ข้าพเจ้าเขียนจดหมายสั้นๆ ฉบับนี้ ด้วยความช่วยเหลือของสิลวานัสซึ่งข้าพเจ้านับถือว่าเป็นพี่น้องที่ซื่อสัตย์ ข้าพเจ้าเตือนสติท่านและยืนยันว่านี่เป็นพระหรรษทานแท้จริงของพระเจ้า จงยืนหยัดมั่นคงในพระหรรษทานนี้เถิด
1ปต. 5:13 พระศาสนจักรที่กรุงบาบิโลนซึ่งพระเจ้าทรงเลือกสรรไว้เช่นเดียวกับที่ได้ทรงเลือกสรรท่านขอฝากความคิดถึงท่าน มาระโกบุตรของข้าพเจ้าก็ฝากความคิดถึงท่านด้วย
1ปต. 5:14 จงทักทายกันด้วยการจุมพิตแสดงความรัก ขอสันติสุขจงอยู่กับท่านทั้งหลายซึ่งดำรงอยู่ในพระคริสตเจ้าเถิด
1เปโตร บทที่4
1ปต. 4:1 เนื่องจากพระคริสตเจ้าทรงรับทรมานในพระวรกายมาแล้ว ท่านทั้งหลายจึงต้องมีความรู้สึกนึกคิดเช่นเดียวกับพระองค์เป็นประดุจอาวุธ ผู้ที่รับทรมานในร่างกายแล้วก็ตัดขาดจากบาป
1ปต. 4:2 เขาจึงไม่เป็นทาสของกิเลสตัณหาตามธรรมชาติมนุษย์อีกต่อไป แต่ดำเนินชีวิตที่ยังเหลืออยู่ในโลกนี้เพื่อปฏิบัติตามพระประสงค์ของพระเจ้า
1ปต. 4:3 ในอดีตท่านใช้เวลานานพอแล้วในการกระทำสิ่งที่คนต่างศาสนาชอบปฏิบัติ คือ ความลามกโสมม ปล่อยตัวตามราคตัณหา ดื่มสุราเมามาย ร่วมกลุ่มเสพเมถุน ร่วมงานเลี้ยงกินดื่มเกินขนาด นับถือรูปเคารพอย่างน่าละอาย
1ปต. 4:4 แต่บัดนี้ คนต่างศาสนาเหล่านั้นประหลาดใจที่ท่านไม่ร่วมดำเนินชีวิตตามกระแสแห่งความพินาศกับพวกเขาอีกต่อไป เขาเหล่านั้นจึงกล่าวร้ายท่าน
1ปต. 4:5 เขาจะรายงานต่อผู้ที่จะต้องพิพากษาผู้เป็นและผู้ตาย
1ปต. 4:6 เพราะเหตุนี้ข่าวดีจึงได้รับการประกาศแก่บรรดาผู้ตายด้วยเพื่อผู้ตายเหล่านั้นที่ได้รับโทษทางกายตามธรรมชาติมนุษย์จะได้ดำเนินชีวิตตามวิถีของพระเจ้า เดชะพระจิตเจ้า
1ปต. 4:7 ทุกสิ่งใกล้อวสานแล้วดังนั้น จงมีความสุขุมรอบคอบ รู้จักประมาณตนเพื่ออธิษฐานภาวนา
1ปต. 4:8 ที่สำคัญที่สุด จงมีความรักกันอย่างมั่นคง เพราะความรักลบล้างบาปได้มากมาย
1ปต. 4:9 จงต้อนรับกันโดยไม่ปริปากบ่น
1ปต. 4:10 แต่ละคนจงใช้พระพรที่ได้รับมาเพื่อรับใช้กันประดุจผู้จัดการที่ดีเพื่อแจกจ่ายพระหรรษทานหลากหลายของพระเจ้า
1ปต. 4:11 ถ้าจะกล่าววาจาใด ก็จงกล่าวดุจกล่าวพระวาจาของพระเจ้าผู้ใดมีหน้าที่รับใช้ก็จงรับใช้ตามกำลังที่พระเจ้าประทานให้ เพื่อพระเจ้าจะได้รับพระสิริรุ่งโรจน์ในทุกสิ่งเดชะพระเยซูคริสตเจ้า ผู้ทรงพระสิริรุ่งโรจน์และพระอานุภาพตลอดนิรันดรอาเมน
1ปต. 4:12 ท่านที่รักยิ่ง อย่าประหลาดใจต่อการเบียดเบียนซึ่งเกิดขึ้นเป็นการทดสอบท่านทั้งหลาย ประหนึ่งว่าเหตุการณ์เหล่านี้เป็นเหตุการณ์ประหลาด
1ปต. 4:13 แต่จงชื่นชมในการที่ท่านมีส่วนร่วมรับทรมานกับพระคริสตเจ้า เพื่อท่านจะได้มีความชื่นชมและปลื้มปิติยิ่งขึ้นเมื่อพระองค์ทรงสำแดงพระสิริรุ่งโรจน์
1ปต. 4:14 ถ้าท่านถูกด่าว่าเพราะพระนามของพระคริสตเจ้าท่านย่อมเป็นสุข เพราะพระจิตผู้ทรงสิริรุ่งโรจน์พระจิตของพระเจ้าสถิตอยู่กับท่าน
1ปต. 4:15 อย่าให้ท่านใดต้องรับทรมานเพราะเป็นฆาตกร เป็นขโมย เป็นอาชญากรหรือเป็นผู้ละเมิดสิทธิของผู้อื่น
1ปต. 4:16 แต่ถ้าผู้ใดรับทรมานเพราะเป็นคริสตชน ก็จงอย่าอับอาย แต่จงถวายพระเกียรติแด่พระเจ้าเพราะชื่อนี้
1ปต. 4:17 ถึงเวลาแล้วที่การพิพากษาจะเริ่มต้นจากบ้านของพระเจ้า และถ้าการพิพากษาเริ่มจากเรา ผู้ที่ไม่ยอมเชื่อฟังข่าวดีจากพระเจ้าจะมีจุดจบอย่างไร
1ปต. 4:18 ถ้าผู้ชอบธรรมเกือบจะไม่รอดพ้นแล้ว จะเกิดอะไรขึ้นกับผู้ที่ไม่นับถือพระเจ้าและคนบาปเล่า
1ปต. 4:19 ดังนั้น ผู้ที่รับทรมานเพราะปฏิบัติตามพระประสงค์ของพระเจ้า จงทำความดีต่อไปและจงมอบชีวิตของตนไว้ในพระหัตถ์ของพระผู้สร้างผู้ทรงความซื่อสัตย์
1เปโตร บทที่3
1ปต. 3:1 ภรรยาจงอยู่ใต้อำนาจสามี ถ้าสามีบางคนยังไม่มีความเชื่อในพระวาจา ความประพฤติของภรรยาจะชนะใจสามีได้โดยไม่ต้องพูด
1ปต. 3:2 สามีเพียงแต่เห็นการดำเนินชีวิตที่บริสุทธิ์และน่าเคารพของภรรยาเท่านั้น
1ปต. 3:3 ท่านอย่าประดับตนเพียงภายนอก เช่นตกแต่งผมอย่างประณีต สวมสร้อยทองหรือเสื้อผ้าหรูหรา
1ปต. 3:4 แต่จงประดับตนในส่วนลึกของจิตใจให้งดงามอย่างถาวรโดยมีใจอ่อนโยนและสงบเสงี่ยม ความงามเช่นนี้มีค่ายิ่งเฉพาะพระพักตร์พระเจ้า
1ปต. 3:5 ในอดีตบรรดาสตรีศักดิ์สิทธิ์ผู้มีความหวังในพระเจ้าประดับตนเช่นนี้ เธอเหล่านั้นยอมอยู่ใต้อำนาจสามี
1ปต. 3:6 เช่นนางซาราห์เชื่อฟังอับราฮัมและเรียกเขาเป็นนาย ถ้าท่านทำความดีและไม่กลัวความยากลำบากใดๆ ท่านก็เป็นบุตรหญิงของนางซาราห์ด้วย
1ปต. 3:7 เช่นเดียวกัน สามีต้องร่วมชีวิตกับภรรยาโดยคำนึงว่าสตรีเป็นเพศที่อ่อนแอ กว่า จงให้เกียรติภรรยาในฐานะที่เธอร่วมเป็นทายาทรับชีวิตเป็นของประทานจากพระเจ้า ดังนี้ จะไม่มีอุปสรรคใดขัดขวางมิให้ท่านร่วมกันอธิษฐานภาวนา
1ปต. 3:8 สุดท้ายนี้ท่านทั้งหลายจงมีความคิดเห็นพ้องต้องกัน ร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกัน รักกันฉันพี่น้อง เห็นใจกันและรู้จักถ่อมตน
1ปต. 3:9 อย่าตอบโต้ความชั่วด้วยความชั่ว อย่าด่าตอบผู้ที่ด่าท่าน แต่ตรงกันข้าม จงอวยพรเขา เพราะพระเจ้าทรงเรียกท่านมาก็เพื่อให้รับพระพร
1ปต. 3:10 ดังที่พระคัมภีร์กล่าวว่า ผู้ใดรักชีวิต และปรารถนาจะมีความสุขถาวร จงบังคับลิ้น ไม่พูดคำเลวร้าย จงบังคับริมฝีปาก ไม่พูดคำหลอกลวง
1ปต. 3:11 จงหลีกหนีความชั่วและจงกระทำความดี จงแสวงหาสันติและยึดไว้ให้ได้
1ปต. 3:12 เพราะพระเจ้าทอดพระเนตรผู้ชอบธรรม ทรงเอียงพระกรรณสดับเสียงร้องของเขา แต่พระพักตร์ของพระองค์มึนตึงต่อผู้ที่กระทำความชั่ว
1ปต. 3:13 ใครจะทำร้ายท่านได้ถ้าท่านมุ่งมั่นในความดี
1ปต. 3:14 ถ้าท่านจะต้องทนทุกข์ทั้งๆ ที่ทำความดีแล้ว ก็จงเป็นสุขเถิด อย่ากลัวเขา อย่าวุ่นวายใจเลย
1ปต. 3:15 แต่จงนมัสการองค์พระผู้เป็นเจ้าคือพระคริสตเจ้าในจิตใจของท่าน จงพร้อมเสมอที่จะให้คำอธิบายแก่ทุกคนที่ต้องการรู้เหตุผลแห่งความหวังของท่าน
1ปต. 3:16 จงอธิบายด้วยความอ่อนโยนและด้วยความเคารพอย่างบริสุทธิ์ใจ เพื่อเมื่อท่านถูกใส่ร้าย ผู้ที่กล่าวร้ายความประพฤติดีของท่านตามคำสอนของพระคริสตเจ้า ก็จะต้องประสบความอับอาย หากเป็นพระประสงค์ของพระเจ้า การทนทุกข์เพราะทำความดีนั้น
1ปต. 3:17 ย่อมดีกว่าการทนทุกข์เพราะทำความชั่ว
1ปต. 3:18 พระคริสตเจ้าสิ้นพระชนม์เพียงครั้งเดียวเพราะบาป พระองค์ผู้ทรงชอบธรรมสิ้นพระชนม์เพื่อคนอธรรม พระองค์จะทรงนำเราไปเฝ้าพระเจ้าพระองค์ทรงถูกประหารในสภาพมนุษย์ แต่พระจิตเจ้าประทานชีวิตให้พระองค์อีก
1ปต. 3:19 พระจิตเจ้ายังทรงนำพระองค์ไปประกาศความรอดพ้นแก่จิตที่ถูกจองจำ
1ปต. 3:20 ในกาลก่อน จิตเหล่านี้ไม่ยอมเชื่อฟังเมื่อพระเจ้าทรงอดทนรอคอย ขณะที่โนอาห์กำลังต่อเรือ ซึ่งช่วยชีวิตคนจำนวนน้อย นั่นคือเพียงแปดชีวิตให้รอดพ้นจากน้ำวินาศ
1ปต. 3:21 น้ำนั้นเป็นรูปแบบของศีลล้างบาปที่ช่วยท่านให้รอดพ้นในเวลานี้ มิใช่เป็นการชำระล้างมลทินทางร่างกายแต่เป็นการวอนขอต่อพระเจ้าด้วยมโนธรรมบริสุทธิ์เดชะการกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซูคริสตเจ้า
1ปต. 3:22 ผู้เสด็จสู่สวรรค์และประทับ ณ เบื้องขวาของพระเจ้าโดยมีทูตสวรรค์ทั้งศักดิเทพและอิทธิเทพทั้งหลายอยู่ใต้พระอำนาจของพระองค์
ขอความรักดั่งเดิมเปลี่ยนแปลงข้าพระองค์เป็นศิลาเป็นปุโรหิตหลวงเป็นวัสดุลำค่าของพระเจ้า
มธ.16:18 ฝ่ายเราบอกแก่ท่านอีกว่าท่านคือเปโตร และบนศิลานี้เราจะสร้างคริสตจักรของเราไว้และประตูแห่งแดนมรณาไม่อาจมีชัยชนะต่อคริสตจักร.
1ปต.2:4–5 เมื่อท่านทั้งหลายมาหาพระองค์ผู้เป็นศิลาที่มีชีวิตอยู่ ซึ่งมนุษย์ได้ปฏิเสธ แต่พระเจ้าได้ทรงเลือกไว้และทรงให้ความล้ำค่า ท่านทั้งหลายก็ดุจศิลาที่มีชีวิตซึ่งกำลังถูกก่อสร้างขึ้นเป็นพระวิหารฝ่ายวิญญาณกลายเป็นระบบกลุ่มปุโรหิตที่แบ่งแยกบริสุทธิ์ เพื่อถวายเครื่องบูชาฝ่ายวิญญาณ ซึ่งเป็นที่โปรดปรานของพระเจ้าโดยพระเยซูคริสต์.
วว.21:19 ฐานรากทั้งหลายของกำแพงเมืองนั้นประดับด้วยเพชรพลอยนานาชนิด...
โยฮัน 1:42 มีคำว่า “ศิลา” (เปโตร). มัดธาย 16:18 มี “ศิลา” (เปโตร) 1 โกรินโธ 3:12 มี “ศิลา” (เพชรพลอย) 1 เปโตร 2:5 มี “ศิลา” (ศิลาที่มีชีวิต) และวิวรณ์ 21:19 ก็มี “ศิลา” (เพชรพลอย). ในข้อพระคัมภีร์เหล่านี้ชี้ให้เห็นว่าพวกเราล้วนเป็นศิลา
ซีโมนมาพบกับพระเยซู องค์พระผู้เป็นเจ้าก็เปลี่ยนชื่อให้กับเขาทันทีว่าเปโตร—ศิลา.
องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “ท่านคือเปโตรและบนศิลานี้เราจะสร้างคริสตจักรของเราไว้”.
เปโตรก็ได้บอกวิสุทธิชนทั้งหลายว่าพวกเขาก็คือศิลาที่มีชีวิตอยู่ซึ่งกำลังก่อสร้างกลายเป็นพระวิหารฝ่ายวิญญาณ.
โยฮันก็ได้ให้ถ้อยคำสรุปของพันธสัญญาใหม่ ยิ่งกว่านั้นยังเป็นถ้อยคำสรุปของพระคัมภีร์ทั้งเล่มอีกด้วย. ท่านได้กล่าวว่ากำแพงเมืองของกรุงเยรูซาเล็มใหม่สร้างด้วยแก้วมณีโชติ ซึ่งเป็นเพชรพลอยชนิดหนึ่งและฐานรากทั้งหลายของกำแพงเมืองนั้นก็ประดับด้วยเพชรพลอยนานาชนิด.
ช่วงท้ายของพระคัมภีร์ทั้งเล่มนั้น ได้มองเห็นการก่อสร้างอย่างหนึ่งที่ได้ก่อสร้างด้วยเพชรพลอยนานาชนิด
เปโตรก็คือหนึ่งในฐานรากสิบสองฐาน เพราะว่าบนฐานรากนั้นมีชื่อของอัครทูตทั้งสิบสองคน.
พี่น้องคริสเตียนทุกคนล้วนเป็นศิลาที่จะก่อสร้างขึ้นมากลายเป็นการก่อสร้างของพระเจ้า.
แต่วันนี้สภาพการที่ตกต่ำของคริสเตียนที่นำเรื่องเนื้อหนังเข้ามาปลอมปนมันทำให้พี่น้องคริสเตียนไม่ได้มีคุณสมบัติเหมาะที่จะเป็นศิลา การนำวิธีการทางโลกสารพัดวิธีที่เราจะคิดค้นได้นั้นไม่ได้เป็นมาจากพระเจ้ามาจากความรู้สึกนึกคิดของเราวิธีการแบบนี้ก็ไม่แตกต่างจากตอนที่เรายังไม่เชื่อพระเจ้าสักนิดเราจะใช้สมองเรานำคิดว่าสิ่งที่เราทำดีสารพัดแต่ไม่เลยเมื่อเรามาเชื่อพระเยซูคริสต์แล้วเราควรจะเป็นศิลาของพระเจ้าแต่เรากับไม่เป็นศิลาเราเป็นไม้ฟางหญ้าแห้งที่พร้อมจะโดนเผา
การมาเชื่อในพระเจ้าเราล้วนพ้นยุคกฎบัญญัติแล้ว วันนี้เราไม่สภาพการต้องคิดค้นการทำดีต่อพระเจ้า แต่เราต้องให้พระเจ้าเปลี่ยนแปลงเราออกมาจากภายในวิญญาณของเรา
เอเมนดังนั้นวันนี้เราอย่าให้จิตของเรากดทับวิญญาณของเราเพื่อให้วิญญาณของเราและพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้าสำออกมาจากภายในสมกับที่เราเป็นคนใหม่ในพระคริสต์เป็นศิลาของพระเจ้าเป็นปุโรหิตหลวงที่แท้จริงของพระเจ้าที่แบ่งแยกบริสุทธิ์ขริงๆๆไม่ใช่เป็นเพียงแต่ชื่อเหมือนทุกวันนี้ดังที่เราเห็นสภาพการคริสเตียนตกต่ำ.
ทำไมองค์พระผู้เป็นเจ้ายังไม่เสด็จกลับมา. นี่ก็เป็นเพราะว่ายังไม่มีการก่อสร้าง
หากวันนี้พระเจ้ามาเราพร้อมกันแล้วหรือยังพี่น้องที่รักในพระคริสต์เราทั้งหลายยังไม่พร้อมสักนิด อ่านพระคัมภีร์กันหรือไม่ อธิษฐานกันหรือไม่ ส่วนใหญ่เราก็ทำแบบลวกๆๆขอไปทีเป็นพิธีการแล้วก็ผ่านเลยไปนี่คือสภาพคริสเตียนเนื้อหนังในทุกวันนี้รีบอ่านรีบอธิษฐานรีบประชุมไปวันๆๆขอให้ผ่านๆๆแต่ไม่ได้ทุ่มเทใจถวายด้วยหัวใจแห่งความรักความเชื่อความยำเกรงในพระคริสต์เราบอกว่าเรารักพระเจ้าแต่เรารีบๆๆทำแบบส่งๆๆนี่หรือเราเชื่อเรารักเรายำเกรงพระเจ้า หากสภาพการก่อสร้างแบบส่งเดชแบบนี้ก็อย่าหวังเลยที่เราจะโดนพระเจ้าลับไปดังขโมย. อธิษฐานแสวงหากลับใหม่เถิดพี่น้อง.
ชะตาชีวิตของเราก็มีเพื่อการก่อสร้างของพระองค์. พระคัมภีร์ได้ให้เรามองเห็นอย่างชัดเจนว่าเราต้องการการเติบโตและการเปลี่ยนแปลงในชีวิต เพื่อการก่อสร้างของพระองค์.
เราเติบโตและเปลี่ยนแปลงใหม่ ทุกวันนี้ต้องพูดความจริงกันอย่าศรีธนชัยกันเลยพี่น้องคริสเตียนไทย
เราบอกเราต้องเติบโตต้องเปลี่ยนแปลงแต่เราก็ละเลยอ่านพระคัมภีร์ ไม่อธิษฐานติดสนิท แต่เราจะทำแบบพิธีกรรมเหมือนอ่านพระคำแบบนกแก้วนกขุนทอง อธิษฐานก็ทำแบบพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์เป็นรูปเคารพในชีวิตประจำวันเพื่อให้ดูขลัง อย่างนี้ไม่มีความเปลี่ยนแปลงแตกต่างจากสมัยยังไม่เชื่อพระเจ้าเลยสักนิด
วันนี้เป็นวันขององค์พระผู้เป็นเจ้าอย่าทำอะไรแบบส่งเดชขอไปทีรีบประชุมร้องเพลงเยอะๆๆอ่านพระคำน้อยๆๆฟังเทศน์นิดๆๆขอรีบๆๆ จะได้กลับไปเที่ยวไปเดินเล่นทางโลกต่อ อย่างนี้ก็ไม่มีการก่อสร้างไม่มีวัสดุทองคำเงินเพชรพลอยในการก่อสร้างของพระเจ้าสักนิด
จะเป็นศิลาแต่ไม่ทำตัวเหมือนศิลาก็เป็นได้แค่ไม้ฟางหญ้าแห้ง
จะเป็นปุโรหิตหลวงของพระเจ้าแต่ไม่แบ่งแยกบริสุทธิ์อย่างชัดเจนยังดำเนินชีวิตติดสนิทผูกพันกับเนื้อหนังอยู่เสมอ
ท่านก็ยังไม่เติบโตเป็นคริสเตียนทารกที่ไม่มีคุณสมบัติพร้อมที่จะเป็นทั้งศิลาทั้งเป็นปุโรหิตหลวงอย่างแท้จริงของพระเจ้าได้
ด้วยความรักในพระคริสต์วันนี้พี่น้องที่รักท่านต้องหันกลับมาเป็นศิลาของพระเจ้า มาเป็นปุโรหิตหลวงของพระเจ้า เป็นวัสดุที่ล้ำค่าของพระเจ้าพร้อมในการก่อสร้างได้แล้ว
ท่านต้องเปลี่ยนแปลงยอมนอบน้อมถ่อมใจต้อพระเจ้ายำเกรงพระเจ้า รักพระเจ้าอย่างแท้จริง
อ่านพระคัมภีร์อย่างใจแสวงหา อธิษฐานด้วยความร้อนรนอย่างสม่ำเสมอ
ขอพระเจ้าเปลี่ยนแปลงฟื้นฟูพี่น้องที่รักในพระคริสต์ทุกท่าน เอเมน
1ปต.2:4–5 เมื่อท่านทั้งหลายมาหาพระองค์ผู้เป็นศิลาที่มีชีวิตอยู่ ซึ่งมนุษย์ได้ปฏิเสธ แต่พระเจ้าได้ทรงเลือกไว้และทรงให้ความล้ำค่า ท่านทั้งหลายก็ดุจศิลาที่มีชีวิตซึ่งกำลังถูกก่อสร้างขึ้นเป็นพระวิหารฝ่ายวิญญาณกลายเป็นระบบกลุ่มปุโรหิตที่แบ่งแยกบริสุทธิ์ เพื่อถวายเครื่องบูชาฝ่ายวิญญาณ ซึ่งเป็นที่โปรดปรานของพระเจ้าโดยพระเยซูคริสต์.
