ใน 2พงศาวดาร. 6:38
ถ้าเขาทั้งหลายกลับมาหาพระองค์ด้วยสุดจิตสุดใจของเขา ในแผ่นดินที่เขาไปเป็นเชลย ที่ซึ่งพวกเขาถูกจับไปเป็นเชลย และอธิษฐานต่อพระองค์ตรงต่อแผ่นดิน ซึ่งพระองค์ประทานแก่บรรพบุรุษของเขาทั้งหลาย คือเมืองซึ่งพระองค์ทรงเลือกสรรไว้ และพระนิเวศซึ่งข้าพระองค์ได้สร้างไว้เพื่อพระนามของพระองค์
ใน2พงศาวดาร. 6:39
ขอพระองค์ทรงสดับคำอธิษฐานและคำวิงวอนของพวกเขาจากฟ้าสวรรค์ อันเป็นที่ประทับของพระองค์และขอประทานความยุติธรรมแก่พวกเขา และขอทรงอภัยให้ประชากรของพระองค์ผู้ทำบาปต่อพระองค์
การอธิษฐานเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่พระเจ้าให้อำนาจสิทธิแก่ผู้ที่ได้รับความรอดในการทูลขอต่อพระเจ้าโดยตรงในทุกๆๆเรื่องของสิทธิชนนั้น
บ่อยครั้งที่คริสเตียนทั่วไปจะละเลยต่อการอธิษฐาน
นอกจากไม่อ่านพระคัมภีร์ซืึ่งคือพระคำของพระเจ้าแล้ว ยังไม่อธิษฐานอีกด้วย
ในพงศาวดารนี้ได้ตอกย้ำเราว่าเราควรอธิษฐานเพราะพระเจ้าทรงรับฟังคำอธิษฐานของเรามาจากเบื้องบนสวรรค์
เราควรอธิษฐานทุกที่ทุกเวลา ทั้งเวลาเช้า กลางวัน และเย็น และทุกตลอดเวลาด้วย
เราจำต้องอธิษฐานต่อพระเจ้าเสมอ.
ในพงศาวดารข้อ38นี้ได้บอกให้เราอธิษฐานต่อเมืองที่พระองค์ทรงเลือกสรรไว้ และพระนิเวศน์ของพระองค์ที่ทรงสร้างไว้เพื่อพระนามของพระองค์
หากอ่านเพียงผิวเผินเพียงผ่านๆๆเราคงคิดว่าเป็นเรื่องไกลตัวเรามากมาย
แต่ไม่ใช่เลยเชียว ตรงคำว่าต่อเมืองและพระนิเวศน์ของพระเจ้านี้เล็งถึงอะไร หมายนี้เล็งถึงอาณาจักรของพระเจ้านั่นก็คือคริสตจักรนั่นเอง
ดังนั้นเวลาเราอธิษฐานเราต้องอธิษฐานเพื่อคริสตจักรของเรา เพื่อพี่น้องผู้รับใช้เต็มเวลา เผื่อการประกาศกิติคุณ เผื่อการปรนนิบัติของพี่น้องในคริสจักรทุกๆๆด้าน
อย่าทำแบบคริสเตียนที่อยู่ในคณะองค์การที่เอาเรื่องส่วนตัวมาเป็นประเด็นเริ่มต้นก่อน
ยกตัวอย่างผมมักจะพบเสมอเวลาไปตามคณะองค์การเวลาตั้งประเด็นอธิษฐานทุกครั้งมักจะมีแต่เรื่องส่วนตัวทั้งนั้นเป็นเรื่องของเนื้อหนังล้วนๆๆ
เช่นเรื่องการงานส่วนตัวเลื่อนตำเหน่ง ทะเลาะกับเพื่อนร่วมงาน หรือเรื่องเจ็บไข้ได้ป่วย หากมองผิวเผินน่าจะดีนะทูลขอต่อพระเจ้าหวังพึ่งพระเจ้า
แต่สิ่งที่ผมพบมักจะเป็นว่าพี่น้องเหล่านี้ไม่ได้เจริญเติบโตในเรื่องจิตวิญญาณเลยเชียว
เพราะอะไรก็เพราะคำไว้ไม่อธิษฐานต่อพระเจ้าในเรื่องแผ่นดินของพระเจ้าและพระนิเวศของพระองค์
เค้ายังคงวนเวียนอธิษฐานในเรื่องของแผ่นดินที่เค้าเป็นเชลย หมายถึงหน้าที่การงานในโลกนี้ที่พวกเค้าถูกจับไปเป็นเชลย.