วว.21:19 ฐานรากทั้งหลายของกำแพงเมืองนั้นประดับด้วยเพชรพลอยนานาชนิด...
โยฮัน 1:42 มีคำว่า “ศิลา” (เปโตร). มัดธาย 16:18 มี “ศิลา” (เปโตร) 1 โกรินโธ 3:12 มี “ศิลา” (เพชรพลอย) 1 เปโตร 2:5 มี “ศิลา” (ศิลาที่มีชีวิต) และวิวรณ์ 21:19 ก็มี “ศิลา” (เพชรพลอย). ในข้อพระคัมภีร์เหล่านี้ชี้ให้เห็นว่าพวกเราล้วนเป็นศิลา
ซีโมนมาพบกับพระเยซู องค์พระผู้เป็นเจ้าก็เปลี่ยนชื่อให้กับเขาทันทีว่าเปโตร—ศิลา.
องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “ท่านคือเปโตรและบนศิลานี้เราจะสร้างคริสตจักรของเราไว้”.
เปโตรก็ได้บอกวิสุทธิชนทั้งหลายว่าพวกเขาก็คือศิลาที่มีชีวิตอยู่ซึ่งกำลังก่อสร้างกลายเป็นพระวิหารฝ่ายวิญญาณ.
โยฮันก็ได้ให้ถ้อยคำสรุปของพันธสัญญาใหม่ ยิ่งกว่านั้นยังเป็นถ้อยคำสรุปของพระคัมภีร์ทั้งเล่มอีกด้วย. ท่านได้กล่าวว่ากำแพงเมืองของกรุงเยรูซาเล็มใหม่สร้างด้วยแก้วมณีโชติ ซึ่งเป็นเพชรพลอยชนิดหนึ่งและฐานรากทั้งหลายของกำแพงเมืองนั้นก็ประดับด้วยเพชรพลอยนานาชนิด.
ช่วงท้ายของพระคัมภีร์ทั้งเล่มนั้น ได้มองเห็นการก่อสร้างอย่างหนึ่งที่ได้ก่อสร้างด้วยเพชรพลอยนานาชนิด
เปโตรก็คือหนึ่งในฐานรากสิบสองฐาน เพราะว่าบนฐานรากนั้นมีชื่อของอัครทูตทั้งสิบสองคน.
พี่น้องคริสเตียนทุกคนล้วนเป็นศิลาที่จะก่อสร้างขึ้นมากลายเป็นการก่อสร้างของพระเจ้า.
แต่วันนี้สภาพการที่ตกต่ำของคริสเตียนที่นำเรื่องเนื้อหนังเข้ามาปลอมปนมันทำให้พี่น้องคริสเตียนไม่ได้มีคุณสมบัติเหมาะที่จะเป็นศิลา การนำวิธีการทางโลกสารพัดวิธีที่เราจะคิดค้นได้นั้นไม่ได้เป็นมาจากพระเจ้ามาจากความรู้สึกนึกคิดของเราวิธีการแบบนี้ก็ไม่แตกต่างจากตอนที่เรายังไม่เชื่อพระเจ้าสักนิดเราจะใช้สมองเรานำคิดว่าสิ่งที่เราทำดีสารพัดแต่ไม่เลยเมื่อเรามาเชื่อพระเยซูคริสต์แล้วเราควรจะเป็นศิลาของพระเจ้าแต่เรากับไม่เป็นศิลาเราเป็นไม้ฟางหญ้าแห้งที่พร้อมจะโดนเผา
การมาเชื่อในพระเจ้าเราล้วนพ้นยุคกฎบัญญัติแล้ว วันนี้เราไม่สภาพการต้องคิดค้นการทำดีต่อพระเจ้า แต่เราต้องให้พระเจ้าเปลี่ยนแปลงเราออกมาจากภายในวิญญาณของเรา
เอเมนดังนั้นวันนี้เราอย่าให้จิตของเรากดทับวิญญาณของเราเพื่อให้วิญญาณของเราและพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้าสำออกมาจากภายในสมกับที่เราเป็นคนใหม่ในพระคริสต์เป็นศิลาของพระเจ้าเป็นปุโรหิตหลวงที่แท้จริงของพระเจ้าที่แบ่งแยกบริสุทธิ์ขริงๆๆไม่ใช่เป็นเพียงแต่ชื่อเหมือนทุกวันนี้ดังที่เราเห็นสภาพการคริสเตียนตกต่ำ.
ทำไมองค์พระผู้เป็นเจ้ายังไม่เสด็จกลับมา. นี่ก็เป็นเพราะว่ายังไม่มีการก่อสร้าง
หากวันนี้พระเจ้ามาเราพร้อมกันแล้วหรือยังพี่น้องที่รักในพระคริสต์เราทั้งหลายยังไม่พร้อมสักนิด อ่านพระคัมภีร์กันหรือไม่ อธิษฐานกันหรือไม่ ส่วนใหญ่เราก็ทำแบบลวกๆๆขอไปทีเป็นพิธีการแล้วก็ผ่านเลยไปนี่คือสภาพคริสเตียนเนื้อหนังในทุกวันนี้รีบอ่านรีบอธิษฐานรีบประชุมไปวันๆๆขอให้ผ่านๆๆแต่ไม่ได้ทุ่มเทใจถวายด้วยหัวใจแห่งความรักความเชื่อความยำเกรงในพระคริสต์เราบอกว่าเรารักพระเจ้าแต่เรารีบๆๆทำแบบส่งๆๆนี่หรือเราเชื่อเรารักเรายำเกรงพระเจ้า หากสภาพการก่อสร้างแบบส่งเดชแบบนี้ก็อย่าหวังเลยที่เราจะโดนพระเจ้าลับไปดังขโมย. อธิษฐานแสวงหากลับใหม่เถิดพี่น้อง.
ชะตาชีวิตของเราก็มีเพื่อการก่อสร้างของพระองค์. พระคัมภีร์ได้ให้เรามองเห็นอย่างชัดเจนว่าเราต้องการการเติบโตและการเปลี่ยนแปลงในชีวิต เพื่อการก่อสร้างของพระองค์.
เราเติบโตและเปลี่ยนแปลงใหม่ ทุกวันนี้ต้องพูดความจริงกันอย่าศรีธนชัยกันเลยพี่น้องคริสเตียนไทย
เราบอกเราต้องเติบโตต้องเปลี่ยนแปลงแต่เราก็ละเลยอ่านพระคัมภีร์ ไม่อธิษฐานติดสนิท แต่เราจะทำแบบพิธีกรรมเหมือนอ่านพระคำแบบนกแก้วนกขุนทอง อธิษฐานก็ทำแบบพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์เป็นรูปเคารพในชีวิตประจำวันเพื่อให้ดูขลัง อย่างนี้ไม่มีความเปลี่ยนแปลงแตกต่างจากสมัยยังไม่เชื่อพระเจ้าเลยสักนิด
วันนี้เป็นวันขององค์พระผู้เป็นเจ้าอย่าทำอะไรแบบส่งเดชขอไปทีรีบประชุมร้องเพลงเยอะๆๆอ่านพระคำน้อยๆๆฟังเทศน์นิดๆๆขอรีบๆๆ จะได้กลับไปเที่ยวไปเดินเล่นทางโลกต่อ อย่างนี้ก็ไม่มีการก่อสร้างไม่มีวัสดุทองคำเงินเพชรพลอยในการก่อสร้างของพระเจ้าสักนิด
จะเป็นศิลาแต่ไม่ทำตัวเหมือนศิลาก็เป็นได้แค่ไม้ฟางหญ้าแห้ง
จะเป็นปุโรหิตหลวงของพระเจ้าแต่ไม่แบ่งแยกบริสุทธิ์อย่างชัดเจนยังดำเนินชีวิตติดสนิทผูกพันกับเนื้อหนังอยู่เสมอ
ท่านก็ยังไม่เติบโตเป็นคริสเตียนทารกที่ไม่มีคุณสมบัติพร้อมที่จะเป็นทั้งศิลาทั้งเป็นปุโรหิตหลวงอย่างแท้จริงของพระเจ้าได้
ด้วยความรักในพระคริสต์วันนี้พี่น้องที่รักท่านต้องหันกลับมาเป็นศิลาของพระเจ้า มาเป็นปุโรหิตหลวงของพระเจ้า เป็นวัสดุที่ล้ำค่าของพระเจ้าพร้อมในการก่อสร้างได้แล้ว
ท่านต้องเปลี่ยนแปลงยอมนอบน้อมถ่อมใจต้อพระเจ้ายำเกรงพระเจ้า รักพระเจ้าอย่างแท้จริง
อ่านพระคัมภีร์อย่างใจแสวงหา อธิษฐานด้วยความร้อนรนอย่างสม่ำเสมอ
ขอพระเจ้าเปลี่ยนแปลงฟื้นฟูพี่น้องที่รักในพระคริสต์ทุกท่าน เอเมน
วันศุกร์ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2557
1เปโตร บทที่2
1ปต. 2:1 ดังนั้น ท่านทั้งหลายจงละทิ้งความชั่วทั้งมวล คือ การหลอกลวง ความเจ้าเล่ห์ การอิจฉา การนินทาและการใส่ความ
1ปต. 2:2 เช่นเดียวกับทารกแรกเกิด ท่านปรารถนาน้ำนมบริสุทธิ์ฝ่ายจิตใจ เพื่อน้ำนมจะช่วยให้ท่านเจริญเติบโตขึ้นไปรับความรอดพ้น
1ปต. 2:3 ถ้าท่านลิ้มรสแล้วว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้า” ทรงความดีเพียงใด
1ปต. 2:4 จงเข้าไปเฝ้าพระองค์ผู้ทรงเป็นศิลาทรงชีวิตซึ่งมนุษย์ละทิ้งไป แต่พระเจ้าทรงเลือกสรรไว้และมีค่าประเสริฐ
1ปต. 2:5 ท่านเป็นเหมือนศิลาที่มีชีวิตกำลังก่อสร้างขึ้นเป็นวิหารของพระจิตเจ้า เป็นสมณตระกูลศักดิ์สิทธิ์ เพื่อถวายเครื่องบูชาฝ่ายจิตซึ่งเป็นที่สบพระทัยของพระเจ้าเดชะพระเยซูคริสตเจ้า
1ปต. 2:6 ดังที่มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า “เราเลือกศิลาประเสริฐและวางไว้ในนครศิโยนเป็นศิลาหัวมุม ทุกคนที่มีความเชื่อในศิลานี้จะไม่ต้องอับอายเลย”
1ปต. 2:7 สำหรับท่านผู้มีความเชื่อ ศิลานี้จึงมีค่าประเสริฐ แต่สำหรับผู้ที่ไม่มีความเชื่อ ศิลาที่ช่างก่อสร้างละทิ้งก็กลายเป็นศิลาหัวมุม
1ปต. 2:8 เป็นศิลาที่ทำให้สะดุดและเป็นศิลาที่ทำให้ล้มลง เขาเหล่านั้นสะดุดเพราะไม่ยอมเชื่อฟังพระวาจา นี่เป็นชะตากรรมของพวกเขา
1ปต. 2:9 ท่านทั้งหลายเป็นชาติที่ทรงเลือกสรรไว้ เป็นสมณราชตระกูล เป็นชนชาติศักดิ์สิทธิ์ เป็นประชากรที่เป็นกรรมสิทธิ์พิเศษของพระเจ้า เพื่อจะประกาศพระฤทธา นุภาพของพระองค์ผู้ทรงเรียกท่านจากความมืดสู่ความสว่างที่น่าพิศวงของพระองค์
1ปต. 2:10 ในอดีตท่านมิได้เป็นประชากร แต่บัดนี้ท่านเป็นประชากรของพระเจ้าแล้ว ในอดีตท่านมิได้รับพระเมตตา แต่บัดนี้ท่านได้รับพระเมตตาแล้ว
1ปต. 2:11 ท่านที่รักยิ่งทั้งหลาย ข้าพเจ้าวอนขอท่านผู้เป็นเสมือนคนต่างด้าวและคนพลัดถิ่นให้ละเว้นจากกิเลสตัณหาของเนื้อหนังซึ่งทำสงครามสู้รบกับวิญญาณ
1ปต. 2:12 จงมีความประพฤติดีงามในหมู่คนต่างศาสนาแม้เขาจะใส่ร้ายท่านว่าประพฤติชั่วร้าย เขาจะต้องยอมรับว่ากิจการที่ท่านทำนั้นเป็นกิจการดี และจะสรรเสริญพระเจ้าในวันที่พระองค์เสด็จมา
1ปต. 2:13 เพราะความรักต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า จงอ่อนน้อมเชื่อฟังมนุษย์ทุกคนที่มีอำนาจปกครองทั้งพระจักรพรรดิซึ่งมีอำนาจสูงสุด
1ปต. 2:14 และผู้ว่าราชการซึ่งได้รับการแต่งตั้งให้ลงโทษผู้กระทำความชั่วและยกย่องผู้กระทำความดี
1ปต. 2:15 พระเจ้ามีพระประสงค์ให้ท่านทำความดี ปิดปากคนโง่เขลามิให้พูดไร้สาระ
1ปต. 2:16 จงประพฤติตนดุจคนอิสระ อย่าใช้อิสรภาพเป็นข้ออ้างเพื่อปิดบังความชั่ว แต่จงประพฤติดุจผู้รับใช้ของพระเจ้า
1ปต. 2:17 จงให้เกียรติทุกคน จงรักพี่น้องผู้มีความเชื่อ จงเคารพยำเกรงพระเจ้า จงถวายพระเกียรติแด่พระจักรพรรดิ
1ปต. 2:18 ผู้รับใช้ จงอยู่ใต้อำนาจผู้เป็นนายด้วยความเคารพยำเกรง ไม่เพียงแต่นายที่ใจดีและอ่อนโยนเท่านั้น แต่รวมถึงนายที่ใจร้ายด้วย
1ปต. 2:19 การที่ใครคนหนึ่งยอมทนทุกข์ทรมานอย่างอยุติธรรมเพราะคำนึงถึงพระเจ้า ก็เป็นพระหรรษทาน
1ปต. 2:20 จะเป็นเกียรติได้อย่างไรถ้าท่านทำผิดแล้วต้องทนทุกข์เพราะถูกลงโทษ แต่ถ้าท่านทำความดี แล้วยอมทนทุกข์ จึงจะเป็นพระหรรษทานของพระเจ้า
1ปต. 2:21 พระเจ้าทรงเรียกท่านให้ปฏิบัติดังนี้ พระคริสตเจ้าทรงรับทรมานเพื่อท่าน และประทานแบบฉบับไว้ให้ท่านดำเนินตามรอยพระบาท
1ปต. 2:22 พระองค์มิได้ทรงกระทำบาป มิได้ตรัสหลอกลวงผู้ใด
1ปต. 2:23 เมื่อเขาดูหมิ่นพระองค์ พระองค์ก็มิได้ทรงโต้ตอบ เมื่อทรงรับทรมาน พระองค์มิได้ทรงข่มขู่จะแก้แค้น แต่ทรงมอบพระองค์ไว้แด่พระผู้ทรงพิพากษาด้วยความเที่ยงธรรม
1ปต. 2:24 พระองค์ทรงแบกบาปของเราไว้ในพระวรกายบนไม้กางเขน เพื่อเราจะได้ตายจากบาปและมีชีวิตอยู่เพื่อความชอบธรรม รอยแผลของพระองค์รักษาท่านให้หาย
1ปต. 2:25 ท่านเคยเป็นเหมือนแกะที่พลัดหลงจากฝูง แต่บัดนี้กลับมาหาผู้เลี้ยงและผู้ดูแลวิญญาณของท่านแล้ว
วันพฤหัสบดีที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2557
ยากอบบทที่1 พระคริสตธรรมคัมภีร์ใหม่
ยก. 1:1 ยากอบ ผู้รับใช้ของพระเจ้าและของพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา ขอส่งความคิดถึงตระกูลทั้งสิบสองตระกูลที่กระจายอยู่ทั่วโลก
ยก. 1:2 พี่น้องทั้งหลาย จงคิดว่าเป็นที่น่ายินดีเมื่อประสบความยากลำบากต่างๆ
ยก. 1:3 เพราะท่านรู้อยู่แล้วว่าการที่ความเชื่อของท่านถูกทดสอบก่อให้เกิดความพากเพียร
ยก. 1:4 จงพากเพียรให้ถึงที่สุดเพื่อท่านจะได้เป็นคนดีอย่างสมบูรณ์ ไม่มีที่ตำหนิ และไม่มีสิ่งใดบกพร่อง
ยก. 1:5 ท่านใดขาดปรีชาญาณ จงขอปรีชาญาณนั้นจากพระเจ้าเถิด พระองค์ประทานให้ทุกคนด้วยพระทัยกว้างโดยไม่ทรงตำหนิเลย แล้วเขาจะได้รับปรีชาญาณตามที่ขอ
ยก. 1:6 แต่เขาต้องขอด้วยความเชื่อ โดยไม่สงสัย เพราะผู้ที่สงสัยนั้นเปรียบเสมือนคลื่นในทะเลที่ถูกลมพัดซัดไปมา
ยก. 1:7 คนเช่นนี้จะไม่ได้รับอะไรจากองค์พระผู้เป็นเจ้า
ยก. 1:8 เขาเป็นคนจิตใจโลเลไม่มั่นคงในกิจการทั้งหลายของเขา
ยก. 1:9 พี่น้องผู้ต่ำต้อยจงภูมิใจในตำแหน่งสูงของตน
ยก. 1:10 ส่วนคนมั่งมีก็จงภูมิใจในสภาพต่ำต้อยของตน เพราะเขาจะต้องล่วงพ้นไปดุจดอกหญ้า
ยก. 1:11 เมื่อดวงอาทิตย์ขึ้นแดดร้อนระอุแล้วหญ้าก็เหี่ยวแห้งไป ดอกหญ้าจะร่วงโรยและความงดงามจะสูญไป คนมั่งมีจะร่วงโรยไปขณะที่กำลังทำธุรกิจของตนเช่นเดียวกัน
ยก. 1:12 ผู้ที่มีมานะอดทนต่อการถูกทดลองย่อมเป็นสุข เพราะเมื่อเขาผ่านการทดลองนั้น เขาจะได้รับมงกุฎแห่งชีวิตซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงสัญญาจะประทานให้ผู้ที่รักพระองค์
ยก. 1:13 อย่าให้ผู้ใดที่ถูกทดลองพูดว่า “ข้าพเจ้าถูกพระเจ้าทดลอง” เพราะความชั่วไม่อาจทดลองพระเจ้าได้ และพระองค์ไม่ทรงทดลองผู้ใด
ยก. 1:14 แต่เราทุกคนถูกกิเลสตัณหาทดลอง ดึงดูด และหลอกลวง
ยก. 1:15 กิเลสตัณหาทำให้เกิดบาปและเมื่อมีบาปมาก บาปก็จะทำให้เกิดความตาย
ยก. 1:16 พี่น้องที่รัก อย่าหลงผิด
ยก. 1:17 ของประทานทุกอย่างที่ดีและบริบูรณ์ย่อมมาจากเบื้องบนลงมาจากพระบิดาผู้ทรงสร้างความสว่างพระองค์ไม่ทรงเปลี่ยนแปลง ไม่ทรงมีแม้แต่เงาแห่งความแปรปรวนใดๆ
ยก. 1:18 พระองค์พอพระทัยให้เราบังเกิดโดยพระวาจาแห่งความจริงเพื่อให้เราเป็นดุจผลแรกในสรรพสิ่งที่ทรงสร้าง
ยก. 1:19 พี่น้องที่รัก พึงตระหนักว่า ทุกคนจงฉับไวที่จะฟัง แต่ช้าที่จะพูด และช้าที่จะโกรธ
ยก. 1:20 คนที่โกรธย่อมไม่ปฏิบัติตนชอบธรรมตามพระประสงค์ของพระเจ้า
ยก. 1:21 ดังนั้น จงละทิ้งความโสมมทั้งหลาย และความชั่วร้ายที่ยังตกค้างอยู่ จงน้อมรับพระวาจาที่ทรงปลูกฝังไว้ในท่าน พระวาจานั้นช่วยวิญญาณท่านให้รอดพ้นได้
ยก. 1:22 จงปฏิบัติตามพระวาจา มิใช่เพียงแต่ฟัง ซึ่งเท่ากับหลอกตนเอง
ยก. 1:23 เพราะถ้าผู้ใดฟังพระวาจาแล้วไม่ปฏิบัติตาม ก็เหมือนคนที่มองใบหน้าของตนในกระจกเงา
ยก. 1:24 เมื่อมองตนเอง และจากไปแล้ว ก็ลืมทันทีว่าตนเป็นอย่างไร
ยก. 1:25 ส่วนผู้ที่พิจารณาบัญญัติแห่งอิสรภาพและยึดมั่นในบัญญัตินั้น มิใช่ฟังแล้วลืม แต่ฟังแล้วนำไปปฏิบัติตาม ผู้นั้นย่อมประสบความสุขในการปฏิบัตินั้น
ยก. 1:26 ผู้ใดคิดว่าตนเป็นคนเลื่อมใสศรัทธาแต่ไม่ควบคุมลิ้นของตน ผู้นั้นย่อม หลอกลวงตนเอง ความเลื่อมใสศรัทธาของเขาย่อมไร้ค่า
ยก. 1:27 ความเลื่อมใสศรัทธาบริสุทธิ์และไร้มลทินเฉพาะพระพักตร์ของพระเจ้าพระบิดาคือการเยี่ยมเด็กกำพร้าและหญิงม่ายที่มีความทุกข์ร้อน และการรักษาตนให้พ้นจากมลทินของโลก
ยูดา พระคริสตธรรมคัมภีร์ใหม่
ยด. 1:1 จากยูดา ผู้รับใช้ของพระเยซูคริสตเจ้า น้องของยากอบ ถึงผู้ที่ได้รับเรียก ซึ่งเป็นที่รักของพระเจ้าพระบิดา และเป็นผู้ที่พระเยซูคริสตเจ้าทรงคุ้มครองรักษา
ยด. 1:2 ขอพระเมตตา สันติและความรัก จงมีแด่ท่านทั้งหลายอย่างบริบูรณ์
ยด. 1:3 ท่านที่รักทั้งหลาย ข้าพเจ้าปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะเขียนถึงท่านเรื่องความรอดพ้นซึ่งเราได้รับร่วมกัน ข้าพเจ้าจึงเห็นว่า จำเป็นต้องเขียนเตือนท่านให้ต่อสู้เพื่อป้องกันความเชื่อที่พระเจ้าประทานแก่บรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ครั้งเดียวตลอดไป
ยด. 1:4 บางคนแอบแฝงเข้ามาในกลุ่มท่านทั้งหลาย พระคัมภีร์เขียนไว้นานแล้วว่าคนเหล่านี้จะถูกตัดสินลงโทษเขาเป็นคนอธรรม บิดเบือนพระหรรษทานของพระเจ้าของเรา เป็นข้อแก้ตัวในความประพฤติผิดศีลธรรมและปฏิเสธพระเยซูคริสต์ ผู้ทรงเป็นเจ้านายและทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าเพียงพระองค์เดียวของเรา
ยด. 1:5 ท่านรู้เรื่องทั้งหมดนี้อยู่แล้วแต่ข้าพเจ้าปรารถนาจะเตือนท่านอีกครั้งหนึ่งให้ระลึกว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงช่วยให้ชนชาติหนึ่งรอดพ้นจากแผ่นดินอียิปต์ หลังจากนั้นพระองค์ยังทรงทำลายผู้ไม่เชื่อพระองค์
ยด. 1:6 และทรงทำลายทูตสวรรค์ที่ไม่พอใจในอำนาจที่ตนได้รับจากพระเจ้า ละทิ้งที่อาศัยของตนพระองค์จึงทรงจองจำไว้ด้วยพันธนาการนิรันดร ทรงคุมขังคนเหล่านั้นไว้ในที่มืดจนถึงการพิพากษาในวันยิ่งใหญ่นั้น
ยด. 1:7 ชาวเมืองโสดม ชาวเมืองโกโมราห์ และชาวเมืองที่อยู่รอบๆ ประพฤติผิดศีลธรรมเช่นเดียวกับทูตสวรรค์เหล่านั้น ปล่อยตัวตามกิเลสตัณหาผิดธรรมชาติจึงได้รับโทษในไฟนิรันดร เรื่องดังกล่าวเป็นตัวอย่างสำหรับเรา
ยด. 1:8 คนเพ้อฝันเหล่านี้ก็เช่นเดียวกันเขาทำให้ร่างกายของตนเป็นมลทิน ดูหมิ่นอำนาจของพระเจ้า กล่าวคำหยาบคายต่อบรรดาทูตสวรรค์
ยด. 1:9 อัครทูตสวรรค์มีคาเอล เมื่อโต้เถียงกับปีศาจเรื่องศพของโมเสสยังไม่กล้าพูดดูหมิ่นปีศาจ ท่านเพียงแต่พูดว่า “ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงกล่าวโทษเจ้าเถิด”
ยด. 1:10 แต่คนเหล่านี้กลับพูดคำหยาบคายต่อทุกสิ่งที่เขาไม่รู้ และต่อสิ่งที่เรารู้โดยสัญชาตญาณเหมือนสัตว์เดียรัจฉาน จึงทำให้เขาพินาศ
ยด. 1:11 ความวิบัติจงเกิดแก่เขา เขาดำเนินตามทางของคาอิน ปล่อยตัวไปตามความหลงผิดของบาลาอัมเพราะเห็นแก่สินจ้าง และพินาศไปเหมือนกับโคราห์ที่เป็นกบฎ
ยด. 1:12 เขาเป็นอุปสรรคเมื่อท่านทั้งหลายชุมนุมกันในงานเลี้ยงฉันพี่น้องเขาร่วมโต๊ะอย่างไม่อายเพียงเพื่อจะกิน เขาเป็นเมฆไร้ฝนที่ลอยไปตามลม เป็นต้นไม้ในฤดูออกผลที่ไม่มีผลและถูกถอนราก จึงตายสองครั้ง
ยด. 1:13 เป็นคลื่นทะเลบ้าคลั่งที่พ่นกิจการน่าอายของตนออกมาราวกับฟอง เป็นดาวที่พลัดออกไปจากวงโคจรที่พระเจ้าทรงจัดความมืดทึบตลอดนิรันดรไว้
ยด. 1:14 เอโนคผู้เป็นอัยกาคนที่เจ็ดนับตั้งแต่อาดัมพยากรณ์ถึงคนเหล่านี้ไว้ว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าเสด็จมาพร้อมกับบรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ จำนวนนับหมื่น
ยด. 1:15 เพื่อพิพากษามนุษย์ทุกคน และกล่าวโทษคนอธรรมเพราะกิจการอธรรมทั้งหลายที่เขากระทำและเพราะถ้อยคำหยาบคายที่คนบาปไม่นับถือพระเจ้ากล่าวร้ายต่อพระองค์”
ยด. 1:16 คนเหล่านี้เป็นคนชอบบ่น ไม่พอใจสภาพของตน ประพฤติตามราคะตัณหาพูดจาโอหังอวดดี ประจบสอพลอโดยหวังประโยชน์เพื่อตนเอง
ยด. 1:17 ท่านที่รักทั้งหลาย จงระลึกถึงถ้อยคำที่บรรดาอัครสาวกของพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรากล่าวไว้
ยด. 1:18 เขาบอกท่านว่า “ในวาระสุดท้าย จะมีผู้เยาะเย้ยเกิดขึ้น เขาเหล่านี้จะประพฤติตามราคะตัณหาอันเลวร้ายของตน”
ยด. 1:19 คนเหล่านี้เป็นผู้ทำให้เกิดความแตกแยก ดำเนินชีวิตใฝ่ต่ำตามธรรมชาติ ไม่มีพระจิตเจ้าเป็นผู้นำ
ยด. 1:20 ท่านที่รักทั้งหลาย จงเสริมสร้างตนเองจากพื้นฐานความเชื่อศักดิ์สิทธิ์ยิ่งของท่าน จงอธิษฐานภาวนาในพระจิตเจ้า
ยด. 1:21 จงมีความรักอย่างมั่นคงในพระเจ้า ขณะที่รอคอยพระกรุณาของพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา เพื่อจะได้รับชีวิตนิรันดร
ยด. 1:22 จงสงสารคนที่อ่อนแอ
ยด. 1:23 จงช่วยเขาให้รอดพ้นโดยดึงเขาออกมาจากไฟจงสงสารคนอื่นด้วย แต่ต้องมีความระมัดระวัง จงอยู่ห่างแม้กระทั่งเสื้อที่เปื้อนมลทินของเขา
ยด. 1:24 แด่พระองค์ผู้ทรงปกป้องท่านทั้งหลายไว้มิให้พลาดพลั้ง และทรงประคองให้ยืนด้วยความยินดีปราศจากตำหนิเฉพาะพระสิริรุ่งโรจน์
ยด. 1:25 แด่พระองค์แต่เพียงพระองค์เดียวผู้ทรงเป็นพระเจ้า ผู้ทรงช่วยเราให้รอดพ้น อาศัยพระบารมีของพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา ขอพระสิริรุ่งโรจน์ พระบารมียิ่งใหญ่ พระเดชานุภาพและพระฤทธานุภาพ จงมีแด่พระองค์ ทั้งอดีต ปัจจุบัน และอนาคตตลอดนิรันดร อาแมน
วันพุธที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2557
เราเป็นเผ่าพันธ์มนุษย์อาดัมคนใหม่ของพระเจ้า เอเมน
ขณะที่พระเยซูถูกตรึงอยู่บนไม้กางเขน พระเยซูถูกตรึงในฐานะอาดัมผู้ซึ่งจะมาภายหลัง สิ่งสารพัดที่เป็นของอาดัมคนแรกจะรวมเข้าไว้ในตัวของพระเยซูคริต์จะถูกขจัดทิ้งไป รวมถึงเราทั้งหลายที่เชื่อพระเยซูคริสต์ก็ได้รวมอยู่ในนั้นด้วย พระเยซูทรงเป็นอาดัมผู้ซึ่งมาภายหลังนั้นได้ขจัดมนุษย์เผ่าพันธ์เดิมให้สูญสิ้นไปแล้ว.การที่พระองค์เป็นมนุษย์คนที่สองเพื่อจะได้นำมาซึ่งเผ่าพันใหม่ พระองค์ทรงเป็นมนุษย์คนที่สองด้วยการเป็นขึ้นมาใหม่ ในที่นี้รวมถึงเราทั้งหลายที่เชื่อในพระเยซูคริสต์ไว้แล้วด้วย.
รม. 6:5 เพราะว่าถ้าเราเข้าสนิทกับพระองค์แล้วในการตายอย่างพระองค์ เราก็จะเข้าสนิทกับพระองค์ในการเป็นขึ้นจากตายอย่างพระองค์
วันนี้เราทั้งหลายที่เชื่อในพระเยซูคริสต์ได้ตายอยู่ในอาดัมผู้ซึ่งมาภายหลังแล้ว เราทั้งหลายจึงมีชีวิตเป็นอยู่ในมนุษย์คนที่สอง
ไม้กางเขนจึงเป็นฤทธานุภาพอันเกรียงไกรที่ยิ่งใหญ่ของพระเจ้า ซึ่งย้ายเราทั้งหลายที่เชื่อในพระเยซูคริสต์ออกจากอาดัมคนแรกเข้ามาสู่อาดัมคนใหม่คือพระเยซูคริสต์ เอมน
วอท์ชแมน นี
หนังสือชีวิตคริสเตียนที่ปกติ
เมื่ออ่านตรงนี้เราจะเห็นได้ว่าการทำงานของไม้กางเขนนั้นยิ่งใหญ่จริงๆๆเป็นการเคลื่อย้ายโยกย้ายชีวิตเก่าที่เต็มไปด้วยบาปจากอาดัมคนก่อนที่สืบเนื่องต่อมาตกมาถึงเรา นับเป็นพระคุณความรอดที่ยิ่งใหญ่ของพระเยซูคริสต์ที่ทรงนำความบาปของเราสารพัดและสภาพชีวิตมนุษย์อาดัมคนเก่าของเราตรึงไว้บนไม้กางเขนวันนี้เราทั้งหลายที่เชื่อในพระเยซูคริสต์จึงเป็นเผ่าพันธ์อาดัมคนใหม่ของพระคริสต์ สรรเสริญขอบคุณพระเจ้าเอเมน.
รม. 6:5 เพราะว่าถ้าเราเข้าสนิทกับพระองค์แล้วในการตายอย่างพระองค์ เราก็จะเข้าสนิทกับพระองค์ในการเป็นขึ้นจากตายอย่างพระองค์
วันนี้เราทั้งหลายที่เชื่อในพระเยซูคริสต์ได้ตายอยู่ในอาดัมผู้ซึ่งมาภายหลังแล้ว เราทั้งหลายจึงมีชีวิตเป็นอยู่ในมนุษย์คนที่สอง
ไม้กางเขนจึงเป็นฤทธานุภาพอันเกรียงไกรที่ยิ่งใหญ่ของพระเจ้า ซึ่งย้ายเราทั้งหลายที่เชื่อในพระเยซูคริสต์ออกจากอาดัมคนแรกเข้ามาสู่อาดัมคนใหม่คือพระเยซูคริสต์ เอมน
วอท์ชแมน นี
หนังสือชีวิตคริสเตียนที่ปกติ
เมื่ออ่านตรงนี้เราจะเห็นได้ว่าการทำงานของไม้กางเขนนั้นยิ่งใหญ่จริงๆๆเป็นการเคลื่อย้ายโยกย้ายชีวิตเก่าที่เต็มไปด้วยบาปจากอาดัมคนก่อนที่สืบเนื่องต่อมาตกมาถึงเรา นับเป็นพระคุณความรอดที่ยิ่งใหญ่ของพระเยซูคริสต์ที่ทรงนำความบาปของเราสารพัดและสภาพชีวิตมนุษย์อาดัมคนเก่าของเราตรึงไว้บนไม้กางเขนวันนี้เราทั้งหลายที่เชื่อในพระเยซูคริสต์จึงเป็นเผ่าพันธ์อาดัมคนใหม่ของพระคริสต์ สรรเสริญขอบคุณพระเจ้าเอเมน.
วันจันทร์ที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2557
ขอบพระคุณพระเจ้าที่มือและตาของข้าพระองค์ถวายแด่พระคำของพระเจ้าเอเมน
«ต่อไปนี้เป็นพระบัญญัติ กฎเกณฑ์และคำตัดสินซึ่งพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านทั้งหลายทรงบัญชาให้สอนท่าน เพื่อท่านทั้งหลายจะได้กระทำตาม (...) จงเอาถ้อยคำเหล่านี้พันไว้ที่มือของท่านเป็นหมายสำคัญ และจงเป็นดังเครื่องหมายระหว่างนัยน์ตาของท่าน»
พระราชบัญญัติ 6:1,8
[พระคัมภีร์ TBS 1998]
วันนี้พี่น้องที่รักในพระคริสต์ท่านอ่านพระคัมภีร์หรือยัง การยำ้เตือนในพระพราชบัญญัติบทที่หกข้อที่แปดเตือนเราให้แสวงหาน้ำพระทัยของพระเจ้าจากการอ่านพระคัมภีร์นี่เอง เราต้องพันมือของเราด้วยพระคัมภีร์ไม่ใช่พันด้วยหนังสือไร้สาระที่เต็มไปด้วยเรื่องราวแห่งความตาย การอ่านพระคัมภีร์ช่วยให้เราได้ชีวิตนิรันดร์เป็นอาหารแห่งชีวิตที่ไม่มีวันหมดสิ้น ตาของเราต้องอ่านต้องดูแต่พระคำแห่งชีวิตนี้ ขอบพระคุณพระเจ้าที่ข้าเจ้ามีตาเพื่ออ่านพระคัมภีร์ได้ทุกวันขอบคุณพระเจ้าที่มือของข้าพเจ้าถือเปิดอ่านพระคำของพระเจ้าทุกวัน อาเลลูยา เอเมน.
พระราชบัญญัติ 6:1,8
[พระคัมภีร์ TBS 1998]
วันนี้พี่น้องที่รักในพระคริสต์ท่านอ่านพระคัมภีร์หรือยัง การยำ้เตือนในพระพราชบัญญัติบทที่หกข้อที่แปดเตือนเราให้แสวงหาน้ำพระทัยของพระเจ้าจากการอ่านพระคัมภีร์นี่เอง เราต้องพันมือของเราด้วยพระคัมภีร์ไม่ใช่พันด้วยหนังสือไร้สาระที่เต็มไปด้วยเรื่องราวแห่งความตาย การอ่านพระคัมภีร์ช่วยให้เราได้ชีวิตนิรันดร์เป็นอาหารแห่งชีวิตที่ไม่มีวันหมดสิ้น ตาของเราต้องอ่านต้องดูแต่พระคำแห่งชีวิตนี้ ขอบพระคุณพระเจ้าที่ข้าเจ้ามีตาเพื่ออ่านพระคัมภีร์ได้ทุกวันขอบคุณพระเจ้าที่มือของข้าพเจ้าถือเปิดอ่านพระคำของพระเจ้าทุกวัน อาเลลูยา เอเมน.