การอธิฐานในทุกวันนี้ของคริสเตียนที่ออ่นแอคืิการอธิษฐานแบบปิรามิดหัวกลับที่เอาเรื่องของพระเจ้าไปไว้ที่สุดท้ายที่สุด
เราต้องมีท่าทีอธิษฐานแบบปิรามิดที่เอาเรื่องของพระเจ้าเป็นเอกเรื่องอาณาจักรของพระเจ้าเป็นใหญ่
จากประสบการณ์ส่วนตัวผมจะเริ่มการอธิษฐานถึงคริสจักร พี่น้องผู้ปรนนิบัติรับใช้พระเจ้าเต็มเวลา เรื่องการประชุมทุกรอบ กระชุมเขต การประชุมอธิษฐาน
เรื่องส่วนตัวจะไว้สุดท้ายแต่บ่อยครั้งก็ไม่ได้อธิษฐานในเรื่องส่วนตัว เพราะโดยความเชื่ออย่างสุดจิตสุดใจอยู่แล้วว่าพระเจ้าจะดูแลเลี้ยงดูผู้ที่มีความเชื่ออย่างมั่นคงในพระองค์เสมอ
เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงที่มีประสบการณ์ตรงในพระเจ้าตลอดเวลาสามสิบห้าปีที่เชื่อพระเจ้ามา พระเจ้าได้ทรงพระเมตาเลี้ยงดูมาตลอดเพระพระเจ้าทรงความยุติธรรมยิ่งนัก
ตรงประโยคเริ่มต้นในข้อ38ที่เขียนไว้ว่า ถ้าเขาทั้งหลายกลับมาหาพระองค์ด้วยสุดจิตสุดใจของเขา
เป็นการย้ำเตือนให้เราหันกลับมาพระเจ้าอย่างสุดจิตสุดใจหมายถึงให้เรามีความเชื่อมั่นคงต่อพระเจ้าอย่างหมดสิ้น เราจำต้องถวายตัวเรามอบเวลาของเราทั้งชีวิตให้พระเจ้าทั้งหมด อุทิศเวลาของเราในพระราชกิจการงานของพระเจ้า.
และในข้อความที่ว่า ในแผ่นดินที่เขาไปเป็นเชลย ที่ซึ่งพวกเขาถูกจับไปเป็นเชลย
แผ่นดินที่เขาไปเป็นเชลยหมายถึงหน้าที่การงานในโลกนี้ที่เราเข้าไปทำอย่างเต็มเวลาทุ่มเทเต็มที่เพื่อตำแหน่งลาภยศเงินทอง
หวังจะมีบ้านหลังใหญ่ๆๆ มีหน้าที่การงานใหญ่ๆๆโตๆๆ เพื่อให้คนนับหน้าถือตา เป็นที่โอ้อวดได้แต่เหล่านี้เป็นเรื่องสมมุติที่วันหนึ่งจะหายไปตายจากไปจากชีวิตท่านซึ่งหมายถึงในช่วงที่ท่านเป็นเชลยนั่นแหล่ะ
ในท้ายข้อที่39กล่าวว่า และขอทรงอภัยให้ประชากรของพระองค์ผู้ทำบาปต่อพระองค์
ประชากรของพระองค์ย้ำไว้ตรงนี้หมายถึงผู้เชื่อทั้งหลายที่เชื่อในพระเจ้าไม่ได้หมายถึงคนทั่วไปที่เป็นเชลยต่อโลกนี้และพระเจ้าอื่น และต่อรูปเคารพทั้งหลายที่เป็นผลงานของมารซาตานทั้งมวล
ในท้ายข้อ39เป็นการตอกย้ำให้เราที่เป็นประชากรของพระเจ้าต้องหันกลับมาสู่หนทางของพระเจ้าร่วมแบ่งปันรับสุขกับพี่น้องในบ้านของพระองค์แล้วอธิษฐานทูลขอต่อพระเจ้าเสมอต่อชีวิตใหม่ของเราที่ได้รอดพ้นจากบ่วงของความผิดบาปไปแล้ว.
ขอพระเจ้าทรงนำพาพี่น้องทั้งมวลให้หันกลับและเข้มแข็งในการอธิษฐานต่อพระเจ้าตลอดเวลา.
เอเมน.