วันอาทิตย์ที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2557
เสาหลักในคริสตจักร
ยากอบ เปโตร ยอห์น ได้รับการขนานนามว่าเป็นเสาหลักในคริสตจักร และเปาโลได้กล่าวว่ายากอบเป็นเสาแรกในท่ามกลางเสาทั้งสามนั้น
กท. 2:9 เมื่อยากอบกับเคฟาสและยอห์น ผู้ที่เขานับถือว่าเป็นเสาหลัก เห็นพระคุณซึ่งประทานแก่ข้าพเจ้าแล้วก็ได้จับมือขวาของข้าพเจ้ากับบารนาบัส แสดงว่าเป็นเพื่อนร่วมงานกัน เพื่อให้เราไปหาคนต่างชาติ และท่านเหล่านั้นจะไปหาพวกที่เข้าสุหนัต
กท. 2:9 เมื่อยากอบกับเคฟาสและยอห์น ผู้ที่เขานับถือว่าเป็นเสาหลัก เห็นพระคุณซึ่งประทานแก่ข้าพเจ้าแล้วก็ได้จับมือขวาของข้าพเจ้ากับบารนาบัส แสดงว่าเป็นเพื่อนร่วมงานกัน เพื่อให้เราไปหาคนต่างชาติ และท่านเหล่านั้นจะไปหาพวกที่เข้าสุหนัต
วันเสาร์ที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2557
คุณธรรมภาคปฎิบัติที่ครบถ้วนสมบูรณ์ของคริสเตียน
คุณธรรมภาคปฎิบัติที่ครบถ้วนสมบูรณ์ของคริสเตียน
1.ทนรับการทดลองโดยพึ่งในความเชื่อ
ยก. 1:2 ดูก่อนพี่น้องของข้าพเจ้า เมื่อท่านทั้งหลายประสบความทุกข์ยากลำบากต่างๆ ก็จงถือว่าเป็นเรื่องน่ายินดี
ยก. 1:3 เพราะท่านทั้งหลายรู้ว่า การทดลองความเชื่อของท่านนั้น ทำให้เกิดความหนักแน่นมั่นคง
ยก. 1:4 และจงให้ความมั่นคงนั้นบรรลุผลอันสมบูรณ์ เพื่อท่านทั้งหลายจะได้เป็นคนที่ดีพร้อม มีคุณสมบัติครบถ้วน ไม่มีสิ่งใดบกพร่องเลย
ยก. 1:5 ถ้าผู้ใดในพวกท่านขาดสติปัญญา ก็ให้ผู้นั้นทูลขอจากพระเจ้า ผู้ทรงโปรดประทานให้แก่คนทั้งปวงด้วยพระกรุณาและมิได้ทรงตำหนิ แล้วผู้นั้นก็จะได้รับสิ่งที่ทูลขอ
ยก. 1:6 แต่จงให้ผู้นั้นทูลขอด้วยความเชื่อ อย่าสงสัยเลย เพราะว่าผู้ที่สงสัยเป็นเหมือนคลื่นในทะเลซึ่งถูกลมพัดซัดไปมา
ยก. 1:7 ผู้นั้นจงอย่าคิดว่าจะได้รับสิ่งใดจากพระเจ้าเลย
ยก. 1:8 เขาเป็นคนสองใจไม่มั่นคงในบรรดาทางที่ตนประพฤตินั้น
ยก. 1:9 ให้พี่น้องที่ต่ำต้อยโอ้อวดในการที่พระเจ้าทรงเชิดชูเขา
ยก. 1:10 และคนมั่งมีก็จงโอ้อวดเมื่อตกต่ำลง เพราะว่าเขาจะต้องล่วงลับไปดุจดอกหญ้า
ยก. 1:11 เพราะเมื่อตะวันขึ้น ความร้อนอันแรงกล้าก็กระทำให้หญ้าเหี่ยวแห้งไป และดอกหญ้าก็ร่วงหล่น และความงามของมันสูญสิ้นไป คนมั่งมีก็จะเสื่อมสูญไปกลางคันเช่นกัน
ยก. 1:12 คนที่อดทนต่อการทดลองใจก็เป็นสุข เพราะเมื่อปรากฏว่าผู้นั้นทนได้แล้ว เขาจะได้รับมงกุฎแห่งชีวิต ซึ่งพระเจ้าได้ทรงสัญญาไว้แก่คนทั้งหลายที่รักพระองค์
2.ผู้ที่บังเกิดจากพระเจ้าย่อมต้านทานการล่อลวง
ยก. 1:13 อย่าให้คนที่ถูกล่อลวงกล่าวว่า “พระเจ้าทรงล่อลวงข้าพเจ้า” เพราะว่าพระเจ้าจะไม่ถูกความชั่วล่อลวง และพระองค์เองก็ไม่ทรงล่อลวงใครเลย
ยก. 1:14 แต่ทุกคนถูกล่อลวงด้วยตัณหาของตัวเอง คือถูกตัณหานั้นล่อลวงและชักนำ
ยก. 1:15 เมื่อตัณหาฟักตัวขึ้นแล้วก็ก่อให้เกิดบาป และเมื่อบาปเจริญเต็มที่แล้วก็ก่อให้เกิดความตาย
ยก. 1:16 พี่น้องที่รักของข้าพเจ้า อย่าถูกหลอกเลย
ยก. 1:17 ของประทานที่ดีและเลิศทุกอย่างนั้นมาจากเบื้องบน คือมาจากพระผู้สร้างแห่งบรรดาดวงสว่าง ในพระองค์ไม่มีการแปรปรวนหรือเงาของการเปลี่ยนแปลง
ยก. 1:18 เมื่อตั้งพระทัยแล้ว พระองค์ทรงให้เราบังเกิดด้วยพระวจนะแห่งความจริง เพื่อให้เราเป็นผลิตผลแรกของสิ่งต่างๆ ที่พระองค์ทรงสร้าง
3.ดำเนินชีวิตที่ยำเกรงพระเจ้าโดยพึ่งพระตำที่ปลูกฝังไว้แล้วตามกฎบัญญัติแห่งเสรีภาพที่ครบถ้วน
ยก. 1:19 ดูก่อนพี่น้องที่รักของข้าพเจ้า จงทราบข้อนี้ จงให้ทุกคนไวในการฟัง ช้าในการพูด ช้าในการโกรธ
ยก. 1:20 เพราะว่าความโกรธของมนุษย์ไม่ได้กระทำให้เกิดความชอบธรรมแห่งพระเจ้า
ยก. 1:21 เหตุฉะนั้นจงเลิกความโสมมทั้งหลายแหล่ และการชั่วร้ายอันดกดื่น และจงน้อมใจรับพระวจนะที่ทรงปลูกฝังไว้แล้วนั้น ซึ่งสามารถช่วยจิตวิญญาณของท่านทั้งหลายให้รอดได้
ยก. 1:22 แต่ท่านทั้งหลายจงเป็นคนที่ประพฤติตามพระวจนะนั้น ไม่ใช่เป็นแต่เพียงผู้ฟังเท่านั้น ซึ่งเป็นการลวงตนเอง
ยก. 1:23 เพราะว่าถ้าผู้ใดฟังพระวจนะ และไม่ได้ประพฤติตาม ผู้นั้นก็เป็นเหมือนคนที่ดูหน้าของตัวในกระจกเงา
ยก. 1:24 เพราะว่าเมื่อดูตัวเองแล้วก็ไป และก็ลืมในทันทีนั้นว่าตัวเองเป็นอย่างไร
ยก. 1:25 แต่ผู้ที่พิจารณาดูในวิสุทธิบัญญัติ ซึ่งเป็นพระบัญญัติแห่งเสรีภาพ และตั้งอยู่ในพระบัญญัตินั้น มิได้เป็นผู้ฟังแล้วก็หลงลืม แต่เป็นผู้ที่ประพฤติปฏิบัติตาม ผู้นั้นก็จะได้รับความสุขเพราะการประพฤติปฏิบัติของตน
ยก. 1:26 ถ้าผู้ใดเข้าใจว่าตัวเป็นคนมีธัมมะและมิได้สงบปากคำ แต่หลอกลวงตัวเอง ธัมมะของผู้นั้นก็ไม่มีประโยชน์
ยก. 1:27 ธัมมะที่บริสุทธิ์ไร้มลทินต่อพระพักตร์พระเจ้าและพระบิดานั้น คือการเยี่ยมเยียนเด็กกำพร้าและหญิงม่ายที่มีความทุกข์ร้อน และการรักษาตัวให้พ้นจากราคีของโลก
4.ไม่ปฎิบัติต่อกันในท่มกลางพี่น้องด้วยการเลือกหน้าคน
ยก. 2:1 ดูก่อนพี่น้องทั้งหลายของข้าพเจ้า ด้วยเหตุที่ท่านมีความเชื่อในองค์พระเยซูคริสตเจ้าของเรา องค์พระผู้เป็นเจ้าแห่งพระสิรินั้น จงอย่าลำเอียง
ยก. 2:2 เพราะว่าถ้ามีคนหนึ่งสวมแหวนทองคำและแต่งตัวดีเข้ามาในที่ประชุมของท่าน และมีคนจนคนหนึ่งแต่งตัวซอมซ่อเข้ามาด้วย
ยก. 2:3 และท่านสนใจคนที่แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าอย่างดี และกล่าวโอภาปราศรัยกับเขาว่า “เชิญท่านนั่งที่นี่เถิด” ในขณะเดียวกันท่านก็พูดกับคนจนนั้นว่า “แกจงยืนอยู่ที่นั่น” หรือ “จงนั่งแทบเท้าของเราเถิด”
ยก. 2:4 ท่านมิแบ่งชั้นวรรณะ และวินิจฉัยด้วยใจชั่วหรือ
ยก. 2:5 พี่น้องที่รักของข้าพเจ้า จงฟังเถิด พระเจ้าได้ทรงเลือกคนยากจนในโลกนี้ให้เป็นคนมั่งมีในความเชื่อ และให้เป็นผู้รับมรดกแผ่นดินซึ่งพระองค์ทรงสัญญาไว้ แก่ผู้ที่รักพระองค์มิใช่หรือ
ยก. 2:6 แต่ท่านทั้งหลายได้ดูถูกคนจน ไม่ใช่คนมั่งมีหรือที่กดขี่ข่มเหงท่าน ไม่ใช่เขาเหล่านั้นหรือที่ลากตัวท่านไปขึ้นศาล
ยก. 2:7 ไม่ใช่เขาเหล่านั้นหรือที่สบประมาทพระนามอันประเสริฐซึ่งใช้เรียกท่าน
ยก. 2:8 ถ้าท่านทั้งหลายบำเพ็ญตนตามพระบัญญัติโดยแท้จริง ตามพระคัมภีร์ที่ว่า จงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง แล้ว ท่านทั้งหลายก็ประพฤติดีอยู่
ยก. 2:9 แต่ถ้าท่านทั้งหลายลำเอียง ท่านก็กระทำบาป และว่าตามธรรมบัญญัติท่านก็กระทำผิด
ยก. 2:10 เพราะว่าผู้ใดรักษาธรรมบัญญัติได้ทั้งหมด แต่ผิดอยู่ข้อเดียว ผู้นั้นก็เป็นผู้ผิดธรรมบัญญัติทั้งหมด
ยก. 2:11 ด้วยว่าพระองค์ผู้ได้ตรัสว่า เจ้าอย่าล่วงประเวณีผัวเมียเขา ก็ได้ตรัสไว้ด้วยว่า เจ้าอย่าฆ่าคน แม้ท่านไม่ได้ล่วงประเวณีแต่ได้ฆ่าคน ท่านก็เป็นผู้ละเมิดธรรมบัญญัติ
ยก. 2:12 ท่านทั้งหลายจงพูดและจงกระทำ เช่นผู้ที่จะได้รับการพิพากษาด้วยกฎแห่งเสรีภาพ
ยก. 2:13 เพราะว่าการพิพากษาย่อมไม่กรุณาต่อผู้ที่ไม่แสดงความกรุณา แต่ความกรุณาย่อมมีชัยเหนือการพิพากษา
5.เป็นผู้ชอบธรรมเพราะการประพฤติในความสัมพันทามกลางพี่น้อง
ยก. 2:14 ดูก่อนพี่น้องของข้าพเจ้า แม้ผู้ใดจะว่าตนมีความเชื่อ แต่ไม่ประพฤติตามจะได้ประโยชน์อะไร ความเชื่อของเขาจะช่วยเขาให้รอดได้หรือ
ยก. 2:15 ถ้าพี่น้องชายหญิงคนใดขัดสนเครื่องนุ่งห่มและอาหารประจำวัน
ยก. 2:16 และมีคนใดในพวกท่านกล่าวแก่เขาว่า “เชิญไปเป็นสุขเถิด ขอให้อบอุ่นและอิ่มเถิด” และไม่ได้ให้สิ่งที่เขาขัดสนนั้น จะเป็นประโยชน์อะไร
ยก. 2:17 ความเชื่อก็เช่นเดียวกัน ถ้าไม่ประพฤติตามก็ไร้ผล
ยก. 2:18 แต่บางคนจะกล่าวว่า “คนหนึ่งมีความเชื่อแต่อีกคนหนึ่งมีการประพฤติ” จงแสดงให้ข้าพเจ้าเห็นความเชื่อของท่าน ที่ไม่มีการประพฤติตาม และด้วยการประพฤติตาม ข้าพเจ้าจะแสดงให้ท่านเห็นความเชื่อของข้าพเจ้า
ยก. 2:19 ท่านเชื่อว่าพระเจ้าทรงเป็นหนึ่ง นั่นก็ดีอยู่แล้ว แม้พวกปีศาจก็เชื่อ และกลัวจนตัวสั่น
ยก. 2:20 แน่ะคนโฉดเขลา ท่านต้องการให้พิสูจน์หรือว่า ความเชื่อที่ไม่ประพฤติตามนั้นไร้ผล
ยก. 2:21 เมื่ออับราฮัมบิดาของเรา ได้พาอิศอัคบุตรของท่านมาถวายบนแท่นบูชา จึงได้ความชอบธรรมเพราะการประพฤติไม่ใช่หรือ
ยก. 2:22 ท่านทั้งหลายก็เห็นแล้วว่า ความเชื่อมีกำลังร่วมกับการประพฤติตามของท่าน และความเชื่อนั้นจะบริบูรณ์ด้วยการประพฤติ
ยก. 2:23 และพระคัมภีร์ก็สำเร็จที่ว่า อับราฮัมเชื่อพระเจ้า และพระองค์ทรงถือว่า ความเชื่อนั้นเป็นความชอบธรรมแก่ท่าน และท่านได้ชื่อว่า เป็นสหายของพระเจ้า
ยก. 2:24 ท่านทั้งหลายก็เห็นแล้วว่า ผู้ใดจะเป็นคนชอบธรรมได้ ก็เนื่องด้วยการประพฤติ และมิใช่ด้วยความเชื่อเพียงอย่างเดียว
ยก. 2:25 เช่นเดียวกัน ราหับหญิงแพศยาก็ได้ความชอบธรรมเนื่องด้วยความประพฤติมิใช่หรือ เมื่อนางได้รับรองผู้ส่งข่าวเหล่านั้น และส่งเขาไปเสียทางอื่น
ยก. 2:26 เพราะกายที่ปราศจากจิตวิญญาณนั้นไร้ชีพแล้วฉันใด ความเชื่อที่ปราศจากการประพฤติตามก็ไร้ผลฉันนั้น
ุ6.การยับยั้งลิ้นไว้
ยก. 3:1 ดูก่อนพี่น้องของข้าพเจ้า อย่าให้เป็นอาจารย์กันมากหลายคนเลย เพราะท่านก็รู้ว่า เราทั้งหลายที่เป็นผู้สอนนั้น จะได้รับการทรงพิพากษาที่เข้มงวดกว่าผู้อื่น
ยก. 3:2 เพราะเราทุกคนทำผิดพลาดไปหลายๆ อย่าง ถ้าผู้ใดมิได้ทำผิดทางวาจา ผู้นั้นก็เป็นคนดีรอบคอบแล้ว และสามารถบังคับทั้งตัวไว้ได้ด้วย
ยก. 3:3 ถ้าเราเอาบังเหียนใส่ปากม้าเพื่อให้มันเชื่อฟังเรา เราก็บังคับมันให้ไปไหนๆ ได้ทั้งตัว
ยก. 3:4 จงดูเรือด้วยเช่นกัน ถึงแม้ว่าเป็นเรือใหญ่ และถูกลมแรงพัดแล่นไป เรือก็ยังหันไปมาด้วยหางเสือเล็กๆ ตามใจนายท้ายที่จะให้ไปทางไหน
ยก. 3:5 ลิ้นก็เช่นเดียวกัน เป็นอวัยวะเล็กๆ และอวดอ้างเรื่องใหญ่ๆ○จงดูเถิด ไฟนิดเดียวอาจเผาป่าใหญ่ให้ไหม้ได้หนอ
ยก. 3:6 และลิ้นนั้นก็เป็นไฟ ลิ้นเป็นโลกที่ไร้ธรรมในบรรดาอวัยวะของเรา เป็นเหตุให้ทั้งกายมลทินไปทำให้วัฏฏะแห่งชีวิตเผาไหม้ และมันเองก็ติดไฟโดยนรก
ยก. 3:7 เพราะสัตว์เดียรัจฉานทุกชนิด ทั้งนก สัตว์เลื้อยคลาน และสัตว์ในทะเลก็เลี้ยงให้เชื่องได้ และมนุษย์ก็ได้เลี้ยงให้เชื่องแล้ว
ยก. 3:8 แต่ลิ้นนั้นไม่มีมนุษย์คนใดสามารถทำให้เชื่องได้ ลิ้นเป็นสิ่งชั่ว ที่อยู่ไม่สุขและเต็มไปด้วยพิษร้ายถึงตาย
ยก. 3:9 เราทั้งหลายสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้าและพระบิดาด้วยลิ้นนั้น และด้วยลิ้นนั้นเราก็แช่งด่ามนุษย์ ผู้ซึ่งพระเจ้าทรงสร้างไว้ตามพระฉายาของพระองค์
ยก. 3:10 คำสรรเสริญและคำแช่งด่าก็ออกมาจากปากอันเดียวกัน ดูก่อนพี่น้องของข้าพเจ้า ไม่ควรให้เป็นเช่นนั้น
ยก. 3:11 บ่อน้ำพุจะมีน้ำจืดและน้ำกร่อยพุ่งออกมาจากช่องเดียวกันได้หรือ
ยก. 3:12 พี่น้องทั้งหลายต้นมะเดื่อจะออกผลเป็นมะกอกเทศได้หรือ หรือเถาองุ่นจะออกผลเป็นมะเดื่อได้หรือ บ่อน้ำพุเค็มก็ทำให้เกิดน้ำจืดอีกไม่ได้เลย
7.การประพฤติที่อยู่ในสติปัญญา
ยก. 3:13 ในพวกท่านผู้ใดเป็นคนฉลาดและมีปัญญา ก็ให้ผู้นั้นแสดงการประพฤติของตนด้วยพฤติกรรมอันดี มีใจอ่อนสุภาพประกอบด้วยปัญญา
ยก. 3:14 แต่ถ้าท่านรู้สึกขมขื่นเพราะมีใจริษยาและมักใหญ่ใฝ่สูง ก็อย่าโอ้อวดและอย่าทรยศต่อความจริง
ยก. 3:15 ปัญญาเช่นนี้ ไม่เหมือนปัญญาที่มาจากเบื้องบน แต่เป็นปัญญาอย่างโลกและเป็นโลกียวิสัย และเป็นเช่นปีศาจ
ยก. 3:16 เพราะว่าที่ใดมีความริษยาและความมักใหญ่ใฝ่สูง ที่นั่นก็วุ่นวายและมีการกระทำชั่วช้าลามกต่างๆ
ยก. 3:17 แต่ปัญญาจากเบื้องบนนั้นบริสุทธิ์เป็นประการแรก แล้วจึงเป็นความสงบสุข สุภาพและว่าง่าย เปี่ยมด้วยความเมตตาและผลที่ดี ไม่ลำเอียง ไม่หน้าซื่อใจคด
ยก. 3:18 ผู้สร้างสันติสุข หว่านอย่างสันติ จึงได้เกี่ยวความชอบธรรม
8.ขจัดการรื่นเริงเลี้ยงเฮฮาแบบฝ่ายโลกแบบมารซาตาน
ยก. 4:1 อะไรเป็นสาเหตุของสงคราม และอะไรเป็นสาเหตุของการทะเลาะวิวาทกันในพวกท่าน มิใช่กิเลสตัณหาของท่านหรือ ที่ทำให้ท่านต่อสู้กัน
ยก. 4:2 ท่านทั้งหลายอยากได้ แต่ไม่ได้ ท่านก็ฆ่ากัน ท่านโลภแต่ไม่ได้ ท่านก็ทะเลาะและทำสงครามกัน ท่านไม่มีเพราะท่านไม่ได้ขอ
ยก. 4:3 ท่านขอและไม่ได้รับ เพราะท่านขอผิด หวังได้ไปเพื่อสนองกิเลสตัณหาของท่าน
ยก. 4:4 คนทุจริตเอ๋ย ไม่รู้หรือว่า การเป็นมิตรกับโลกนั้น คือการเป็นศัตรูกับพระเจ้า เหตุฉะนั้น ผู้ใดใคร่เป็นมิตรกับโลก ผู้นั้นก็ตั้งตัวเป็นศัตรูกับพระเจ้า
ยก. 4:5 หรือท่านคิดว่าเป็นสิ่งไร้สาระหรือ ที่พระคัมภีร์กล่าวว่า “พระองค์ทรงเป็นห่วงวิญญาณที่ได้ทรงประทานให้อยู่ในเราทั้งหลาย”
ยก. 4:6 แต่พระองค์ก็ได้ทรงประทานพระคุณเพิ่มขึ้นอีก เหตุฉะนั้น พระคัมภีร์จึงกล่าวว่า พระเจ้าทรงต่อสู้ผู้ที่หยิ่งจองหอง แต่ทรงประทานพระคุณแก่คนที่ใจถ่อม
ยก. 4:7 เหตุฉะนั้น ท่านทั้งหลายจงน้อมใจยอมฟังพระเจ้า จงต่อสู้กับมาร และมันจะหนีท่านไป
ยก. 4:8 ท่านทั้งหลายจงเข้าใกล้พระเจ้า และพระองค์จะเสด็จมาใกล้ท่าน คนบาปทั้งหลายเอ๋ย จงชำระมือให้สะอาด และคนสองใจ จงชำระใจของตนให้บริสุทธิ์
ยก. 4:9 จงเป็นทุกข์โศกเศร้าและร้องไห้ จงให้การหัวเราะกลับกลายเป็นการโศกเศร้า และความปีติยินดีกลับกลายเป็นความเศร้าสลด
ยก. 4:10 ท่านทั้งหลายจงถ่อมใจลงต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า และพระองค์จะทรงยกชูท่านขึ้น
9.ไม่วิพากษ์วิจารณ์นินทาใส่ร้ายพี่น้อง
ยก. 4:11 พี่น้องทั้งหลายอย่าใส่ร้ายซึ่งกันและกัน ผู้ใดที่พูดใส่ร้ายพี่น้องหรือตัดสินพี่น้องของตน ผู้นั้นก็กล่าวร้ายต่อธรรมบัญญัติ และตัดสินธรรมบัญญัติ แต่ถ้าท่านตัดสินธรรมบัญญัติ ท่านก็ไม่ใช่ผู้ที่ประพฤติตามธรรมบัญญัติ แต่เป็นผู้ตัดสิน
ยก. 4:12 มีผู้ทรงตั้งธรรมบัญญัติและผู้ทรงพิพากษาตัดสินแต่เพียงองค์เดียว คือพระองค์ผู้ทรงสามารถช่วยเราให้รอดได้ และทรงสามารถทำลายเราได้ แต่ท่านเป็นผู้ใดเล่า ท่านจึงตัดสินเพื่อนบ้านของท่าน
10.ไม่วางใจในความประสงค์ของตัวเอง แต่วางใจในองค์พระผู้เป็นเจ้า
ยก. 4:13 นี่แน่ะท่านที่พูดว่า “วันนี้หรือพรุ่งนี้เราจะเข้าไปในเมืองนี้เมืองนั้น และจะอยู่ที่นั่นปีหนึ่ง และจะค้าขายได้กำไร”
ยก. 4:14 แต่ว่าท่านไม่รู้เรื่องของพรุ่งนี้ ชีวิตของท่านเป็นเช่นใดเล่า ท่านก็เป็นเช่นหมอกที่ปรากฏอยู่เพียงชั่วครู่แล้วก็หายไป
ยก. 4:15 แทนที่จะพูดเช่นนั้นท่านทั้งหลายควรจะพูดว่า “ถ้าองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงโปรด เราจะมีชีวิตอยู่ และจะกระทำสิ่งนี้หรือสิ่งนั้น”
ยก. 4:16 ตามความจริงท่านทั้งหลายโอ้อวดด้วยความทะนงตน การโอ้อวดทุกอย่างเช่นนี้เป็นความชั่ว
ยก. 4:17 เหตุฉะนั้นผู้ใดรู้ว่าอะไรเป็นความดีและไม่ได้กระทำ คนนั้นจึงมีบาป
ยก. 5:1 นี่แน่ะท่านผู้มั่งมี จงร้องไห้โอดครวญเพราะความวิบัติซึ่งจะเกิดกับท่าน
ยก. 5:2 ทรัพย์สมบัติของท่านก็ผุพังไปแล้ว และตัวแมลงก็กัดกินเสื้อผ้าของท่าน
ยก. 5:3 ทองและเงินของท่านก็เกิดสนิม และสนิมนั้นก็จะเป็นพยานหลักฐานการกระทำของท่าน และจะเผาผลาญเลือดเนื้อท่านดุจไฟ ท่านได้ส่ำสมสมบัติไว้แล้วสำหรับอวสานกาล
ยก. 5:4 นี่แน่ะ ค่าจ้างของคนที่ได้เกี่ยวข้าวในนาของท่านซึ่งท่านได้ฉ้อโกงไว้นั้น ก็ร้องฟ้องขึ้น และเสียงร้องทุกข์ของคนที่เกี่ยวข้าวนั้น ได้ทรงทราบถึงพระกรรณขององค์พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธาแล้ว
ยก. 5:5 ท่านมีชีวิตอยู่ในโลกอย่างฟุ่มเฟือยและสนุกสนาน ท่านได้บำเรอจิตใจของท่านไว้รอวันประหาร
ยก. 5:6 ท่านได้ตัดสินลงโทษ และได้ฆ่าคนชอบธรรม เขาก็ไม่ได้ต่อต้านท่าน
11.รอคอยองค์พระผู้เป็นเจ้าเสด็จมาด้วยความอดทนนาน
ยก. 5:7 เหตุฉะนั้นพี่น้องทั้งหลาย จงอดทนจนกว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าจะเสด็จมา จงดูชาวนารอคอยผลอันล้ำค่าที่จะได้จากแผ่นดิน เพียรคอยจนกระทั่งมีฝนต้นฤดูและฝนชุกปลายฤดู
ยก. 5:8 ท่านทั้งหลายก็จงอดทนเช่นนั้นเหมือนกัน จงตั้งอกตั้งใจให้ดี เพราะใกล้จะถึงเวลาที่องค์พระผู้เป็นเจ้าจะเสด็จมาแล้ว
ยก. 5:9 พี่น้องทั้งหลาย จงอย่าบ่นว่ากันและกัน เพื่อท่านจะไม่ต้องถูกทรงพิพากษา จงดูองค์พระผู้พิพากษาทรงประทับยืนอยู่ที่ประตูแล้ว
ยก. 5:10 พี่น้องทั้งหลาย จงเอาแบบอย่างในการทนทุกข์และการอดทนของผู้เผยพระวจนะ ผู้ได้กล่าวความในพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้า
ยก. 5:11 จงดู เราถือว่าผู้ที่อดทนก็เป็นสุข ท่านได้รู้เรื่องความอดทนของโยบ และได้เห็นแล้วว่าในที่สุดปลายนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเปี่ยมไปด้วยพระเมตตากรุณาสักเท่าใด
12.สัตย์จริงในคำพูด ละเว้นในการสาบาน
ยก. 5:12 ดูก่อนพี่น้องของข้าพเจ้า ที่สำคัญยิ่งกว่าสิ่งอื่นใดก็คือ จงอย่าสบถสาบาน อย่าอ้างฟ้าสวรรค์หรือแผ่นดินโลก หรือสิ่งอื่นๆ แต่ที่ควรว่าใช่ก็จงว่าใช่ ที่ควรว่าไม่ก็จงว่าไม่ เพื่อท่านจะไม่ถูกลงโทษ
13.มีภาคปฎิบัติที่ดีสมบูรณ์ในการดำเนินชีวิตคริสตจักร
ยก. 5:13 มีผู้ใดในพวกท่านทนทุกข์หรือ จงให้ผู้นั้นอธิษฐาน มีผู้ใดร่าเริงยินดีหรือ จงให้ผู้นั้นร้องเพลงสรรเสริญ
ยก. 5:14 มีผู้ใดในพวกท่านเจ็บป่วยหรือ จงให้ผู้นั้นเชิญบรรดาผู้ปกครองของคริสตจักรมา และให้ท่านเหล่านั้นอธิษฐานเพื่อเขา และเจิมเขาด้วยน้ำมันในพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้า
ยก. 5:15 และการอธิษฐานด้วยความเชื่อจะช่วยให้ผู้ป่วยรอดชีวิต และองค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงโปรดให้เขาหายโรค และถ้าเขาได้กระทำบาปพระองค์ก็จะทรงโปรดอภัยให้
ยก. 5:16 เหตุฉะนั้นท่านทั้งหลายจงสารภาพบาปต่อกันและกัน และจงอธิษฐานเพื่อกันและกัน เพื่อท่านทั้งหลายจะพ้นโรคภัย คำอธิษฐานของผู้ชอบธรรมนั้นมีพลังทำให้เกิดผล
ยก. 5:17 ท่านเอลียาห์ก็เป็นมนุษย์ที่มีสภาพเหมือนกับเราทั้งหลาย และท่านได้อธิษฐานด้วยความเชื่ออันแรงกล้าขอไม่ให้ฝนตก และฝนก็ไม่ตกต้องแผ่นดินถึงสามปีกับหกเดือน
ยก. 5:18 และท่านได้อธิษฐานขออีกครั้งหนึ่ง และฟ้าสวรรค์ได้ประทานฝนให้ และแผ่นดินจึงได้ผลิตพืชผลต่างๆ
ยก. 5:19 พี่น้องของข้าพเจ้า ถ้าคนใดในพวกท่านหลงผิดไปจากความจริง และผู้ใดชักจูงเขาให้เขากลับใจเสียใหม่
ยก. 5:20 จงให้ผู้นั้นรู้เถิดว่า ผู้ที่ช่วยคนบาปคนหนึ่งให้พ้นจากทางผิดของเขานั้น ก็ได้ช่วยจิตวิญญาณของเขาให้รอดพ้นจากความตาย และได้กำจัดบาปเสียมากมาย
1.ทนรับการทดลองโดยพึ่งในความเชื่อ
ยก. 1:2 ดูก่อนพี่น้องของข้าพเจ้า เมื่อท่านทั้งหลายประสบความทุกข์ยากลำบากต่างๆ ก็จงถือว่าเป็นเรื่องน่ายินดี
ยก. 1:3 เพราะท่านทั้งหลายรู้ว่า การทดลองความเชื่อของท่านนั้น ทำให้เกิดความหนักแน่นมั่นคง
ยก. 1:4 และจงให้ความมั่นคงนั้นบรรลุผลอันสมบูรณ์ เพื่อท่านทั้งหลายจะได้เป็นคนที่ดีพร้อม มีคุณสมบัติครบถ้วน ไม่มีสิ่งใดบกพร่องเลย
ยก. 1:5 ถ้าผู้ใดในพวกท่านขาดสติปัญญา ก็ให้ผู้นั้นทูลขอจากพระเจ้า ผู้ทรงโปรดประทานให้แก่คนทั้งปวงด้วยพระกรุณาและมิได้ทรงตำหนิ แล้วผู้นั้นก็จะได้รับสิ่งที่ทูลขอ
ยก. 1:6 แต่จงให้ผู้นั้นทูลขอด้วยความเชื่อ อย่าสงสัยเลย เพราะว่าผู้ที่สงสัยเป็นเหมือนคลื่นในทะเลซึ่งถูกลมพัดซัดไปมา
ยก. 1:7 ผู้นั้นจงอย่าคิดว่าจะได้รับสิ่งใดจากพระเจ้าเลย
ยก. 1:8 เขาเป็นคนสองใจไม่มั่นคงในบรรดาทางที่ตนประพฤตินั้น
ยก. 1:9 ให้พี่น้องที่ต่ำต้อยโอ้อวดในการที่พระเจ้าทรงเชิดชูเขา
ยก. 1:10 และคนมั่งมีก็จงโอ้อวดเมื่อตกต่ำลง เพราะว่าเขาจะต้องล่วงลับไปดุจดอกหญ้า
ยก. 1:11 เพราะเมื่อตะวันขึ้น ความร้อนอันแรงกล้าก็กระทำให้หญ้าเหี่ยวแห้งไป และดอกหญ้าก็ร่วงหล่น และความงามของมันสูญสิ้นไป คนมั่งมีก็จะเสื่อมสูญไปกลางคันเช่นกัน
ยก. 1:12 คนที่อดทนต่อการทดลองใจก็เป็นสุข เพราะเมื่อปรากฏว่าผู้นั้นทนได้แล้ว เขาจะได้รับมงกุฎแห่งชีวิต ซึ่งพระเจ้าได้ทรงสัญญาไว้แก่คนทั้งหลายที่รักพระองค์
2.ผู้ที่บังเกิดจากพระเจ้าย่อมต้านทานการล่อลวง
ยก. 1:13 อย่าให้คนที่ถูกล่อลวงกล่าวว่า “พระเจ้าทรงล่อลวงข้าพเจ้า” เพราะว่าพระเจ้าจะไม่ถูกความชั่วล่อลวง และพระองค์เองก็ไม่ทรงล่อลวงใครเลย
ยก. 1:14 แต่ทุกคนถูกล่อลวงด้วยตัณหาของตัวเอง คือถูกตัณหานั้นล่อลวงและชักนำ
ยก. 1:15 เมื่อตัณหาฟักตัวขึ้นแล้วก็ก่อให้เกิดบาป และเมื่อบาปเจริญเต็มที่แล้วก็ก่อให้เกิดความตาย
ยก. 1:16 พี่น้องที่รักของข้าพเจ้า อย่าถูกหลอกเลย
ยก. 1:17 ของประทานที่ดีและเลิศทุกอย่างนั้นมาจากเบื้องบน คือมาจากพระผู้สร้างแห่งบรรดาดวงสว่าง ในพระองค์ไม่มีการแปรปรวนหรือเงาของการเปลี่ยนแปลง
ยก. 1:18 เมื่อตั้งพระทัยแล้ว พระองค์ทรงให้เราบังเกิดด้วยพระวจนะแห่งความจริง เพื่อให้เราเป็นผลิตผลแรกของสิ่งต่างๆ ที่พระองค์ทรงสร้าง
3.ดำเนินชีวิตที่ยำเกรงพระเจ้าโดยพึ่งพระตำที่ปลูกฝังไว้แล้วตามกฎบัญญัติแห่งเสรีภาพที่ครบถ้วน
ยก. 1:19 ดูก่อนพี่น้องที่รักของข้าพเจ้า จงทราบข้อนี้ จงให้ทุกคนไวในการฟัง ช้าในการพูด ช้าในการโกรธ
ยก. 1:20 เพราะว่าความโกรธของมนุษย์ไม่ได้กระทำให้เกิดความชอบธรรมแห่งพระเจ้า
ยก. 1:21 เหตุฉะนั้นจงเลิกความโสมมทั้งหลายแหล่ และการชั่วร้ายอันดกดื่น และจงน้อมใจรับพระวจนะที่ทรงปลูกฝังไว้แล้วนั้น ซึ่งสามารถช่วยจิตวิญญาณของท่านทั้งหลายให้รอดได้
ยก. 1:22 แต่ท่านทั้งหลายจงเป็นคนที่ประพฤติตามพระวจนะนั้น ไม่ใช่เป็นแต่เพียงผู้ฟังเท่านั้น ซึ่งเป็นการลวงตนเอง
ยก. 1:23 เพราะว่าถ้าผู้ใดฟังพระวจนะ และไม่ได้ประพฤติตาม ผู้นั้นก็เป็นเหมือนคนที่ดูหน้าของตัวในกระจกเงา
ยก. 1:24 เพราะว่าเมื่อดูตัวเองแล้วก็ไป และก็ลืมในทันทีนั้นว่าตัวเองเป็นอย่างไร
ยก. 1:25 แต่ผู้ที่พิจารณาดูในวิสุทธิบัญญัติ ซึ่งเป็นพระบัญญัติแห่งเสรีภาพ และตั้งอยู่ในพระบัญญัตินั้น มิได้เป็นผู้ฟังแล้วก็หลงลืม แต่เป็นผู้ที่ประพฤติปฏิบัติตาม ผู้นั้นก็จะได้รับความสุขเพราะการประพฤติปฏิบัติของตน
ยก. 1:26 ถ้าผู้ใดเข้าใจว่าตัวเป็นคนมีธัมมะและมิได้สงบปากคำ แต่หลอกลวงตัวเอง ธัมมะของผู้นั้นก็ไม่มีประโยชน์
ยก. 1:27 ธัมมะที่บริสุทธิ์ไร้มลทินต่อพระพักตร์พระเจ้าและพระบิดานั้น คือการเยี่ยมเยียนเด็กกำพร้าและหญิงม่ายที่มีความทุกข์ร้อน และการรักษาตัวให้พ้นจากราคีของโลก
4.ไม่ปฎิบัติต่อกันในท่มกลางพี่น้องด้วยการเลือกหน้าคน
ยก. 2:1 ดูก่อนพี่น้องทั้งหลายของข้าพเจ้า ด้วยเหตุที่ท่านมีความเชื่อในองค์พระเยซูคริสตเจ้าของเรา องค์พระผู้เป็นเจ้าแห่งพระสิรินั้น จงอย่าลำเอียง
ยก. 2:2 เพราะว่าถ้ามีคนหนึ่งสวมแหวนทองคำและแต่งตัวดีเข้ามาในที่ประชุมของท่าน และมีคนจนคนหนึ่งแต่งตัวซอมซ่อเข้ามาด้วย
ยก. 2:3 และท่านสนใจคนที่แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าอย่างดี และกล่าวโอภาปราศรัยกับเขาว่า “เชิญท่านนั่งที่นี่เถิด” ในขณะเดียวกันท่านก็พูดกับคนจนนั้นว่า “แกจงยืนอยู่ที่นั่น” หรือ “จงนั่งแทบเท้าของเราเถิด”
ยก. 2:4 ท่านมิแบ่งชั้นวรรณะ และวินิจฉัยด้วยใจชั่วหรือ
ยก. 2:5 พี่น้องที่รักของข้าพเจ้า จงฟังเถิด พระเจ้าได้ทรงเลือกคนยากจนในโลกนี้ให้เป็นคนมั่งมีในความเชื่อ และให้เป็นผู้รับมรดกแผ่นดินซึ่งพระองค์ทรงสัญญาไว้ แก่ผู้ที่รักพระองค์มิใช่หรือ
ยก. 2:6 แต่ท่านทั้งหลายได้ดูถูกคนจน ไม่ใช่คนมั่งมีหรือที่กดขี่ข่มเหงท่าน ไม่ใช่เขาเหล่านั้นหรือที่ลากตัวท่านไปขึ้นศาล
ยก. 2:7 ไม่ใช่เขาเหล่านั้นหรือที่สบประมาทพระนามอันประเสริฐซึ่งใช้เรียกท่าน
ยก. 2:8 ถ้าท่านทั้งหลายบำเพ็ญตนตามพระบัญญัติโดยแท้จริง ตามพระคัมภีร์ที่ว่า จงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง แล้ว ท่านทั้งหลายก็ประพฤติดีอยู่
ยก. 2:9 แต่ถ้าท่านทั้งหลายลำเอียง ท่านก็กระทำบาป และว่าตามธรรมบัญญัติท่านก็กระทำผิด
ยก. 2:10 เพราะว่าผู้ใดรักษาธรรมบัญญัติได้ทั้งหมด แต่ผิดอยู่ข้อเดียว ผู้นั้นก็เป็นผู้ผิดธรรมบัญญัติทั้งหมด
ยก. 2:11 ด้วยว่าพระองค์ผู้ได้ตรัสว่า เจ้าอย่าล่วงประเวณีผัวเมียเขา ก็ได้ตรัสไว้ด้วยว่า เจ้าอย่าฆ่าคน แม้ท่านไม่ได้ล่วงประเวณีแต่ได้ฆ่าคน ท่านก็เป็นผู้ละเมิดธรรมบัญญัติ
ยก. 2:12 ท่านทั้งหลายจงพูดและจงกระทำ เช่นผู้ที่จะได้รับการพิพากษาด้วยกฎแห่งเสรีภาพ
ยก. 2:13 เพราะว่าการพิพากษาย่อมไม่กรุณาต่อผู้ที่ไม่แสดงความกรุณา แต่ความกรุณาย่อมมีชัยเหนือการพิพากษา
5.เป็นผู้ชอบธรรมเพราะการประพฤติในความสัมพันทามกลางพี่น้อง
ยก. 2:14 ดูก่อนพี่น้องของข้าพเจ้า แม้ผู้ใดจะว่าตนมีความเชื่อ แต่ไม่ประพฤติตามจะได้ประโยชน์อะไร ความเชื่อของเขาจะช่วยเขาให้รอดได้หรือ
ยก. 2:15 ถ้าพี่น้องชายหญิงคนใดขัดสนเครื่องนุ่งห่มและอาหารประจำวัน
ยก. 2:16 และมีคนใดในพวกท่านกล่าวแก่เขาว่า “เชิญไปเป็นสุขเถิด ขอให้อบอุ่นและอิ่มเถิด” และไม่ได้ให้สิ่งที่เขาขัดสนนั้น จะเป็นประโยชน์อะไร
ยก. 2:17 ความเชื่อก็เช่นเดียวกัน ถ้าไม่ประพฤติตามก็ไร้ผล
ยก. 2:18 แต่บางคนจะกล่าวว่า “คนหนึ่งมีความเชื่อแต่อีกคนหนึ่งมีการประพฤติ” จงแสดงให้ข้าพเจ้าเห็นความเชื่อของท่าน ที่ไม่มีการประพฤติตาม และด้วยการประพฤติตาม ข้าพเจ้าจะแสดงให้ท่านเห็นความเชื่อของข้าพเจ้า
ยก. 2:19 ท่านเชื่อว่าพระเจ้าทรงเป็นหนึ่ง นั่นก็ดีอยู่แล้ว แม้พวกปีศาจก็เชื่อ และกลัวจนตัวสั่น
ยก. 2:20 แน่ะคนโฉดเขลา ท่านต้องการให้พิสูจน์หรือว่า ความเชื่อที่ไม่ประพฤติตามนั้นไร้ผล
ยก. 2:21 เมื่ออับราฮัมบิดาของเรา ได้พาอิศอัคบุตรของท่านมาถวายบนแท่นบูชา จึงได้ความชอบธรรมเพราะการประพฤติไม่ใช่หรือ
ยก. 2:22 ท่านทั้งหลายก็เห็นแล้วว่า ความเชื่อมีกำลังร่วมกับการประพฤติตามของท่าน และความเชื่อนั้นจะบริบูรณ์ด้วยการประพฤติ
ยก. 2:23 และพระคัมภีร์ก็สำเร็จที่ว่า อับราฮัมเชื่อพระเจ้า และพระองค์ทรงถือว่า ความเชื่อนั้นเป็นความชอบธรรมแก่ท่าน และท่านได้ชื่อว่า เป็นสหายของพระเจ้า
ยก. 2:24 ท่านทั้งหลายก็เห็นแล้วว่า ผู้ใดจะเป็นคนชอบธรรมได้ ก็เนื่องด้วยการประพฤติ และมิใช่ด้วยความเชื่อเพียงอย่างเดียว
ยก. 2:25 เช่นเดียวกัน ราหับหญิงแพศยาก็ได้ความชอบธรรมเนื่องด้วยความประพฤติมิใช่หรือ เมื่อนางได้รับรองผู้ส่งข่าวเหล่านั้น และส่งเขาไปเสียทางอื่น
ยก. 2:26 เพราะกายที่ปราศจากจิตวิญญาณนั้นไร้ชีพแล้วฉันใด ความเชื่อที่ปราศจากการประพฤติตามก็ไร้ผลฉันนั้น
ุ6.การยับยั้งลิ้นไว้
ยก. 3:1 ดูก่อนพี่น้องของข้าพเจ้า อย่าให้เป็นอาจารย์กันมากหลายคนเลย เพราะท่านก็รู้ว่า เราทั้งหลายที่เป็นผู้สอนนั้น จะได้รับการทรงพิพากษาที่เข้มงวดกว่าผู้อื่น
ยก. 3:2 เพราะเราทุกคนทำผิดพลาดไปหลายๆ อย่าง ถ้าผู้ใดมิได้ทำผิดทางวาจา ผู้นั้นก็เป็นคนดีรอบคอบแล้ว และสามารถบังคับทั้งตัวไว้ได้ด้วย
ยก. 3:3 ถ้าเราเอาบังเหียนใส่ปากม้าเพื่อให้มันเชื่อฟังเรา เราก็บังคับมันให้ไปไหนๆ ได้ทั้งตัว
ยก. 3:4 จงดูเรือด้วยเช่นกัน ถึงแม้ว่าเป็นเรือใหญ่ และถูกลมแรงพัดแล่นไป เรือก็ยังหันไปมาด้วยหางเสือเล็กๆ ตามใจนายท้ายที่จะให้ไปทางไหน
ยก. 3:5 ลิ้นก็เช่นเดียวกัน เป็นอวัยวะเล็กๆ และอวดอ้างเรื่องใหญ่ๆ○จงดูเถิด ไฟนิดเดียวอาจเผาป่าใหญ่ให้ไหม้ได้หนอ
ยก. 3:6 และลิ้นนั้นก็เป็นไฟ ลิ้นเป็นโลกที่ไร้ธรรมในบรรดาอวัยวะของเรา เป็นเหตุให้ทั้งกายมลทินไปทำให้วัฏฏะแห่งชีวิตเผาไหม้ และมันเองก็ติดไฟโดยนรก
ยก. 3:7 เพราะสัตว์เดียรัจฉานทุกชนิด ทั้งนก สัตว์เลื้อยคลาน และสัตว์ในทะเลก็เลี้ยงให้เชื่องได้ และมนุษย์ก็ได้เลี้ยงให้เชื่องแล้ว
ยก. 3:8 แต่ลิ้นนั้นไม่มีมนุษย์คนใดสามารถทำให้เชื่องได้ ลิ้นเป็นสิ่งชั่ว ที่อยู่ไม่สุขและเต็มไปด้วยพิษร้ายถึงตาย
ยก. 3:9 เราทั้งหลายสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้าและพระบิดาด้วยลิ้นนั้น และด้วยลิ้นนั้นเราก็แช่งด่ามนุษย์ ผู้ซึ่งพระเจ้าทรงสร้างไว้ตามพระฉายาของพระองค์
ยก. 3:10 คำสรรเสริญและคำแช่งด่าก็ออกมาจากปากอันเดียวกัน ดูก่อนพี่น้องของข้าพเจ้า ไม่ควรให้เป็นเช่นนั้น
ยก. 3:11 บ่อน้ำพุจะมีน้ำจืดและน้ำกร่อยพุ่งออกมาจากช่องเดียวกันได้หรือ
ยก. 3:12 พี่น้องทั้งหลายต้นมะเดื่อจะออกผลเป็นมะกอกเทศได้หรือ หรือเถาองุ่นจะออกผลเป็นมะเดื่อได้หรือ บ่อน้ำพุเค็มก็ทำให้เกิดน้ำจืดอีกไม่ได้เลย
7.การประพฤติที่อยู่ในสติปัญญา
ยก. 3:13 ในพวกท่านผู้ใดเป็นคนฉลาดและมีปัญญา ก็ให้ผู้นั้นแสดงการประพฤติของตนด้วยพฤติกรรมอันดี มีใจอ่อนสุภาพประกอบด้วยปัญญา
ยก. 3:14 แต่ถ้าท่านรู้สึกขมขื่นเพราะมีใจริษยาและมักใหญ่ใฝ่สูง ก็อย่าโอ้อวดและอย่าทรยศต่อความจริง
ยก. 3:15 ปัญญาเช่นนี้ ไม่เหมือนปัญญาที่มาจากเบื้องบน แต่เป็นปัญญาอย่างโลกและเป็นโลกียวิสัย และเป็นเช่นปีศาจ
ยก. 3:16 เพราะว่าที่ใดมีความริษยาและความมักใหญ่ใฝ่สูง ที่นั่นก็วุ่นวายและมีการกระทำชั่วช้าลามกต่างๆ
ยก. 3:17 แต่ปัญญาจากเบื้องบนนั้นบริสุทธิ์เป็นประการแรก แล้วจึงเป็นความสงบสุข สุภาพและว่าง่าย เปี่ยมด้วยความเมตตาและผลที่ดี ไม่ลำเอียง ไม่หน้าซื่อใจคด
ยก. 3:18 ผู้สร้างสันติสุข หว่านอย่างสันติ จึงได้เกี่ยวความชอบธรรม
8.ขจัดการรื่นเริงเลี้ยงเฮฮาแบบฝ่ายโลกแบบมารซาตาน
ยก. 4:1 อะไรเป็นสาเหตุของสงคราม และอะไรเป็นสาเหตุของการทะเลาะวิวาทกันในพวกท่าน มิใช่กิเลสตัณหาของท่านหรือ ที่ทำให้ท่านต่อสู้กัน
ยก. 4:2 ท่านทั้งหลายอยากได้ แต่ไม่ได้ ท่านก็ฆ่ากัน ท่านโลภแต่ไม่ได้ ท่านก็ทะเลาะและทำสงครามกัน ท่านไม่มีเพราะท่านไม่ได้ขอ
ยก. 4:3 ท่านขอและไม่ได้รับ เพราะท่านขอผิด หวังได้ไปเพื่อสนองกิเลสตัณหาของท่าน
ยก. 4:4 คนทุจริตเอ๋ย ไม่รู้หรือว่า การเป็นมิตรกับโลกนั้น คือการเป็นศัตรูกับพระเจ้า เหตุฉะนั้น ผู้ใดใคร่เป็นมิตรกับโลก ผู้นั้นก็ตั้งตัวเป็นศัตรูกับพระเจ้า
ยก. 4:5 หรือท่านคิดว่าเป็นสิ่งไร้สาระหรือ ที่พระคัมภีร์กล่าวว่า “พระองค์ทรงเป็นห่วงวิญญาณที่ได้ทรงประทานให้อยู่ในเราทั้งหลาย”
ยก. 4:6 แต่พระองค์ก็ได้ทรงประทานพระคุณเพิ่มขึ้นอีก เหตุฉะนั้น พระคัมภีร์จึงกล่าวว่า พระเจ้าทรงต่อสู้ผู้ที่หยิ่งจองหอง แต่ทรงประทานพระคุณแก่คนที่ใจถ่อม
ยก. 4:7 เหตุฉะนั้น ท่านทั้งหลายจงน้อมใจยอมฟังพระเจ้า จงต่อสู้กับมาร และมันจะหนีท่านไป
ยก. 4:8 ท่านทั้งหลายจงเข้าใกล้พระเจ้า และพระองค์จะเสด็จมาใกล้ท่าน คนบาปทั้งหลายเอ๋ย จงชำระมือให้สะอาด และคนสองใจ จงชำระใจของตนให้บริสุทธิ์
ยก. 4:9 จงเป็นทุกข์โศกเศร้าและร้องไห้ จงให้การหัวเราะกลับกลายเป็นการโศกเศร้า และความปีติยินดีกลับกลายเป็นความเศร้าสลด
ยก. 4:10 ท่านทั้งหลายจงถ่อมใจลงต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า และพระองค์จะทรงยกชูท่านขึ้น
9.ไม่วิพากษ์วิจารณ์นินทาใส่ร้ายพี่น้อง
ยก. 4:11 พี่น้องทั้งหลายอย่าใส่ร้ายซึ่งกันและกัน ผู้ใดที่พูดใส่ร้ายพี่น้องหรือตัดสินพี่น้องของตน ผู้นั้นก็กล่าวร้ายต่อธรรมบัญญัติ และตัดสินธรรมบัญญัติ แต่ถ้าท่านตัดสินธรรมบัญญัติ ท่านก็ไม่ใช่ผู้ที่ประพฤติตามธรรมบัญญัติ แต่เป็นผู้ตัดสิน
ยก. 4:12 มีผู้ทรงตั้งธรรมบัญญัติและผู้ทรงพิพากษาตัดสินแต่เพียงองค์เดียว คือพระองค์ผู้ทรงสามารถช่วยเราให้รอดได้ และทรงสามารถทำลายเราได้ แต่ท่านเป็นผู้ใดเล่า ท่านจึงตัดสินเพื่อนบ้านของท่าน
10.ไม่วางใจในความประสงค์ของตัวเอง แต่วางใจในองค์พระผู้เป็นเจ้า
ยก. 4:13 นี่แน่ะท่านที่พูดว่า “วันนี้หรือพรุ่งนี้เราจะเข้าไปในเมืองนี้เมืองนั้น และจะอยู่ที่นั่นปีหนึ่ง และจะค้าขายได้กำไร”
ยก. 4:14 แต่ว่าท่านไม่รู้เรื่องของพรุ่งนี้ ชีวิตของท่านเป็นเช่นใดเล่า ท่านก็เป็นเช่นหมอกที่ปรากฏอยู่เพียงชั่วครู่แล้วก็หายไป
ยก. 4:15 แทนที่จะพูดเช่นนั้นท่านทั้งหลายควรจะพูดว่า “ถ้าองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงโปรด เราจะมีชีวิตอยู่ และจะกระทำสิ่งนี้หรือสิ่งนั้น”
ยก. 4:16 ตามความจริงท่านทั้งหลายโอ้อวดด้วยความทะนงตน การโอ้อวดทุกอย่างเช่นนี้เป็นความชั่ว
ยก. 4:17 เหตุฉะนั้นผู้ใดรู้ว่าอะไรเป็นความดีและไม่ได้กระทำ คนนั้นจึงมีบาป
ยก. 5:1 นี่แน่ะท่านผู้มั่งมี จงร้องไห้โอดครวญเพราะความวิบัติซึ่งจะเกิดกับท่าน
ยก. 5:2 ทรัพย์สมบัติของท่านก็ผุพังไปแล้ว และตัวแมลงก็กัดกินเสื้อผ้าของท่าน
ยก. 5:3 ทองและเงินของท่านก็เกิดสนิม และสนิมนั้นก็จะเป็นพยานหลักฐานการกระทำของท่าน และจะเผาผลาญเลือดเนื้อท่านดุจไฟ ท่านได้ส่ำสมสมบัติไว้แล้วสำหรับอวสานกาล
ยก. 5:4 นี่แน่ะ ค่าจ้างของคนที่ได้เกี่ยวข้าวในนาของท่านซึ่งท่านได้ฉ้อโกงไว้นั้น ก็ร้องฟ้องขึ้น และเสียงร้องทุกข์ของคนที่เกี่ยวข้าวนั้น ได้ทรงทราบถึงพระกรรณขององค์พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธาแล้ว
ยก. 5:5 ท่านมีชีวิตอยู่ในโลกอย่างฟุ่มเฟือยและสนุกสนาน ท่านได้บำเรอจิตใจของท่านไว้รอวันประหาร
ยก. 5:6 ท่านได้ตัดสินลงโทษ และได้ฆ่าคนชอบธรรม เขาก็ไม่ได้ต่อต้านท่าน
11.รอคอยองค์พระผู้เป็นเจ้าเสด็จมาด้วยความอดทนนาน
ยก. 5:7 เหตุฉะนั้นพี่น้องทั้งหลาย จงอดทนจนกว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าจะเสด็จมา จงดูชาวนารอคอยผลอันล้ำค่าที่จะได้จากแผ่นดิน เพียรคอยจนกระทั่งมีฝนต้นฤดูและฝนชุกปลายฤดู
ยก. 5:8 ท่านทั้งหลายก็จงอดทนเช่นนั้นเหมือนกัน จงตั้งอกตั้งใจให้ดี เพราะใกล้จะถึงเวลาที่องค์พระผู้เป็นเจ้าจะเสด็จมาแล้ว
ยก. 5:9 พี่น้องทั้งหลาย จงอย่าบ่นว่ากันและกัน เพื่อท่านจะไม่ต้องถูกทรงพิพากษา จงดูองค์พระผู้พิพากษาทรงประทับยืนอยู่ที่ประตูแล้ว
ยก. 5:10 พี่น้องทั้งหลาย จงเอาแบบอย่างในการทนทุกข์และการอดทนของผู้เผยพระวจนะ ผู้ได้กล่าวความในพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้า
ยก. 5:11 จงดู เราถือว่าผู้ที่อดทนก็เป็นสุข ท่านได้รู้เรื่องความอดทนของโยบ และได้เห็นแล้วว่าในที่สุดปลายนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเปี่ยมไปด้วยพระเมตตากรุณาสักเท่าใด
12.สัตย์จริงในคำพูด ละเว้นในการสาบาน
ยก. 5:12 ดูก่อนพี่น้องของข้าพเจ้า ที่สำคัญยิ่งกว่าสิ่งอื่นใดก็คือ จงอย่าสบถสาบาน อย่าอ้างฟ้าสวรรค์หรือแผ่นดินโลก หรือสิ่งอื่นๆ แต่ที่ควรว่าใช่ก็จงว่าใช่ ที่ควรว่าไม่ก็จงว่าไม่ เพื่อท่านจะไม่ถูกลงโทษ
13.มีภาคปฎิบัติที่ดีสมบูรณ์ในการดำเนินชีวิตคริสตจักร
ยก. 5:13 มีผู้ใดในพวกท่านทนทุกข์หรือ จงให้ผู้นั้นอธิษฐาน มีผู้ใดร่าเริงยินดีหรือ จงให้ผู้นั้นร้องเพลงสรรเสริญ
ยก. 5:14 มีผู้ใดในพวกท่านเจ็บป่วยหรือ จงให้ผู้นั้นเชิญบรรดาผู้ปกครองของคริสตจักรมา และให้ท่านเหล่านั้นอธิษฐานเพื่อเขา และเจิมเขาด้วยน้ำมันในพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้า
ยก. 5:15 และการอธิษฐานด้วยความเชื่อจะช่วยให้ผู้ป่วยรอดชีวิต และองค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงโปรดให้เขาหายโรค และถ้าเขาได้กระทำบาปพระองค์ก็จะทรงโปรดอภัยให้
ยก. 5:16 เหตุฉะนั้นท่านทั้งหลายจงสารภาพบาปต่อกันและกัน และจงอธิษฐานเพื่อกันและกัน เพื่อท่านทั้งหลายจะพ้นโรคภัย คำอธิษฐานของผู้ชอบธรรมนั้นมีพลังทำให้เกิดผล
ยก. 5:17 ท่านเอลียาห์ก็เป็นมนุษย์ที่มีสภาพเหมือนกับเราทั้งหลาย และท่านได้อธิษฐานด้วยความเชื่ออันแรงกล้าขอไม่ให้ฝนตก และฝนก็ไม่ตกต้องแผ่นดินถึงสามปีกับหกเดือน
ยก. 5:18 และท่านได้อธิษฐานขออีกครั้งหนึ่ง และฟ้าสวรรค์ได้ประทานฝนให้ และแผ่นดินจึงได้ผลิตพืชผลต่างๆ
ยก. 5:19 พี่น้องของข้าพเจ้า ถ้าคนใดในพวกท่านหลงผิดไปจากความจริง และผู้ใดชักจูงเขาให้เขากลับใจเสียใหม่
ยก. 5:20 จงให้ผู้นั้นรู้เถิดว่า ผู้ที่ช่วยคนบาปคนหนึ่งให้พ้นจากทางผิดของเขานั้น ก็ได้ช่วยจิตวิญญาณของเขาให้รอดพ้นจากความตาย และได้กำจัดบาปเสียมากมาย
วันศุกร์ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2557
จงเชื่อแล้วรับบัตติสมาถึงจะได้รับความรอด
มาระโก16ข้อ16 ผู้ใดได้เชื่อและรับบัตติสมาแล้ว ผู้นั้นจะรอด แต่ผู้ไม่เชื่อ จะต้องปรับโทษ
นี่คือสิ่งที่บัพติศมาได้กระทำแก่มนุษย์
ข้าพเจ้าคิดว่าทุกคนในนิกายโปรแตสแตนท์มีความหวาดกลัวสำหรับพระคัมภีร์ในข้อนี้ ต่างไม่กล้าอ่านพระคัมภีร์ข้อนี้ ทุกครั้งที่อ่านข้อนี้จะแก้เป็นว่า ผู้ใดได้เชื่อและรอดแล้ว ผู้นั้นจะรับบัตติศมา แต่พระคำของพระเจ้าไม่เคยตรัสเช่นนี้ ที่เป็นเช่นนี้เนื่องจากมนุษย์ต้องการหลีกเลี่ยงความผิดพลาดของโรมันคาทอลิก จึงจงใจแก้พระคำของพระเจ้า แต่ว่าท่านได้เข้าสู่ความผิดพลาดอีกประการหนึ่ง พระคำของพระเจ้าตรัสไว้ชัดเจนแล้วว่า ผู้ใดได้เชื่อและรอดแล้ว ผู้นั้นจะเข้าบัพติสมา
วอท์ชแมน นี
หนังสือเสริมสร้างผู้แรกเชื่อ
มก. 16:16 ใครเชื่อและรับบัพติศมาก็จะรอด แต่ใครไม่เชื่อจะต้องถูกลงโทษ
มก. 16:16 ผู้ที่เชื่อและรับศีลล้างบาปก็จะรอดพ้น ผู้ที่ไม่เชื่อจะถูกตัดสินลงโทษ
มก. 16:16 ผู้ใดเชื่อและรับบัพติศมาแล้วผู้นั้นจะรอด แต่ผู้ใดไม่เชื่อจะต้องปรับโทษ
นี่คือสิ่งที่บัพติศมาได้กระทำแก่มนุษย์
ข้าพเจ้าคิดว่าทุกคนในนิกายโปรแตสแตนท์มีความหวาดกลัวสำหรับพระคัมภีร์ในข้อนี้ ต่างไม่กล้าอ่านพระคัมภีร์ข้อนี้ ทุกครั้งที่อ่านข้อนี้จะแก้เป็นว่า ผู้ใดได้เชื่อและรอดแล้ว ผู้นั้นจะรับบัตติศมา แต่พระคำของพระเจ้าไม่เคยตรัสเช่นนี้ ที่เป็นเช่นนี้เนื่องจากมนุษย์ต้องการหลีกเลี่ยงความผิดพลาดของโรมันคาทอลิก จึงจงใจแก้พระคำของพระเจ้า แต่ว่าท่านได้เข้าสู่ความผิดพลาดอีกประการหนึ่ง พระคำของพระเจ้าตรัสไว้ชัดเจนแล้วว่า ผู้ใดได้เชื่อและรอดแล้ว ผู้นั้นจะเข้าบัพติสมา
วอท์ชแมน นี
หนังสือเสริมสร้างผู้แรกเชื่อ
มก. 16:16 ใครเชื่อและรับบัพติศมาก็จะรอด แต่ใครไม่เชื่อจะต้องถูกลงโทษ
มก. 16:16 ผู้ที่เชื่อและรับศีลล้างบาปก็จะรอดพ้น ผู้ที่ไม่เชื่อจะถูกตัดสินลงโทษ
มก. 16:16 ผู้ใดเชื่อและรับบัพติศมาแล้วผู้นั้นจะรอด แต่ผู้ใดไม่เชื่อจะต้องปรับโทษ
เราเป็นคนใหม่ของพระคริสต์
«ฝ่ายโยชูวานั้นสวมเครื่องแต่งกายสกปรก ยืนอยู่หน้าทูตสวรรค์ และทูตสวรรค์จึงบอกผู้ที่ยืนอยู่ข้างหน้าท่านว่า “จงเปลื้องเครื่องแต่งกายที่สกปรกจากท่านเสีย” และทูตสวรรค์พูดกับท่านว่า “ดูเถิด เราได้เอาความชั่วช้าออกไปเสียจากเจ้าแล้ว และเราจะประดับตัวเจ้าด้วยเสื้อผ้าอันสะอาด”»
เศคาริยาห์ 3:3,4
[พระคัมภีร์ TBS 1998]
อ่านตรงนี้แล้วเหมือนเราทั้งหลายที่เมื่อก่อนก็เป็นคนสกปรกมีบาปชั่วช้าติดตัวมาแต่เกิดแต่ด้วยพระมหาเมตตาพระคุณของพระเจ้าที่ทรงได้เลือกเราไว้ก่อนวางรากสร้างโลก ทำให้วันนี้เราเป็นคนที่สามารถจะใส่เสื้อที่สะอาดได้เพื่อเข้าเฝ้าองค์พระผู้เป็นเจ้า วันนี้เราต้องสลัดทิ้งเสื้อผ้าเก่าสกออกไปจากกาย จิต วิญญาณของเราอย่างสิ้นเชิงสวมเสื้อผ้าใหม่เป็นคนใหม่ของพระคริสต์เพื่อให้พระองค์ทรงเปลี่ยนแปลงเราให้มีความรักชอบเหมือนพระคริสต์เอเมน.
เศคาริยาห์ 3:3,4
[พระคัมภีร์ TBS 1998]
อ่านตรงนี้แล้วเหมือนเราทั้งหลายที่เมื่อก่อนก็เป็นคนสกปรกมีบาปชั่วช้าติดตัวมาแต่เกิดแต่ด้วยพระมหาเมตตาพระคุณของพระเจ้าที่ทรงได้เลือกเราไว้ก่อนวางรากสร้างโลก ทำให้วันนี้เราเป็นคนที่สามารถจะใส่เสื้อที่สะอาดได้เพื่อเข้าเฝ้าองค์พระผู้เป็นเจ้า วันนี้เราต้องสลัดทิ้งเสื้อผ้าเก่าสกออกไปจากกาย จิต วิญญาณของเราอย่างสิ้นเชิงสวมเสื้อผ้าใหม่เป็นคนใหม่ของพระคริสต์เพื่อให้พระองค์ทรงเปลี่ยนแปลงเราให้มีความรักชอบเหมือนพระคริสต์เอเมน.
เราทั้งหลายจงอ่อนน้อมสุภาพแบบพระคริสต์
อย่าถือว่าตนเองดีกว่าคนอื่น เพราะในสายพระเนตรขององค์พระผู้เป็นเจ้า ท่านจะดูแย่กว่าคนอื่น พระเจ้าจึงได้สอนให้เราเป็นผู้ถ่อมใจเป็นผู้เล็กน้อยเป็นผู้ทาสรับใช้พี่น้องที่รักในพระคริสต์
ใครจะรู้ถึงสิ่งที่ซ้อนเร้นอยู่ในใจมนุษย์ อย่าภูมิใจในสิ่งที่ทำ การตัดสินขององค์พระผู้เป็นเจ้าไม่เหมือนการตัดสินของมนุษย์ และทำในสิ่งที่มนุษย์ชื่นชมยินดี บ่อยครั้งไม่ใช่สิ่งที่พระองค์พอพระทัย มาตรฐานของเรากับมาตรฐานของพระเจ้าต่างกันมากเนื้อหนังของเราคิดว่าดี แต่วิญญาณของเรานั้นไม่นับเป็นสิ่งที่ดีแต่ประการใดเลย
ถ้าท่านทำสิ่งที่ดีๆ จงเชื่อเถิดว่ามีคนอื่นทำได้ดีกว่ามากมาย เพื่อท่านจะได้รักษาความสุภาพของท่านไว้ การเตือนของพระเจ้าผ่านพระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นสิ่งที่เราจำต้องยอมจำนนต่อพระวิญญาณนั้นเพื่อให้เรามีใจสุภาพต่อพระองค์และต่อพี่น้องในพระคริสต์
ไมม่ใช่เรื่องอันตรายที่จะวางตัวให้ต่ำกว่าคนอื่น แต่กลับเป็นเรื่องที่อันตรายมากกว่า ถ้าจะวางตัวสูงกว่าคนอื่นแม้นเพียงคนเดียว พระเจ้าสอนให้เราเป็นคนถ่อมใจเป็นพี่น้องที่รักน้อยแต่หากเราหลงลืมตัวเย่อหยิางยะโสอวดรู้และดูแคลนพี่น้องต่อให้เป็นนักเทศน์ดังใหญ่ก็ไม่มีค่าอะไรเลยเพราะเราเป็นแค่ผงคลีดินเท่านั้นเอง
สันติสุขเป็นของคนที่มีใจสุภาพ ไม่ใช่ของคนที่ภูมิใจในตนเอง เพราะในหัวใจของเขาจะมีแต่ความอิจฉาและความไม่พอใจ คนที่ถ่อมใจสุภาพอ่อนน้อมถ่อมตนย่อมเป็นที่รักของพี่น้องเสมอ ต่างกับคนที่ยิ่งยะโสอวดเก่งไม่เป็นที่รักของพี่น้อง วันนี้บทเรียนแห่งความสุภาพสอนเราให้ถ่อมใจลงและเป็นคนเรียบง่ายเพื่อถวายพระสง่าราศีแด่พระเยซูคริสต์เจ้าของเราเป็นพยานเพื่ออาณาจักรแห่งพระคริสต์นิรันดร์เอเมน
ใครจะรู้ถึงสิ่งที่ซ้อนเร้นอยู่ในใจมนุษย์ อย่าภูมิใจในสิ่งที่ทำ การตัดสินขององค์พระผู้เป็นเจ้าไม่เหมือนการตัดสินของมนุษย์ และทำในสิ่งที่มนุษย์ชื่นชมยินดี บ่อยครั้งไม่ใช่สิ่งที่พระองค์พอพระทัย มาตรฐานของเรากับมาตรฐานของพระเจ้าต่างกันมากเนื้อหนังของเราคิดว่าดี แต่วิญญาณของเรานั้นไม่นับเป็นสิ่งที่ดีแต่ประการใดเลย
ถ้าท่านทำสิ่งที่ดีๆ จงเชื่อเถิดว่ามีคนอื่นทำได้ดีกว่ามากมาย เพื่อท่านจะได้รักษาความสุภาพของท่านไว้ การเตือนของพระเจ้าผ่านพระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นสิ่งที่เราจำต้องยอมจำนนต่อพระวิญญาณนั้นเพื่อให้เรามีใจสุภาพต่อพระองค์และต่อพี่น้องในพระคริสต์
ไมม่ใช่เรื่องอันตรายที่จะวางตัวให้ต่ำกว่าคนอื่น แต่กลับเป็นเรื่องที่อันตรายมากกว่า ถ้าจะวางตัวสูงกว่าคนอื่นแม้นเพียงคนเดียว พระเจ้าสอนให้เราเป็นคนถ่อมใจเป็นพี่น้องที่รักน้อยแต่หากเราหลงลืมตัวเย่อหยิางยะโสอวดรู้และดูแคลนพี่น้องต่อให้เป็นนักเทศน์ดังใหญ่ก็ไม่มีค่าอะไรเลยเพราะเราเป็นแค่ผงคลีดินเท่านั้นเอง
สันติสุขเป็นของคนที่มีใจสุภาพ ไม่ใช่ของคนที่ภูมิใจในตนเอง เพราะในหัวใจของเขาจะมีแต่ความอิจฉาและความไม่พอใจ คนที่ถ่อมใจสุภาพอ่อนน้อมถ่อมตนย่อมเป็นที่รักของพี่น้องเสมอ ต่างกับคนที่ยิ่งยะโสอวดเก่งไม่เป็นที่รักของพี่น้อง วันนี้บทเรียนแห่งความสุภาพสอนเราให้ถ่อมใจลงและเป็นคนเรียบง่ายเพื่อถวายพระสง่าราศีแด่พระเยซูคริสต์เจ้าของเราเป็นพยานเพื่ออาณาจักรแห่งพระคริสต์นิรันดร์เอเมน
วันพฤหัสบดีที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2557
การเชื่อพระเยซูคือการมหัศจรรย์ที่ยิ่งใหญ่
«พระเยซูได้ทรงกระทำหมายสำคัญอื่นๆอีกหลายประการต่อหน้าเหล่าสาวกของพระองค์ ซึ่งไม่ได้จดไว้ในหนังสือม้วนนี้ แต่การที่ได้จดเหตุการณ์เหล่านี้ไว้ก็เพื่อท่านทั้งหลายจะได้เชื่อว่า พระเยซูทรงเป็นพระคริสต์พระบุตรของพระเจ้า และเมื่อมีความเชื่อแล้ว ท่านก็จะมีชีวิตโดยพระนามของพระองค์»
ยอห์น 20:30,31
[พระคัมภีร์ TBS 1998]
หมายสำคัญที่พระเยซูคริสต์ทรงกระทำนั้นเพื่อให้เรามีความเชื่อมั่นต่อพระเยซูคริสต์ว่าพระองค์เป็นบุตรองค์เดียวของพระเจ้า แต่ไม่ใช่ว่าพอทุกคนเชื่อพระเยซูคริสต์แล้วจำทำการมหัศจรรย์ได้สารพัดแบบพระเยซูคริสต์ ท่านมีชีวิตพระคริสต์สวมทับบริบูรณ์อยู่ภายในท่านหรือยังสลัดเนื้อหนังออกจากตัวท่านได้หมดจดเหมือนพระคริสต์หรือยัง การเชื่อพระเจ้านั่นคือหมายสำคัญการอัศจรรย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเพราะเราได้กลับคืนดีกับพระเจ้าพระผู้สร้างขอพระเจ้าเปิดตาใจท่านให้เหฌนพระคุณมากกว่าการอัศจรรย์เท่านั้น สรรเสริญพระเจ้า เอเมน.
ยอห์น 20:30,31
[พระคัมภีร์ TBS 1998]
หมายสำคัญที่พระเยซูคริสต์ทรงกระทำนั้นเพื่อให้เรามีความเชื่อมั่นต่อพระเยซูคริสต์ว่าพระองค์เป็นบุตรองค์เดียวของพระเจ้า แต่ไม่ใช่ว่าพอทุกคนเชื่อพระเยซูคริสต์แล้วจำทำการมหัศจรรย์ได้สารพัดแบบพระเยซูคริสต์ ท่านมีชีวิตพระคริสต์สวมทับบริบูรณ์อยู่ภายในท่านหรือยังสลัดเนื้อหนังออกจากตัวท่านได้หมดจดเหมือนพระคริสต์หรือยัง การเชื่อพระเจ้านั่นคือหมายสำคัญการอัศจรรย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเพราะเราได้กลับคืนดีกับพระเจ้าพระผู้สร้างขอพระเจ้าเปิดตาใจท่านให้เหฌนพระคุณมากกว่าการอัศจรรย์เท่านั้น สรรเสริญพระเจ้า เอเมน.
วันพุธที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2557
THE NEW TESTAMENT Recovery Version วิทเนสลี
THE NEW TESTAMENT Recovery Version วิทเนสลี
โทร0814500800 และ0890006540
พระคัมภีร์พันธสัญญาใหม่ฉับบฟื้นฟูภาคภาษาอังกฤษฉับบนี้วิทเนส ลีได้อธิบายประกอบพระคำในแต่ละข้อแต่ล่ะบริบท อ่านแล้วเหมือนได้เรียนพระคำเป็นการส่วนตัวกับพระคริสต์เพื่อเข้าใจฝ่ยวิญญาณนำพระทัยของพระเจ้าพระประสงค์ของพระเจ้า พระคำเป็นข้อลึกลับยากที่มนุษย์คนบาปจะเข้าใจ พี่น้องคริสเตียนที่แสวงหาเท่านั้นจึงจะเข้าใจพระประสงค์ของพระคริสต์ศิลานิรันดร์พระองค์นี้ หนังสือเล่มนี้เป็นฉับบก้าวหน้าที่มีคำอธิบายฟุตโน็ตเชื่อมโยงข้อมพระคำภีร์แต่ละข้อเป็นอย่างดี และมีอรรถกถาอธิบายข้อพระคัมภีแต่ละข้อที่ละเอียดที่สุด เหมาะสำหรับผู้ศึกษาหลักความจริงในพระคำของพระเจ้า
เราต้องเป็นคนตรงในพระคำของพระเจ้า
«วิบัติแก่คนเหล่านั้นที่เรียกความชั่วร้ายว่าความดี และความดีว่าความชั่วร้าย (...) ดังนั้นเปลวเพลิงกลืนตอข้าวฉันใด และเพลิงเผาผลาญหญ้าแห้งฉันใด รากของเขาก็จะเป็นเหมือนความเปื่อยเน่า และดอกบานของเขาจะฟุ้งไปเหมือนผงคลีฉันนั้น เพราะเขาทั้งหลายทอดทิ้งพระราชบัญญัติของพระเยโฮวาห์จอมโยธา และได้ดูหมิ่นพระวจนะขององค์บริสุทธิ์แห่งอิสราเอล»
อิสยาห์ 5:20,24
[พระคัมภีร์ TBS 1998]
ยุคนี้เราจะเห็นได้ชัดเจนยิ่งเพิ่มมากขึ้นคนหันไปกราบไหว้รูปเคารพสารพัดอย่างบางครั้งไปไหว้สิ่งที่ต่ำกว่าตัวมนุษย์หลายเท่านัก วันหนึ่งเมื่อกาลพิพากษษของพระเจ้ามาถึงคนพวกนี้ก็จะถูกทิ้งในบึ้งไฟนรกเพราะเขาไม่กลับใจยอมรับสารภาพผิดบาปเข้าสู้หนทางแห่งความเที่ยงแท้หนำซ้ำยังดูหมิ่นพระคำของพระเจ้าอีกวิบัติจริงมีแก่พวกเขาเหล่านั้น ข้อคิดของเราวันนี้คือให้เราเป็นคนตรงรอบครอบในพระคำของพระเจ้าเอเมน
อิสยาห์ 5:20,24
[พระคัมภีร์ TBS 1998]
ยุคนี้เราจะเห็นได้ชัดเจนยิ่งเพิ่มมากขึ้นคนหันไปกราบไหว้รูปเคารพสารพัดอย่างบางครั้งไปไหว้สิ่งที่ต่ำกว่าตัวมนุษย์หลายเท่านัก วันหนึ่งเมื่อกาลพิพากษษของพระเจ้ามาถึงคนพวกนี้ก็จะถูกทิ้งในบึ้งไฟนรกเพราะเขาไม่กลับใจยอมรับสารภาพผิดบาปเข้าสู้หนทางแห่งความเที่ยงแท้หนำซ้ำยังดูหมิ่นพระคำของพระเจ้าอีกวิบัติจริงมีแก่พวกเขาเหล่านั้น ข้อคิดของเราวันนี้คือให้เราเป็นคนตรงรอบครอบในพระคำของพระเจ้าเอเมน
วันอังคารที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2557
หนังสืออำนาจกับการนอบน้อม วอท์ชแมน นี
หนังสืออำนาจกับการนอบน้อม
ผู้เขียน วอท์ชแมน นี
กระดาษถนอมสายตาอย่างดี
โทร 0814500800 และ0890006540
ในปีคศ1949มีการฝึกฝนผู้ร่วมงานที่กู่หลินในเมืองฟูเจา วอท์ชแมน นี ได้ปลดปล่อยข่าวสารเกี่ยวกับอำนาจและการนอบน้อม ทุกคนต้องล้มลงใต้แสงสว่างของพระเจ้าและมีความรู้สึกจากส่วนลึกว่าการงานของผู้ล่วงกฎบัญญัตินั้นได้เติมเต็มทั่วโลก แต่ความรู้สึกของผู้รับพระคุณแห่งความรอดช่างเฉื่อยชายิ่งนัก ในยุคสุดปลายนี้ ถ้าบุตรของพระเจ้าไม่ได้เป็นพยานเพื่อองค์พระผู้เป็นเจ้าในเรื่องการนอบน้อม อาณาจักรของพระเจ้าจะถูกนำเข้ามาได้อย่างไร
รม. 13:1 ทุกคนจงนอบน้อมต่อผู้มีอำนาจปกครอง เพราะไม่มีอำนาจใดที่ไม่มาจากพระเจ้า และอำนาจทั้งหลายที่มีอยู่ก็ได้รับจากพระเจ้าทั้งสิ้น
รม. 13:2 ดังนั้น ผู้ที่ต่อต้านอำนาจก็ต่อต้านพระบัญชาของพระเจ้า และผู้ที่ต่อต้านก็จะถูกตัดสินลงโทษ
1ซมอ. 15:22 ซามูเอลก็ว่า พระยาห์เวห์ทรงต้องการเครื่องเผาบูชา และเครื่องบูชาอื่นๆ เท่ากับที่ทรงต้องการให้เชื่อฟังพระสุรเสียงของพระองค์หรือ ฟังเถิด การเชื่อฟังย่อมดีกว่าการถวายบูชา การอ่อนน้อมย่อมดีกว่าไขมันแกะ
มธ. 18:17 ถ้าเขาไม่ฟังคนเหล่านั้น จงไปแจ้งต่อคริสตจักร ถ้าเขายังไม่ฟังคริสตจักรอีก ก็ให้ถือว่าเขาเป็นเหมือนคนต่างชาติหรือคนเก็บภาษี
วันจันทร์ที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2557
จงวางใจในพระเจ้าอย่าเชื่อมันในตัวเอง
เป็นการไร้ประโยชน์ที่วางใจมนุษย์ หรือส่ิ่งสร้างทั้งหลาย
อย่าอายที่จะรับใช้ผู้อื่นเพราะความรักต่อพระเยซูคริสต์และถูกมองว่าเป็นคนยากจนในชีวิตนี้
อย่าหวังใจตนเอง แต่จงมีความหวังในองค์พระผู้เป็นเจ้า ทำทุกอย่างที่สามารถทำได้ และพระองค์จะช่วยในความมีน้ำใจของท่าน
การเป็นผู้รับใช้พระเจ้าแท้ๆๆมาทำด้วยความรักต่อพระเยซูคริสต์เจ้าเพราะเรารักพระองค์เราเห็นว่าชีวิตในโลกนี้เป็นชีวิตเพียงชั่วคราวในโลกนี้ที่พระเจ้าส่งเรามาเพื่อให้ทำงานรับใช้พระองค์เราพาพี่น้องหลงหายที่พระเจ้าเลือกสรรไว้กับคืนสู่อาณาจักรของพระเจ้า เราจึงไม่ร่ำรวยไม่แสวงหาทรัพย์สินที่เปื่อยเน่าผูพังไปในโลกนี้ที่ไม่เที่ยงแท้
อย่าวางใจในความรู้ของท่าน หรือความเฉลียวฉลาดของคนอื่น แต่ควรจะวางใจในพระเมตตาของพระองค์พระผู้เป็นเจ้าพระองค์ผู้ทำให้คนอวดได้อับอาย แต่ประทานพระหรรษาแก่คนที่สุภาพถ่อมตน พระเจ้าเรียกคนที่ต่ำต้อยเล็กน้อยให้มาเป็นอัครสาวกมากมายเพราะเรามีความเชื่อแบบผู้ต่ำต้อยเราจึงมีความเชื่อที่ยิ่งใหญ่ในหนทางชีวิตนิรันดร์
ถ้าท่านรวยอย่าภูมิใจในความร่ำรวยของท่าน ถ้าเพื่อนของท่านมีอำนาจอย่าอวดอ้างถึงอำนาจของเขา
จงชื่นชมในองค์พระผู้เป็นเจ้า ผู้ประทานทุกสิ่งและเพิ่มพูนทุกอย่างที่ท่านต้องการแม้นแต่ชีวิตของพระองค์
สิ่งที่เป็นคุณสมบัติที่ดีของผู้รับใช้พระเจ้าคือเราเป็นผู้ทาสที่รับใช้พี่น้องทั้งหลายไม่ได้รับใช้เฉพาะคนเฉพาะกลุ่มเท่านั้น การรับใช้พระเจ้าพระองค์ได้ประทานสิ่งจำเป็นในการดำรงชีวิตให้เราผู้รับใช้พระเจ้าอย่างไม่ขัดสน
อย่าภูมิใจว่าท่านมีสุขภาพดีหรือมีร่างกายที่งดงาม เพราะความเจ็บป่วยเพียงเล็กน้อย จะทำให้ทุกอย่างเสื่อมลงและสูญสลายไป เดียวนี้โรคต่างๆๆที่แปลกประหลาดอยากที่วงการแพทย์สมัยใหม่จะทำการรักษาได้มีเพิ่มมากมายขึ้นทุกวัน แต่เมื่อเรามีพระเจ้าจงอธิษฐานทูลขอกับพระเจ้าอย่าได้พึงเจอเลยขอให้เรามีสุขภาพดีเพื่องานรับใช้พระเจ้าสม่ำเสมอ
อย่าอวดดีในความเชี่ยวชาญหรือความสามารถเพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ประทานพระพรเหล่านั้นแก่ท่านอาจไม่พอใจ แต่จงถ่อมตนในความมรู้ความชำนาญที่พระเจ้าประทานให้เพื่อเราจะถวายตนในหนทางของพระเจ้า
โยบ 42:2 “ข้าพระองค์ทราบว่า พระองค์ทรงทำทุกสิ่งได้ และพระประสงค์ของพระองค์จะสำเร็จ
อย่าอายที่จะรับใช้ผู้อื่นเพราะความรักต่อพระเยซูคริสต์และถูกมองว่าเป็นคนยากจนในชีวิตนี้
อย่าหวังใจตนเอง แต่จงมีความหวังในองค์พระผู้เป็นเจ้า ทำทุกอย่างที่สามารถทำได้ และพระองค์จะช่วยในความมีน้ำใจของท่าน
การเป็นผู้รับใช้พระเจ้าแท้ๆๆมาทำด้วยความรักต่อพระเยซูคริสต์เจ้าเพราะเรารักพระองค์เราเห็นว่าชีวิตในโลกนี้เป็นชีวิตเพียงชั่วคราวในโลกนี้ที่พระเจ้าส่งเรามาเพื่อให้ทำงานรับใช้พระองค์เราพาพี่น้องหลงหายที่พระเจ้าเลือกสรรไว้กับคืนสู่อาณาจักรของพระเจ้า เราจึงไม่ร่ำรวยไม่แสวงหาทรัพย์สินที่เปื่อยเน่าผูพังไปในโลกนี้ที่ไม่เที่ยงแท้
อย่าวางใจในความรู้ของท่าน หรือความเฉลียวฉลาดของคนอื่น แต่ควรจะวางใจในพระเมตตาของพระองค์พระผู้เป็นเจ้าพระองค์ผู้ทำให้คนอวดได้อับอาย แต่ประทานพระหรรษาแก่คนที่สุภาพถ่อมตน พระเจ้าเรียกคนที่ต่ำต้อยเล็กน้อยให้มาเป็นอัครสาวกมากมายเพราะเรามีความเชื่อแบบผู้ต่ำต้อยเราจึงมีความเชื่อที่ยิ่งใหญ่ในหนทางชีวิตนิรันดร์
ถ้าท่านรวยอย่าภูมิใจในความร่ำรวยของท่าน ถ้าเพื่อนของท่านมีอำนาจอย่าอวดอ้างถึงอำนาจของเขา
จงชื่นชมในองค์พระผู้เป็นเจ้า ผู้ประทานทุกสิ่งและเพิ่มพูนทุกอย่างที่ท่านต้องการแม้นแต่ชีวิตของพระองค์
สิ่งที่เป็นคุณสมบัติที่ดีของผู้รับใช้พระเจ้าคือเราเป็นผู้ทาสที่รับใช้พี่น้องทั้งหลายไม่ได้รับใช้เฉพาะคนเฉพาะกลุ่มเท่านั้น การรับใช้พระเจ้าพระองค์ได้ประทานสิ่งจำเป็นในการดำรงชีวิตให้เราผู้รับใช้พระเจ้าอย่างไม่ขัดสน
อย่าภูมิใจว่าท่านมีสุขภาพดีหรือมีร่างกายที่งดงาม เพราะความเจ็บป่วยเพียงเล็กน้อย จะทำให้ทุกอย่างเสื่อมลงและสูญสลายไป เดียวนี้โรคต่างๆๆที่แปลกประหลาดอยากที่วงการแพทย์สมัยใหม่จะทำการรักษาได้มีเพิ่มมากมายขึ้นทุกวัน แต่เมื่อเรามีพระเจ้าจงอธิษฐานทูลขอกับพระเจ้าอย่าได้พึงเจอเลยขอให้เรามีสุขภาพดีเพื่องานรับใช้พระเจ้าสม่ำเสมอ
อย่าอวดดีในความเชี่ยวชาญหรือความสามารถเพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ประทานพระพรเหล่านั้นแก่ท่านอาจไม่พอใจ แต่จงถ่อมตนในความมรู้ความชำนาญที่พระเจ้าประทานให้เพื่อเราจะถวายตนในหนทางของพระเจ้า
โยบ 42:2 “ข้าพระองค์ทราบว่า พระองค์ทรงทำทุกสิ่งได้ และพระประสงค์ของพระองค์จะสำเร็จ
ถวายตัวถวายเวลาคืนให้พระเจ้าพระผู้สร้างเราเพื่อดำเนินชีวิตตามน้ำพระทัยพระเจ้า
1 ทิโมธี 6
6จริงอยู่ เราได้รับประโยชน์มากมายจากทางของพระเจ้า พร้อมทั้งความสุขใจ 7เพราะว่าเราไม่ได้เอาอะไรเข้ามาในโลกฉันใด เราก็เอาอะไรออกไปจากโลกไม่ได้ฉันนั้น 8แต่ถ้าเรามีอาหารและเสื้อผ้า ก็ให้เราพอใจด้วยของเหล่านั้นเถิด 9ส่วนคนเหล่านั้น ที่อยากร่ำรวยก็ตกอยู่ในข่ายของความเย้ายวน และติดบ่วงแร้วและในความปรารถนานานาที่ไร้ความคิดและเป็นภัยแก่ตัว ซึ่งทำให้คนเราต้องถึงความพินาศเสื่อมสูญไป 10ด้วยว่าการรักเงินทองนั้นเป็นมูลรากแห่งความชั่วทั้งมวล และเพราะความโลภนี่แหละ จึงทำให้บางคนห่างไกลจากความเชื่อ และตรอมตรมด้วยความทุกข์
พระคำในทิโมธีได้เตือนสติตัวข้าพระองค์อีกครั้งหนึ่งเรามาเกิดก็มาแต่ตัวเปล่าๆๆตายไปก็ไปแต่ตัวเปล่าๆๆจะเอาอะไรที่หาได้จากโลกนี้ไปไม่ได้สักอย่างของของโลกนี้ก็ต้องเป็นของของโลก การมีเสื้อผ้าใส่มีอาหารกินก็เป็นไปดังพระคำของพระเจ้าที่พระองค์จะทรงเลี้ยงดูผู้ที่รักพระองค์อย่างไม่ขัดสนไม่มีอดไม่ต้องกระวนกระวายใดๆๆทั้งสิ้น การร่ำรวยเหมือนจะเป็นสิ่งที่ดีแต่ในสายพระเนตรของพระเจ้าแล้วเหมือนกับติดกับดักแห่งมารซาตานนั่นเองมันจะหลอกล่อให้เราห่างจากเส้นทางของพระเจ้าทำงานหามรุ่งหามค่ำทุ่มเทให้กับงานจนเหน็ดเหนื่อย เวลาพักผ่อนก็เหลือน้อย เวลาแสวงหาพระเจ้าไม่มีเลยจะอ่านพระคัมภีร์จะอธิษฐานกไม่มีเวลาพอนี่คือความจริงแท้การทำงานให้กับโลกสุดท้ายชีวิตก็สั้นลงเพราะเราเอาชีวิตที่ถวายแด่พระเจ้าไปใช้จ่ายอย่างสิ้นเปลืองให้กับเวลาของมารนั่นเองเพราะเราต้องการมีชีวิตที่เกินตัวเกินความจำเป็นอันเป็นบ่วงแร้วทำให้เราเป็นภัยแก่ตัวเองเป็นภัยต่อสุขภาพของตัวเอง การรักเงินทองเป็นสิ่งที่จะทำให้เราตั้งหน้าตั้งตาโกงได้โกงดีหรือใช้เล่ห์เหลี่ยมสารพัดเพื่อให้ได้มาของเงินทองจนหมดเวลาแสวงหาพระเจ้าไม่มีเวลาเหลือให้พระเจ้า พระคำในทิโมธืเตือนเราอีกครั้งด้วยความเมตตาจากพระเจ้าเราต้องหันกลับอย่างสิ้นเชิงถวายเวลาและตัวของเราคืนให้กับพระเจ้าพระผู้สร้างเรามาเพื่อให้เราทำตามน้ำพระทัยของพระเจ้าเอเมน.
6จริงอยู่ เราได้รับประโยชน์มากมายจากทางของพระเจ้า พร้อมทั้งความสุขใจ 7เพราะว่าเราไม่ได้เอาอะไรเข้ามาในโลกฉันใด เราก็เอาอะไรออกไปจากโลกไม่ได้ฉันนั้น 8แต่ถ้าเรามีอาหารและเสื้อผ้า ก็ให้เราพอใจด้วยของเหล่านั้นเถิด 9ส่วนคนเหล่านั้น ที่อยากร่ำรวยก็ตกอยู่ในข่ายของความเย้ายวน และติดบ่วงแร้วและในความปรารถนานานาที่ไร้ความคิดและเป็นภัยแก่ตัว ซึ่งทำให้คนเราต้องถึงความพินาศเสื่อมสูญไป 10ด้วยว่าการรักเงินทองนั้นเป็นมูลรากแห่งความชั่วทั้งมวล และเพราะความโลภนี่แหละ จึงทำให้บางคนห่างไกลจากความเชื่อ และตรอมตรมด้วยความทุกข์
พระคำในทิโมธีได้เตือนสติตัวข้าพระองค์อีกครั้งหนึ่งเรามาเกิดก็มาแต่ตัวเปล่าๆๆตายไปก็ไปแต่ตัวเปล่าๆๆจะเอาอะไรที่หาได้จากโลกนี้ไปไม่ได้สักอย่างของของโลกนี้ก็ต้องเป็นของของโลก การมีเสื้อผ้าใส่มีอาหารกินก็เป็นไปดังพระคำของพระเจ้าที่พระองค์จะทรงเลี้ยงดูผู้ที่รักพระองค์อย่างไม่ขัดสนไม่มีอดไม่ต้องกระวนกระวายใดๆๆทั้งสิ้น การร่ำรวยเหมือนจะเป็นสิ่งที่ดีแต่ในสายพระเนตรของพระเจ้าแล้วเหมือนกับติดกับดักแห่งมารซาตานนั่นเองมันจะหลอกล่อให้เราห่างจากเส้นทางของพระเจ้าทำงานหามรุ่งหามค่ำทุ่มเทให้กับงานจนเหน็ดเหนื่อย เวลาพักผ่อนก็เหลือน้อย เวลาแสวงหาพระเจ้าไม่มีเลยจะอ่านพระคัมภีร์จะอธิษฐานกไม่มีเวลาพอนี่คือความจริงแท้การทำงานให้กับโลกสุดท้ายชีวิตก็สั้นลงเพราะเราเอาชีวิตที่ถวายแด่พระเจ้าไปใช้จ่ายอย่างสิ้นเปลืองให้กับเวลาของมารนั่นเองเพราะเราต้องการมีชีวิตที่เกินตัวเกินความจำเป็นอันเป็นบ่วงแร้วทำให้เราเป็นภัยแก่ตัวเองเป็นภัยต่อสุขภาพของตัวเอง การรักเงินทองเป็นสิ่งที่จะทำให้เราตั้งหน้าตั้งตาโกงได้โกงดีหรือใช้เล่ห์เหลี่ยมสารพัดเพื่อให้ได้มาของเงินทองจนหมดเวลาแสวงหาพระเจ้าไม่มีเวลาเหลือให้พระเจ้า พระคำในทิโมธืเตือนเราอีกครั้งด้วยความเมตตาจากพระเจ้าเราต้องหันกลับอย่างสิ้นเชิงถวายเวลาและตัวของเราคืนให้กับพระเจ้าพระผู้สร้างเรามาเพื่อให้เราทำตามน้ำพระทัยของพระเจ้าเอเมน.
พระเจ้าองค์เที่ยงแท้นิรันดร์กาล
«แต่ความเมตตาของพระเยโฮวาห์นั้นดำรงอยู่ตั้งแต่นิรันดร์กาลถึงนิรันดร์กาลต่อผู้ที่ยำเกรงพระองค์ และความชอบธรรมของพระองค์ต่อหลานเหลน ต่อบรรดาผู้ที่รักษาพันธสัญญาของพระองค์ และระลึกอยู่ที่จะกระทำตามพระบัญญัติของพระองค์»
เพลงสดุดี 103:17,18
[พระคัมภีร์ TBS 1998]
พระยาห์เวห์ผู้ทรงพระชนม์อยู่ตลอดนิรันกาลเป็นเบื้องต้นและเบื้องปลายเป็นพระเจ้าเที่ยงแท้ที่ข้าพระองค์ยำเกรงด้วยความเชื่อในพระคำของพระองค์ที่เป็นจริงไม่เคยเปลี่ยนแปลงไปตามเวลา ตั้งแต่ตัวข้าเจ้าเชื่อมั่นในพระองค์เป็นตายร่วมกับพระองค์เกิดเป็นคนใหม่ในพระองค์บัดนี้พระองค์กำลังเปลี่ยนแปลงข้าพระองค์ให้เป็นเยี่ยงพระองค์ เพราะข้าพเจ้าคือพีน้องของพระคริสต์เป็นบุตรของพระเจ้าได้รับพระเมตตาให้พ้นนรกบึ้งไฟเข้าส่วนในอาณาจักรสวรรค์เอเมน.
เพลงสดุดี 103:17,18
[พระคัมภีร์ TBS 1998]
พระยาห์เวห์ผู้ทรงพระชนม์อยู่ตลอดนิรันกาลเป็นเบื้องต้นและเบื้องปลายเป็นพระเจ้าเที่ยงแท้ที่ข้าพระองค์ยำเกรงด้วยความเชื่อในพระคำของพระองค์ที่เป็นจริงไม่เคยเปลี่ยนแปลงไปตามเวลา ตั้งแต่ตัวข้าเจ้าเชื่อมั่นในพระองค์เป็นตายร่วมกับพระองค์เกิดเป็นคนใหม่ในพระองค์บัดนี้พระองค์กำลังเปลี่ยนแปลงข้าพระองค์ให้เป็นเยี่ยงพระองค์ เพราะข้าพเจ้าคือพีน้องของพระคริสต์เป็นบุตรของพระเจ้าได้รับพระเมตตาให้พ้นนรกบึ้งไฟเข้าส่วนในอาณาจักรสวรรค์เอเมน.
การเอาใจใสพระวิญญาณคือชีวิตแห่งสันติสุข
เมื่อใดก็ตามที่ปรารถนาในเรื่องไม่เหมาะสมสันติสุขจะหายไป
คนถือดีและคนไม่รู้จักพอจะไม่เป็นสุข
คนรู้จักพอและสุุขภาพจะพบสันติสุขมากมาย
คนที่ไม่ตายจากตนเองอย่างแท้จริงในไม่ช้า จะถูกล่อลวง และพ่ายแพ้แม้นในเรื่องเล็กๆน้อยๆ และในสิ่งชั่วร้าย
การเป็นพี่น้องที่ได้ชีวิตใหม่ในพระคริสต์จะได้รับการเปลี่ยนแปลงมีสันติสุขในที่สุดทั้งนี้ไม่ใช่จากความสามารถของตัวเองแต่มาจากพระวิญญาณบริสุทธิ์นำพา เมื่อเราได้ตายร่วมกับพระองค์แล้วได้รับการเป็นขึ้นใหม่ในพระคริสต์วันนี้เราจึงมีชีวิตที่เป็นพี่น้องกับพระบุตรของพระเจ้าพระเยซูคริสต์
เป็นเรื่องยากที่จะหลุดพ้นจากความปรารถนาฝ่ายโลกสำหรับผู้มีจิตใจอ่อนแอ และฝักใฝาความสุข รูป รส กลิ่น เสียง และสัมผัส
บ่อยครั้งจะเสียใจเมื่อต้องปฎิเสธความปรารถนาในเรื่องเหล่านั้น ง่านที่จะโกรธเมื่อความต้องการถูกต่อต้าน การละทิ้งตัวตนของเราเองนั้นยากยิ่งนักหากเราไม่ยอมจำนนต่อการทรงนำแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ การละลิ้งตัวตนต้องมาจากการเปลี่ยนแปลงด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์เท่านั้น
ตรงกันข้ามจะวิตกกังวลเมื่อความปรารถนาได้รับการตอบสนอง มโนธรรมติเตียนที่ทำตามกิเลสและตัณหาของตนเราไม่พบสันติสุขตามที่คาดหวัง
สันติสุขที่แท้จริงไม่อยู่ในจิตใจของของผู้เป็นทาสของเนื้อหนัง
ผู้ไม่ปล่อยวางสิ่งของภายนอกจะไม่พบสันติสุขในใจ สันติสุขเป็นของผู้ปราถนาองค์พระผู้เป็นเจ้าและดำรงชีวิตฝ่ายวิญญาณเท่านั้น
รม. 8:6 การเอาใจใส่เนื้อหนังก็คือความตาย และการเอาใจใส่พระวิญญาณ ก็คือชีวิตและสันติสุข
คนถือดีและคนไม่รู้จักพอจะไม่เป็นสุข
คนรู้จักพอและสุุขภาพจะพบสันติสุขมากมาย
คนที่ไม่ตายจากตนเองอย่างแท้จริงในไม่ช้า จะถูกล่อลวง และพ่ายแพ้แม้นในเรื่องเล็กๆน้อยๆ และในสิ่งชั่วร้าย
การเป็นพี่น้องที่ได้ชีวิตใหม่ในพระคริสต์จะได้รับการเปลี่ยนแปลงมีสันติสุขในที่สุดทั้งนี้ไม่ใช่จากความสามารถของตัวเองแต่มาจากพระวิญญาณบริสุทธิ์นำพา เมื่อเราได้ตายร่วมกับพระองค์แล้วได้รับการเป็นขึ้นใหม่ในพระคริสต์วันนี้เราจึงมีชีวิตที่เป็นพี่น้องกับพระบุตรของพระเจ้าพระเยซูคริสต์
เป็นเรื่องยากที่จะหลุดพ้นจากความปรารถนาฝ่ายโลกสำหรับผู้มีจิตใจอ่อนแอ และฝักใฝาความสุข รูป รส กลิ่น เสียง และสัมผัส
บ่อยครั้งจะเสียใจเมื่อต้องปฎิเสธความปรารถนาในเรื่องเหล่านั้น ง่านที่จะโกรธเมื่อความต้องการถูกต่อต้าน การละทิ้งตัวตนของเราเองนั้นยากยิ่งนักหากเราไม่ยอมจำนนต่อการทรงนำแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ การละลิ้งตัวตนต้องมาจากการเปลี่ยนแปลงด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์เท่านั้น
ตรงกันข้ามจะวิตกกังวลเมื่อความปรารถนาได้รับการตอบสนอง มโนธรรมติเตียนที่ทำตามกิเลสและตัณหาของตนเราไม่พบสันติสุขตามที่คาดหวัง
สันติสุขที่แท้จริงไม่อยู่ในจิตใจของของผู้เป็นทาสของเนื้อหนัง
ผู้ไม่ปล่อยวางสิ่งของภายนอกจะไม่พบสันติสุขในใจ สันติสุขเป็นของผู้ปราถนาองค์พระผู้เป็นเจ้าและดำรงชีวิตฝ่ายวิญญาณเท่านั้น
รม. 8:6 การเอาใจใส่เนื้อหนังก็คือความตาย และการเอาใจใส่พระวิญญาณ ก็คือชีวิตและสันติสุข
วันศุกร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557
พระคริสตธรรมคัมภีร์คือพระคำแห่งความจริงเอเมน
มนุษย์ล่วงลับไปแต่ความจริงของค์พระผู้เป็นเจ้าคงอยู่นิรันดร์
องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสผ่านทางบุคคลมากมายโดยไม่สนใจว่าคนคนนั้นเป็นใคร เรื่องในพระคัมภีร์ใหม่และพระคัมภีร์เดิมเป็นความจริงของพระเจ้าที่ผ่านทั้งศาสดาพยากรณ์อัครสาวกอัครฑูรผ่านมาหลายยุคหลายสมัยแต่ความจริงในพระคำไม่เคยล้าสมัยเป็นความจริงนิรันดร์
บ่อยครั้งอุปสรรคในการอ่านพระคัมภีร์หรือหนังสือศรัทธาต่างๆๆคืออ่านเพื่อแสวงหาความเข้าใจ เพื่อวิพากษ์วิจารณ์ อ่านเพราะความอยากรู้อยากเห็น การอ่านแบบนี้ไม่มีประโยชน์แต่เราต้องอ่านเพื่อเข้าใจน้ำพระทัยของพระเจ้าเพื่อทำให้ชีวิตฝ่ายวิญญาณจำเริญขึ้นในชีวิตคริสเตียนของเราจนเรามีพระนิสัยเหมือนพระเยซูคริสต์เจ้า เอเมน
ความจริงแล้วควรอ่านด้วยใจซื่อและบริสุทธิ์
ถ้าอยากได้ประโยชน์จากการอ่าน จงอ่านด้วยใจสุภาพ อ่านด้วยใจซื่อและบริสุทธิ์ ไม่ใช่ปรารถนาจะได้ชื่อว่าเป็นผู้รู้จากการอ่าน การอ่านพระคำภีร์เป็นพระคำแห่งความจริงใครอ่านด้วยวิญญาณจะช่วยทำให้ตัวเองสุกงอมฝ่ายวิญญาณแต่หากอ่านด้วยความอยากเป็นนักรอบรู้ในพระคัมภีร์จะทำให้ทะนงตนยะโสโอหังไม่ถ่อมสุขภาพต่อพี่น้องในพระคริสต์ด้วยเช่นกัน
ไม่อายที่จะถาม รู้จักฟังคำของผู้ศักดิ์สิทธิ์ในความเงียบ อย่าหงุดหงิดหรือไม่พอใจคำถามจากผู้เฒ่า สิ่งที่เขียนย่อมมีเหตุผลเสมอ สักเกตุุใหมคนที่รู้พระคำของพระคริสต์แห่งความจริงนั้นมักเป็นคนถ่อมตนเงียบสุภาพแต่หลักคิดงานเขียนเปี่ยมล้นไปด้วยพระคำแห่งวิญญาณแห่งความจริงในพระคัมภีร์ของพระเยซูคริสต์เจ้า.
สิ่งที่จำเป็นในชีวิตคริสเตียนที่ขาดไม่ได้นั่นคือพระคำของพระเจ้าที่มาจากพระคัมภีร์ของพระเยซูคริสต์เท่านั้น พระคำของพระเจ้าเป็นอาหารฝ่สยวิญญาณที่หล่อเลี้ยงการเติบโตในพระคริสต์ที่เตรียมเราเป็นพลเมืองแห่งอาณาจักรสรรค์อย่างมีคุณภาพฝ่ายวิญญาณ เอเมน
องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสผ่านทางบุคคลมากมายโดยไม่สนใจว่าคนคนนั้นเป็นใคร เรื่องในพระคัมภีร์ใหม่และพระคัมภีร์เดิมเป็นความจริงของพระเจ้าที่ผ่านทั้งศาสดาพยากรณ์อัครสาวกอัครฑูรผ่านมาหลายยุคหลายสมัยแต่ความจริงในพระคำไม่เคยล้าสมัยเป็นความจริงนิรันดร์
บ่อยครั้งอุปสรรคในการอ่านพระคัมภีร์หรือหนังสือศรัทธาต่างๆๆคืออ่านเพื่อแสวงหาความเข้าใจ เพื่อวิพากษ์วิจารณ์ อ่านเพราะความอยากรู้อยากเห็น การอ่านแบบนี้ไม่มีประโยชน์แต่เราต้องอ่านเพื่อเข้าใจน้ำพระทัยของพระเจ้าเพื่อทำให้ชีวิตฝ่ายวิญญาณจำเริญขึ้นในชีวิตคริสเตียนของเราจนเรามีพระนิสัยเหมือนพระเยซูคริสต์เจ้า เอเมน
ความจริงแล้วควรอ่านด้วยใจซื่อและบริสุทธิ์
ถ้าอยากได้ประโยชน์จากการอ่าน จงอ่านด้วยใจสุภาพ อ่านด้วยใจซื่อและบริสุทธิ์ ไม่ใช่ปรารถนาจะได้ชื่อว่าเป็นผู้รู้จากการอ่าน การอ่านพระคำภีร์เป็นพระคำแห่งความจริงใครอ่านด้วยวิญญาณจะช่วยทำให้ตัวเองสุกงอมฝ่ายวิญญาณแต่หากอ่านด้วยความอยากเป็นนักรอบรู้ในพระคัมภีร์จะทำให้ทะนงตนยะโสโอหังไม่ถ่อมสุขภาพต่อพี่น้องในพระคริสต์ด้วยเช่นกัน
ไม่อายที่จะถาม รู้จักฟังคำของผู้ศักดิ์สิทธิ์ในความเงียบ อย่าหงุดหงิดหรือไม่พอใจคำถามจากผู้เฒ่า สิ่งที่เขียนย่อมมีเหตุผลเสมอ สักเกตุุใหมคนที่รู้พระคำของพระคริสต์แห่งความจริงนั้นมักเป็นคนถ่อมตนเงียบสุภาพแต่หลักคิดงานเขียนเปี่ยมล้นไปด้วยพระคำแห่งวิญญาณแห่งความจริงในพระคัมภีร์ของพระเยซูคริสต์เจ้า.
สิ่งที่จำเป็นในชีวิตคริสเตียนที่ขาดไม่ได้นั่นคือพระคำของพระเจ้าที่มาจากพระคัมภีร์ของพระเยซูคริสต์เท่านั้น พระคำของพระเจ้าเป็นอาหารฝ่สยวิญญาณที่หล่อเลี้ยงการเติบโตในพระคริสต์ที่เตรียมเราเป็นพลเมืองแห่งอาณาจักรสรรค์อย่างมีคุณภาพฝ่ายวิญญาณ เอเมน
สมัครสมาชิก:
ความคิดเห็น (Atom)

